ในโลกใบนี้ใคร ๆ ก็รู้จักหนังแนวหนึ่งที่เรียกว่าหนังซอมบี้ ที่ในช่วงชีวิตคุณอาจจะเจอมาหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเดินได้บ้าง วิ่งได้บ้าง กลับมาเป็นคนเหมือนเดิมได้บ้าง แต่ทุกเรื่องล้วนเอาความเอาตัวรอดของมนุษย์มาเล่นทั้งสิ้น แต่จะมีหนังเรื่องไหนบ้างที่ทำให้เห็นว่า ตัวหลักถูกกัดแต่ไม่ได้ถวิลหาสิ่งที่จะรักษาเขาได้ แต่เป็นการที่เขาจะต้องทำยังไงก็ได้ เพื่อให้เขาได้ปกป้องคนอื่นก่อนจะไม่กลายร่าง นี่แหละคือที่มาของหนังเรื่องนี้ “Cargo”
Cargo นั้นเป็นหนังของ Netflix ที่เอาพลอตเรื่องจากหนังสั้นที่มีความยาวเพียง 7 นาที มาต่อยอดให้เป็นหนังใหญ่เกือบ 2 ชั่วโมง ในหนังนั้นจะเล่าถึงตัวละคร ผู้เป็นพ่อที่ว่าด้วยการถูกกัด เขารู้อยู่แล้วว่าจะต้องกลายเป็นซอมบี้ แต่เขาดันมีลูกน้อยที่ดูแลตัวเองไม่ได้ เดินยังไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาจะทำยังไงให้ลูกของเขาปลอดภัย รอดจากซอมบี้ตัวอื่น ๆ ซึ่งในหนังสั้นถือว่าทำออกมาได้ดีมาก จนได้น้ำตาหลาย ๆ คนเป็นรางวัลยืนยัน ว่าหนังสั้นเรื่องนี้ดีมาก ๆ เลยทีเดียว
แต่เมื่อทำออกมาเป็นหนังใหญ่กลับทำให้รู้สึกว่า ทำมาทำไมกัน ถ้าถามว่าคำนี้แรงไปไหม สำหรับผมคนที่รอหนังเรื่องนี้มาตั้งแต่เดือนมกราคม บอกได้เลยว่าผิดหวังอย่างมากครับ บางอย่างก็ไม่เมคเซ้นส์ ในโลกอันโหดร้ายมีอะไรให้เล่นเยอะแยะ แต่ดันทำบทออกมาให้มันดูงี่เง่ามากเกินไป และทำให้หนังดูแย่ไปเลยจากต้นฉบับ ในหนังนั้นซึ่งมีความยาวเกือบ 2 ชั่วโมง เอาจริง ๆ เพียงแค่ 10 นาทีก็เข้าใจหนังทั้งเรื่องได้แล้ว
… จากนี้จะเป็นการอ้างถึงเนื้อหาในหนังนะครับ ถ้าใครยังไม่ได้ดูหรือรับไม่ได้กับการสปอยล์ ควรกดข้ามครับ …
ในหนังสั้นเราจะพูดถึงเด็กไปเจอผู้มีชีวิตรอดอีกกลุ่มนึง หนังใหญ่ก็เหมือนกันแต่ไม่ใช่กลุ่มแต่มันคือเผ่า เผ่าคนป่าทะเลทรายที่ไหนสักที่ ที่ออกมาล่าซอมบี้เพื่อไม่ให้เข้ามาในอาณาเขตของตน บางทีมีแอคชั่นการฆ่าซอมบี้ให้ออกมาเท่ หัวหน้าหมู่บ้านก็มายืนเท่ ๆ ซึ่งบทตรงนี้ไม่ควรปูมาเลยด้วยซ้ำ
บางตัวละครก็เหมือนเป็นการยัดเยียดเข้ามา เพื่ออะไรก็ไม่รู้ หรือบางอย่างเช่น เจอหมอ หมอบอกให้ตามหาเด็ก เพื่อที่จะให้เด็กคนนั้นคอยดูแลลูกตัวเองได้ แต่กลับกลายเป็นว่า เจอแล้วคิดว่าเขาดูแลเด็กไม่ได้ เลยหาคนที่เหมาะไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ฝากไว้กับหมอแล้วให้หมอติดต่อไปก็ได้ เหมือนพยายามจะยืดเรื่องโดยเปล่าประโยชน์
ทั้งนี้ก็ขอบอกได้เลยว่าหนังบางเรื่องที่มันดีอยู่แล้ว ถ้าคิดจะไปแตะต้องมันก็ต้องบั่นทอน ลดระดับคุณค่าลงจากต้นฉบับอยู่แล้ว สู้ไม่ทำเลยยังจะดีกว่า เพราะอย่างไรตำนานก็ปล่อยให้เป็นตำนานต่อไป หรือถ้ามั่นใจว่าทำได้ดีกว่าต้นฉบับ ก็ควรที่จะศึกษาบทนั้นให้ดีก่อนที่จะถ่ายทำมันขึ้นมานะครับ ขอบคุณและสวัสดีครับ