“มิกกี้เม้าส์ดีล” เกิดขึ้นได้ก็เพราะ “คุณ”

ถ้าคุณคิดว่า “มิกกี้เมาส์ดีล” หรือการเข้าซื้อกิจการ ของ 21st Century Fox โดยดิสนี่ย์ด้วยตัวเลขที่ถูกจัดให้เป็นอภิมหาดีลมูลค่า 52,400 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นเรื่องไกลตัวคุณ ทางเราขอให้คุณคิดทบทวนอีกครั้ง เพราะถ้าคุณสมัครสมาชิก Netflix หรือถ้าคุณเป็นแฟนกีฬาชอบดูฟุตบอล เทนนิส อเมริกันฟุตบอล บาสเกตบอล ดีลนี้ส่งผลกระทบต่อคุณแน่นอนในอนาคต

มิกกี้เม้าส์ดีล ในยุค Cord – Cutting

ในยุคสมัยที่พฤติกรรมการรับชมความบันเทิงของคนส่วนใหญ่เปลี่ยนไป ทีวีไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการรับสื่อ สมาร์ทโฟนต่างหากที่เข้ามาแทนที่ และมาพร้อมกับความต้องการของคนดูที่สามารถเลือกเนื้อหาได้เอง

ลองนึกภาพดู คุณสามารถชมสตาร์วอร์ส์ กัปตันอเมริกา ดิเอ็กซ์เมน อวาร์ตาร์ หรือหนังที่เป็นที่สุดของค่ายฟ๊อกซ์ และ ดิสนี่ย์ ผ่านบริการสตรีมมิ่ง ที่คุณสามารถรับชมได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะผ่านสมาร์ทโฟน หรือ ต่อจากสมาร์ทโฟน ขึ้นสู่จอสมาร์ททีวี คิดดูซิว่ามันจะยอดเยี่ยมแค่ไหน

ในยุคดิจิตอล ที่คำว่า Cord – Cutting กลายเป็นตัวแปรสำคัญ ในการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค เพราะหมายถึงการเลือกรับชมเนื้อหาจากผู้ผลิต โดยไม่ต้องผ่านเคเบิลในรูปบอกรับสมาชิก หรือ รอผังรายการของสถานีโทรทัศน์ การเติบโตของ เนื้อหาที่รับชมผ่านระบบ สตรีมมิ่ง จนกลายเป็นสตรีมมิ่งทีวีที่คนไทยจะพอคุ้นเคยอยู่บ้างอย่าง Netflix หรือ AIS Play รวมไปถึง Line TV ที่จะเห็นได้ว่ามีคนให้ความสนใจรับชมผ่านทางแพลทฟอร์มดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นเรื่อย

กลับมาที่เรื่องของดิสนี่ย์ และ ดีลหมื่นล้านที่ว่ากันว่าการซื้อในครั้งนี้ ดิสนี่ย์ เองจะทำกำไรมหาศาลได้ในไม่ช้า เพราะดิสนี่ย์เองเตรียมที่จะทำ สตรีมมิ่งทีวีเป็นเของตนเองในปี 2019 ซึ่งนั่นหมายความว่า บรรดาหนังหรือซีรี่ย์ของ ดิสนี่ย์ และ ฟ๊อกซ์ ที่ฉายอยูใน Netflix นั้นจะถูกเรียกคืนมากทั้งหมด และทำให้ผู้ใช้บริการของ Netflix จะไม่สามารถรับชมภาพยนตร์ ของ ลูคัสฟิลม์ มาร์เวล พิกซ่า และ ดิสนี่ย์ อนิเมชั่นได้อีกต่อไป

ที่นี้มาดูกันดีกว่าว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบอะไรให้กับเราท่านในฐานะผู้ชมบ้าง

ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกรณีคุณเป็นบุคคลทั่วไป ถ้าคุณเป็นหนึ่งในสมาชิกของ Netflix เวลานี้ผลกระทบยังไม่เกิดเพราะกว่าที่ทางดิสนี่ย์ จะดึงภาพยนตร์ หรือ ซีรี่ย์ ที่ตนเองเป็นเจ้าของนั้น ก็อีกสองปีข้างหน้า คุณยังพอมีเวลาเตรียมตัว

ลิขสิทธิ์กีฬาจะแพงขึ้นเรื่อยๆในสงครามสตรีมมิ่งทีวี

อภิมหาดีล ที่ดิสนีย์ ทุ่มเงิน 52,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการซื้อ ฟ๊อกซ์ นั้นเป็นตัวเลขที่ โรเบิร์ต  ไอเกอร์ บอกว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ซึ่งก็ดูเหมือนจะจริง โดยเฉพาะในส่วนของ Content ทางด้านภาพยนตร์ และ ซีรี่ย์ ที่อีกหน่อยจะกลายมาเป็น Disney Streaming Service ที่มีหนังระดับบ๊อกซ์ออฟฟิศ ชนิดล้นทะลัก และ ด้วยเพลทฟอร์มดังกล่าวเชื่อว่าอีกไม่นานคงได้เห็น  Netflix ปรับตัว

