สื่อโซเชียลมีเดีย อาวุธสู้ศึกเลือกตั้งยุคใหม่

ด้วยอุณหภูมิการเมืองที่เพิ่มขึ้น ตามวันเวลาที่งวดเข้ามาเรื่อย ๆ ไม่แปลกที่หลายฝ่ายเริ่มเปิดศึกชิงความได้เปรียบทางการเมือง ด้วยการชิงพื้นที่ตามหน้าสื่อ แต่สังคมไทยที่ก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 ยุคที่โซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในการกระจายข่าวหรือความเคลื่อนไหวของนักการเมือง

สมรภูมิใหญ่ในศึกเลือกตั้งยุคใหม่ จึงถูกย้ายไปอยู่ที่ Facebook หนึ่งในแพลตฟอร์มสุดฮิตของคนไทย ที่กลายเป็นตัวแปรสำคัญ ซึ่งอาจเปลี่ยนผู้ชนะให้กลายเป็นผู้แพ้ได้ในพริบตา ด้วยจำนวนผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคน (ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง) เจ้าของคะแนนเสียงที่อาจสร้างความแตกต่างให้กับผลการเลือกตั้ง

และก่อนวันเลือกตั้ง 2562 จะมาถึง ลองไปสำรวจ Facebook ของเหล่าคนดังในแวดวงการเมืองกันว่า เพจของแต่ละคนสามารถสร้างความรู้สึกผูกพัน จนอยากไปลงคะแนนให้มากน้อยเพียงใด

ทักษิณ ชินวัตร 

การเลือกตั้งที่ใกล้มาถึง เชื่อว่า เพจ Thaksin Shinawatra เป็นอีกหนึ่งเพจที่น่าจับตามอง เพราะไม่ว่า ทักษิณ จะขยับเขยื้อนไปทางไหน ก็ล้วนสร้างแรงสั่นสะเทือนแวดวงการเมืองไทยทุกครั้ง เมื่อลองมาดูยอดการติดตาม Facebook ก็มียอดผู้ติดตามสูงถึง 2.6 ล้านคน แม้ที่ผ่านมาไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวมากนัก แต่ทุกครั้งที่มีการอัพเดท ก็ได้รับการตอบรับจากลูกเพจอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง

ทำให้มั่นใจว่า การเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามา หากเพจ Thaksin Shinawatra สามารถสร้างคอนเทนต์ที่แข็งแกร็งและมีความดึงดูดมากพอ จะช่วยขยายฐานเสียงให้พรรคการเมืองที่ ทักษิณ หนุนหลังได้ไม่ยาก

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 

ถึงชื่อของ ธนาธร เพิ่งปรากฎในแวดวงการเมือง เพียง 4 เดือน แต่ก็เป็นที่คุ้นชินของหลายคน และยิ่งดูการเคลื่อนไหวในเพจ Thanathorn Juangroongruangkit – ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แม้มีผู้ติดตามในระดับ 1 แสนต้น ๆ แต่ทุกครั้งที่ ธนาธร โพสต์ข้อความบน Facebook ก็ได้การตอบรับจากเหล่าแฟนคลับที่เข้ามากดไลค์ กดแชร์ และแสดงความคิดเห็นอย่างคึกคัก

เชื่อว่า ในการเลือกตั้งที่ใกล้ถึงนี้ เพจ Thanathorn Juangroongruangkit – ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ น่าจะสร้างแฮชแท็กที่ติดกระแสในโลกโซเชียลได้ไม่ยาก

เนวิน ชิดชอบ 

แม้ที่ผ่านมา เนวิน ชิดชอบ อดีตนักการเมืองใหญ่แห่งเมืองบุรีรัมย์ ประกาศล้างมือทางการเมือง ขอหันไปทุ่มเทให้กับการกีฬาและธุรกิจ แต่ชื่อ เนวิน ยังมีมนต์ขลังพอ ที่จะสร้างจุดเปลี่ยนในศึกเลือกตั้ง 2562 เห็นได้จาก “เพจลุงเนวิน” ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อสนับสนุนการแข่งขันไทยแลนด์ โมโตจีพี และจัดกิจกรรมการกีฬา

