คนในวัยทำงานหลายต่อหลายคนเมื่อเริ่มทำงานใหม่ๆ มักมีคำถามว่าทำไมทุกเดือนต้องถูกหักเงินเดือน 5 เปอร์เซนต์เพื่อจ่ายสบทนทุนประกันสังคม เรียกได้ว่าเป็นคำถามที่คลาสสิก ที่ถูกถามกันมาชนิดรุ่นต่อรุ่น
ส่วนหนึ่งเพราะความเข้าใจต่อเรื่องสิทธิประกันสังคมนั้น ยังไม่ชัดเจนสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มทำงาน และประกันสังคมเพิ่งถูกจัดเข้าสู่ระบบแรงงานอย่างเต็มรูปแบบในปี 2533 ซึ่งทำให้เป็นของกลางเก่ากลางใหม่ ขณะเดียวกันข้อความที่สำนักงานประกันสังคมพยายามจะประชาสัมพันธ์นั้นก็ยังมีหลายข้อที่คนทำงานรุ่นใหม่ยังรู้สึกไม่เข้าใจและเห็นความสำคัญของประกันสังคม ถ้าอย่างนั้นเรามาทำความเข้าใจแบบง่ายภายใน 5 นาทีกันเลย
เงินประกันสังคมที่คุณถูกหักทุกเดือนนั้นทำงานอย่างไร?
เงินในกองทุนประกันสังคมนั้นจะเงินผู้ส่งเงินสบทบหลักๆ 3 ส่วนคือ ผู้ประกันตน นายจ้าง และรัฐบาล โดยสิทธิที่ผู้ประกันตนจะได้รับมีดังนี้
ประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย
ผู้ประกันตนจะได้รับการบริการทางการแพทย์จนสิ้นสุดการรักษารวมทั้งการบำบัดทดแทนไตกรณี ไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายปลูกถ่ายไขกระดูกเปลี่ยนอวัยวะกระจกตาอวัยวะและอุปกรณ์ในการบำบัดรักษาโรคบริการด้านทันตกรรมและเงินทดแทนการขาดรายได้
ทุพพลภาพ
ผู้ประกับตนจะได้รับค่ารักษาพยาบาล + เงินทดแทนรายได้ค่าใช้จ่าย ในกระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ทุพพลภาพทางร่างกายจิตใจและอาชีพไม่เกิน 40,000 บาทต่อราย
เสียชีวิต
ผู้ประกันตนจะได้รับค่าทำศพ 40,000 บาท + เงินสงเคราะห์
คลอดบุตร
ค่าคลอดบุตร 13,000 บาทต่อครั้งและเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรคนละไม่เกินสองครั้ง
สงเคราะห์บุตร
บุตรอายุน้อยกว่าหกปี 400 บาทต่อคนต่อเดือนครั้งละไม่เกินสองคน
ชราภาพ
อายุครบ 55 ปีสมทบไม่ครบ 180 เดือนหรือ 15 ปีได้บำเหน็จโดยคำนวนจากเงินที่ผู้ประกันตนส่งสบทบกับเงินที่นายจ้างส่ง
อายุครบ 55 ปีจ่ายเงินสบทบ 15 ปีขึ้นไปจะได้รับ 20 เปอร์เซนต์จากค่าจ้างที่คำนวณเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย (5 ปี)ทุไปตลอดชีวิต กรณีที่ได้รับเงินบำนาญชราภาพแล้ว ยังไม่ครบ 5 ปี แต่เสียชีวิตก่อน กรณีนี้จะได้รับบำเหน็จ 10 เท่าของเดือนสุดท้ายของเงินบำนาญที่ได้รับ (ดังนั้นผู้ที่เป็นทายาททางกฎหมายจะได้รับผลประโยชน์ตรงนี้ไป)
ว่างงาน
กรณีถูกเลิกจ้างได้รับเงินทดแทนอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ยสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท โดยจะได้รับเงินทดแทนการว่างงานปีละไม่เกิน 180 วัน (6 เดือน)
กรณีลาออกหรือสิ้นสุดสัญญาจ้างได้รับเงินทดแทนอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้างสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท โดยจะได้รับเงินทดแทนการว่างงานปีละไม่เกิน 90 วัน (3 เดือน)
ประกอบอาชีพอิสระหรือพนักงานสัญญาจ้างทำประกันสังคมได้ไหม?
ผู้ประกอบอาชีพอิสระสามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ซึ่งจะเป็นการส่งเงินสมทบสองส่วนคือรัฐบาล และ ผู้ประกันตน ส่วนสิทธิ์ที่ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 จะได้รับมี 4 กรณีด้วยกัน คือ ขาดรายได้เมื่อเจ็บป่วย ขาดรายได้เมื่อทุพพลภาพ เสียชีวิตและ ชราภาพ
ส่วนของชราภาพ สามารถเลือกชุดสิทธิประโยชน์ที่จะรวมกรณีชราภาพหรือไม่รวมก็ได้ เงินสมทบกรณีที่ไม่รวมชราภาพ ส่งเงินสมทบ 100 บาทต่อเดือน (รัฐสนับสนุน 30 บาท จ่ายเอง 70 บาท) ส่วนเงินสมทบกรณีรวมชราภาพส่ง 150 บาทต่อเดือน (รัฐสนับสนุน 50 บาท จ่ายเอง 100 บาท)
เคยทำงานประจำแต่ปัจจุบันประกอบอาชีพอิสระกลับไปเป็นผู้ประกันตนได้ไหม?
สำหรับผู้ที่เคยทำงานประจำมาก่อน แต่ภายหลังลาออกจากงานประจำเพื่อมาทำอาชีพอิสระแต่ต้องการทำประกันสังคมต่อก็สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ได้ แต่ต้องภายหลังจากลาออกจากงานไม่เกิน 6 เดือน เท่านั้น จึงจะสามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนได้
หากเกินกว่านั้นก็จะไม่มีสิทธิ์และหากต้องการสมัครก็จะต้องสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เท่านั้นโดยผู้ประกันตนตามมาตรา 39 จะได้รับสิทธิ์ อยู่ 6 กรณีด้วยกัน คือ กรณีเจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ เสียชีวิต สงเคราะห์บุตร และ ชราภาพ โดยเงินสมทบที่จะต้องนำส่งประกันสังคม คือ เดือนละ 432 บาท
ถ้าในวันนี้คุณทำงานประจำอยู่แล้วต้องถูกหักเงินเดือนละไม่กี่ร้อยบาท ก็อย่าได้เสียดายเลยเพราะถ้าเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันคุณต้องเข้ารับการรักษาทางการแพทย์ อย่างน้อยก็มีสิทธิในประกันสังคมเป็นฟูกรองหลังอยู่ และถ้าเกิดว่างงานกระทันหันอย่างน้อยเงินที่ได้จากกรณีว่างงานของประกันสังคมก็จะสามารถทำให้คุณดำรงชีวิตอยู่ได้
ในขณะเดียวกันถ้าคุณเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระและไม่คิดว่าประกันสังคมสำคัญ ก็ขอให้คิดถึงวันที่คุณไม่มีแรงทำงาน เงินประกันสังคมที่คุณส่งไม่กี่ร้อยในวันนี้จะเป็นบำนาญที่ทำให้คุณมีคุณภาพชีวิตในวัยชราได้เช่นกัน