นอกเหนือจากนี้แล้ว โรเบิร์ต ไอเกอร์และดิสนี่ย์ ยังได้ฟ๊อกสปอร์ต เข้ามาอยู่ภายใต้การบริหารของ อีเอสพีเอ็น ชนิดที่เรียกว่าทำให้ ดิสนี่ย์ กลายเป็นพี่ใหญ่แห่งวงการกีฬาไปเลยทีเดียว เพราะไม่ว่าจะเป็น ESPN ที่ดิสนี่ย์ ซื้อมาก่อนหน้านี้ มาบัดนี้เมื่อได้ Fox Sports มาเสริมกำลังทัพไม่ว่าจะเป็น เอ็นเอฟแอล เอ็นบีเอ เทนนิสรายการเมเจอร์ และ ยังได้หุ้นในสกายสปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ แต่ดูเหมือนว่าการรวมระหว่าง อีเอสพีเอ็น และ ฟ๊อกซ์ สปอร์ต จะไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะล่าสุด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ อีเอสพีเอ็น เพิ่งยื่นใบลาออกเมื่อวันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม หลังจากดิสนี่ย์เข้าซื้อกิจการของ ฟ๊อกซ์ ได้เพียงแค่สี่วัน

จากปฎิกิริยา ดังกล่าว โรเบิร์ต ไอเกอร์ คงต้องวางแผนในการบริหารจัดการ Content กีฬา ที่มีมูลค่าทางลิขสิทธิ์มหาศาล เพราะก่อนหน้านี้ อาการบาดเจ็บของ อีเอสพีเอ็น ที่ยอดผู้บอกรับสมาชิกลดลงจาก100 ล้านรายมาเหลือเพียง 88 ล้านรายในปี 2010  ยังเป็นเลือดที่ไหลไม่หยุด และดิสนี่ย์ ในฐานะบริษัทแม่ ก็พยายามอย่างยิ่งที่จะกระจาย เนื้อหาไปสู่รูปแบบของการสตรีมมิ่ง แต่ด้วยลิขสิทธิ์อันแสนแพง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เอ็นเอฟแอล ที่อีเอสพีเอ็น ทุ่มทุนซื้อมาไว้ ทำให้รายได้ยังไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไป

ทั้งนี้นายใหญ่ของดิสนี่ย์ เผยถึงทิศทางในการจัดการกับ Content กีฬาในมือที่มีอยู่ว่า จะต้องพิจารณาถึงมูลค่าของลิขสิทธิ์ที่มีอยู่ในมือไม่ใช่แค่โยน กีฬาทั้งหมดที่มีลงไปในแพคเกจ แต่ในทางกลับกัน เวลานี้ ดิสนี่ย์ ก็จะได้ชื่อว่าถือลิขสิทธิ์กีฬาดีๆ ไว้ในมือชนิดที่หลายผู้ให้บริการระบบโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก หรือ สตรีมมิ่งทีวีต้องวิ่งเข้าหา หรือ ดิสนี่ย์ จะเปลี่ยนรูปแบบตนเองเป็นสตรีมมิ่งทีวีก่อนก็ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเราในฐานะผู้ชมจะเกิดผลกระทบใดบ้าง

ผลกระทบในกรณีที่คุณเป็นผู้รับชมคนหนึ่ง : จากนี้ไปอีกประมาณสองถึงสามปี การรับชมกีฬาถ่ายทอดสดโดยไม่เสียเงินแบบที่เราคุ้นเคยไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอลโลก หรือ มวยคู่หยุดโลก หรือทัวร์นาเมนต์กีฬารายการสำคัญ จะไม่มีอีกต่อไป เพราะบรรดาสถานีโทรทัศน์จะรู้สึกว่าได้ไม่คุ้มเสีย เนื่องมากจากค่าลิขสิทธิ์มหาโหดที่ทำให้ไม่สามารถหาสปอนเซอร์สนับสนุนรายการได้ และเมื่อถึงเวลานั้นการรับชมจะเปลี่ยนไปเป็นรูปแบบ Pay per view แทน (แน่นอนว่าถ้าต้องดูแบบจ่ายเงินทุกคนก็ต้องการดูภาพคมชัด การบรรยายที่ดีงามตามมาด้วย)

ในเวลานี้การรับชมถ่ายทอดสดฟุตบอล บาสเกตบอล หรือ เอ็นเอฟแอลในเมืองไทยผ่านระบบไลฟ์สตรีมมิ่งเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นและเป็นระบบที่สามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลาและอยู่ในรูปแบบของ Pay Per View บ้างหรือในรูปแบบของการสมัครเป็นสมาชิกรายเดือน ซึ่งความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นจากคุณในฐานะผู้บริโภคที่ทำให้รูปแบบของสื่อในวันนี้เปลี่ยนไป