แต่กลับมียอดผู้ติดตาม “เพจลุงเนวิน” พุ่งแตะ 1.8 แสนคน ทั้ง ๆ ที่เรื่องราวภายในเพจไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมืองเลย ดังนั้น ศึกเลือกตั้งที่กำลังมาถึงนี้ “เพจลุงเนวิน” จึงเป็นอีกหนึ่งเพจที่น่าจะสร้าง Engagement ได้สูง และสร้างกระแสในโลกโซเชียลได้เป็นอย่างดี

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา 

เพจ Gen.Prayut Chan-o-cha ทีมงาน (มียอดคนติดตามประมาณ 3.5 หมื่นคน) เป็นเพจที่ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อนำเสนอการทำงานของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในภาพลักษณ์ที่มีความอ่อนโยน แต่เหมือนการประชาสัมพันธ์ของ พล.อ. ประยุทธ์ เพียงแค่เพจเดียวยังไม่พอ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2561 ได้มีการเปิดตัว “เพจลุงตู่ตูน” (มีผู้เข้าไปกดติดตามกว่า 2.3 หมื่นคน) เพื่อใช้สื่อสารข้อมูลต่าง ๆ กับแฟนเพจ ผ่านตัวการ์ตูน พล.อ. ประยุทธ์

แม้ทั้ง 2 เพจ จะมีความเคลื่อนไหวโดยตลอด แต่จำนวนคนกดไลค์ หรือกดแชร์ต่อกิจกรรมยังถือว่าน้อยมาก คงต้องมาดูกันว่า หาก พล.อ. ประยุทธ์ ลงสมัครรับเลือกตั้งจริง ทีมงานที่เป็นแอดมินจะปรับกลยุทธ์อย่างไร ให้ยอดผู้ติดตามเพิ่มขึ้น และรู้สึกผูกพันกับเพจ เพราะความผูกพันนี้เองที่อาจเพิ่มโอกาสชนะในการเลือกตั้งของ พล.อ. ประยุทธ์

สุเทพ เทือกสุบรรณ

ชื่อของ “ลุงกำนัน” ยังเป็นที่น่าสนใจในแวดวงการเมือง ถึงขั้นแย่งชิงพื้นที่ข่าวได้เสมอ แต่เหมือนกระแสความชื่นชม ชื่นชอบ จะไม่สัมพันธ์กับ เพจ Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ) ซะเท่าไร เมื่อยอดคนติดตามลุงกำนันสูงถึง 2.6 ล้านคน แต่กลับไม่สามารถสร้างความผูกพันให้ลูกเพจ แวะเข้ามาชมคลิป กดไลค์ กดแชร์ หรือร่วมแสดงความคิดเห็นเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับ เพจ Thanathorn Juangroongruangkit – ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่มียอดคนในระดับ 1 แสนต้น ๆ

เมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เชื่อว่า ทีมงานแอดมินของลุงกำนัน คงต้องรีบหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อสร้าง Engagement เพิ่มขึ้น ไม่งั้น ลุงกำนัน อาจไม่สามารถช่วยพรรคการเมืองที่ตนสังกัด ฝ่ามรสุมทางการเมืองที่กำลังจะมาถึงนี้ไปได้

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 

ถึงศึกแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้า “พรรคประชาธิปัตย์” ยังไม่จบ หลายฝ่ายยังเชื่อว่า “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หรือ “พี่มาร์ค” น่าจะเป็นผู้กำชัยชนะในศึกครั้งนี้ แต่หากขยับเข้าสู่เวทีการเลือกตั้ง 2562 อภิสิทธิ์ ก็ยังเจอปัญหาใหญ่อยู่ เมื่อสุดท้ายแล้ว “สมรภูมิหลัก คือ โซเชียลมีเดีย” ด้วยพลัง Engagement ที่สวนทางกับยอดผู้ติดตาม เพจ Abhisit Vejjajiva ซึ่งมีประมาณ 2.2 ล้านคน แต่กลับไม่สามารถสร้างความผูกพันกับลูกเพจได้เลย เรียกว่า เพจของอภิสิทธิ์ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่วิกฤตเสียยิ่งกว่าเพจของลุงกำนัน

และหากทีมงานที่เป็นแอดมินเพจยังไม่รีบแก้ไขสถานการณ์โดยด่วน การที่จะดันชื่อหรือนโยบายของอภิสิทธิ์ ให้กลายเป็นที่กล่าวถึงในโลกออนไลน์ หรือเป็นกระแสจนติดเทรนด์ ติดแฮชแท็ก คงเป็นฝันที่ไกลเกินเอื้อม