เฮกันดังๆ กฎหมายแต่งงานเพศเดียวกันมีผลให้วัยรุ่นอเมริกันฆ่าตัวตายน้อยลง

ภาพจาก pulseheadline

ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง เมื่อผลการศึกษาโดยทีมวิจัยจากสถาบันศึกษา Johns Hopkins Bloomberg School of Public Health ของสหรัฐอเมริกา เผยว่าอัตราการพยายามฆ่าตัวตายของนักเรียนระดับไฮสคูล หรือระดับมัธยมในแต่ละรัฐของสหรัฐฯ ลดน้อยลง หลังมีการผ่านกฎหมายให้เพศเดียวกันสามารถแต่งงานได้อย่างถูกกฎหมาย เมื่อเปรียบเที่ยบกับรัฐที่ไม่ได้ผ่านกฎหมาย

โดยผลการศึกษาจากนักเรียนไฮสคูลที่เรียนในโรงเรียนรัฐบาลจำนวน 762,678 คน ระหว่างวันที่ 1 มกราคม ปี 1999 – 31 ธันวาคม 2015 พบว่ามีอัตราการพยายามฆ่าตัวตายลดลงเหลือ 7 เปอร์เซ็นต์ จากนักเรียนทั้งหมด แต่ถ้าจำกัดวงเฉพาะนักเรียนที่มีรสนิยมรักชอบเพศเดียวกัน (LGBT)ราว 230,000 คน พบว่า มีสัดส่วนลดลงถึง 14 เปอร์เซ็นต์ โดยเป็นการสำรวจใน 32 รัฐที่ผ่านกฎหมายให้เพศเดียวกันแต่งงานกันได้ ก่อนที่ศาลสูงสหรัฐฯ จะบังคับใช้กฎหมายทั่วประเทศในวันที่ 26 มิถุนายน ปี 2015

ทั้งนี้ การฆ่าตัวตาย ถือเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของวัยรุ่นอเมริกันอายุระหว่าง 15-24 ปี และมักพบว่าเกิดขึ้นกับผู้ที่เป็น LGBT โดยสถิติที่ผ่านมา พบว่าวัยรุ่นที่เป็น LGBT มีสถิติฆ่าตัวตาย 29 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่วัยรุ่นทั่วไป มีสถิติฆ่าตัวตายแค่ 6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

โดย จูเลีย เรฟแมน นักวิจัยแห่ง Johns Hopkins Bloomberg School of Public Health ระบุว่า กฎหมายดังกล่าวทำให้วัยรุ่นที่เป็น LGBTรู้สึกว่า “อนาคตมีความหวัง” และ “ไม่ต้องถูกตราหน้าจากสังคมอีกต่อไป” ซึ่งเมื่อผู้คนยอมรับในความต่างเรื่องรสนิยมทางเพศได้ ก็ส่งผลบวกให้ความรุนแรงจากการทำร้ายร่างกายในสังคมลดลงด้วยเช่นกัน