7 ปี “ซิมอนเชลลี่” วันนั้นผมอยู่ที่เซปัง

หากไล่ดูรายชื่อนักบิดอิตาเลียนในโมโตจีพี ณ ปัจจุบัน นอกจาก วาเลนติโน่ รอสซี่, อันเดรีย โดวิซิโอโซ่ ,อันเดรีย เอียนโนเน่, ดานิโล่ เปตรุซชี่ และฟรังโก มอร์บิเดลลี่ แล้ว หากสวรรค์เป็นใจ ควรจะต้องมีชื่อของ “หนุ่มหัวฟู” มาร์โก ซิมอนเชลลี่ ขึ้นมาขับเคี่ยวกับมาร์ก มาร์เกซ ในกลุ่มหัวแถวด้วยแน่นอน แต่น่าเสียดายที่เขาได้จากโลกนี้ไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว

เช้าของวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม ปี 2011 ผม และ “เก๋า” เกียรติยศ พรหมหงษ์ แอดมินเพจ motorsportlives และเพื่อน ๆ นักข่าวอีก 2-3 ฉบับ ที่ได้รับเชิญจากการท่องเที่ยวมาเลเซียให้ไปร่วมชมการแข่งขันโมโตจีพี รายการมาเลเซียนกรังด์ปรีซ์ เดินทางเข้าสู่สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เพื่อทำข่าวและชมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ

โดยหลังจากที่ลุ้นผลงานของ “ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงษ์ วโรกร ที่ตอนนั้นยังเป็นหวานใจของพี่บุ๋ม ปนัดดา เข้าแข่งขันในรายการซัพพอร์ทเรซในช่วงเช้า รวมถึงลุ้น “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ นักบิดไทยที่ได้สิทธิ์เข้าแข่งขันโมโตทู แทนที่ “ฟิล์ม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ที่ได้รับบาดเจ็บ ถูกมาร์ก มาร์เกซ ขี่ชนท้ายแบบเต็ม ๆ ในรอบฝึกซ้อม ในสนามก่อนหน้าที่ออสเตรเลีย ช่วงบ่ายเราทุกคนก็ตั้งตารอการออกสตาร์ทรุ่นโมโตจีพี

วันนั้นหัวแถวเป็น 3 นักบิด จากเรปโซล-ฮอนด้าทั้งหมด (ปีนั้นทีมโรงงานฮอนด้ามีนักแข่ง 3 คน) ไล่จาก ดานี่ เปโดรซ่า, เคซีย์ สโตเนอร์ และอันเดรีย โดวิซิโอโซ่ โดยมีดาวรุ่งที่ทุกคนจับตา นามว่า มาร์โก ซิมอนเชลลี่ อดีตแชมป์โลก 250 ซีซี สังกัดทีมเกรซินี่-ฮอนด้า ออกสตาร์ทในแถวที่ 2 หลังจากสนามก่อนหน้าที่ออสเตรเลีย เพิ่งจะทำผลงานดีที่สุดในชีวิต ด้วยการจบอันดับสองบนโพเดียม

ผมขึ้นไปลุ้นการออกสตาร์ทบนดาดฟ้าของแกรนด์สแตนฝั่งพิตของสนามเซปัง พร้อมกับลุ้นภาพทางจอขนาดยักษ์ที่อยู่บริเวณโค้งสุดท้ายของสนาม ทว่าออกสตาร์ทไปได้ไม่กี่รอบ มีสัญญาธงแดงเกิดขึ้นพร้อมกับเสียงฮือฮาของแฟน ๆ ทั่วสนาม ภาพที่เห็นสุดท้ายจากจอทีวี คือ อุบัติเหตุที่ดูไม่ทันจริง ๆ ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบริเวณโค้ง 11

จากนั้น ภาพที่จอยักษ์ก็ไม่ย้อนกลับไปรีเพลย์ให้เห็นถึงเหตุการณ์นั้นอีกเลย โฆษกประกาศแต่เพียงว่า เป็นสัญญาณธงแดง และทุกคนในสนามก็ทำได้แต่ รอ รอ แล้วก็รอ ว่าจะกลับมาลงแข่งขันได้เมื่อไหร่ เพราะธงแดงกินเวลานานร่วมชั่วโมง ซึ่งถือว่านานผิดปกติ นาทีนั้นผมเริ่มรู้แล้วว่า อาการบาดเจ็บของ ซิมอนเชลลี่ หนักกว่าที่คิด และทุกคนในสนามก็ร่วมภาวนาให้เขาปลอดภัย

หลังจากนั้น ผมเดินไปที่ระเบียงด้านหลัง ที่อยู่ชั้น 2 หลังพิตการาจ สิ่งที่เห็น คือ ทีมงานเกรซินี่ และคุณพ่อ เปาโล ซิมอนเชลลี่ ยืนร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าอยู่ที่หลังพิตของรถแข่งหมายเลข 58 นั่นเป็นภาพที่บ่งบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับ นักบิดฟอร์มแรงวัย 24 ปี และหลังจากนั้น สนามก็ประกาศยืนยันข่าวเศร้าอย่างเป็นทางการ

ว่ากันว่าซิมอนเชลลี คือ นักบิดอิตาเลียนที่มีโอกาสตามรอยความสำเร็จของรุ่นพี่ต่อจาก “เดอะ ด็อกเตอร์” แต่นักบิดจอมบู๊รายนี้กลับต้องจากโลกนี้ไปในวัยเพียงแค่ 24 ปี

ในวันนั้น หากไม่มีโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นที่โค้ง 11 บางทีการแข่งขันโมโตจีพีสนามที่ 17 สุดสัปดาห์นี้ ที่ออสเตรเลีย แต้มของมาร์ก มาร์เกซ อาจจะยังไม่ขาด และอาจต้องลุ้นแชมป์โลกกันจนถึงสนามสุดท้ายก็เป็นได้ ใครจะไปรู้