“สื่อไทย” ไม่แพ้ชาติใดในโลก

ภาพจาก Pixabay

บทบาทของสื่อมวลชนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นับว่ามีส่วนช่วยขุดคุ้ย ตรวจสอบ และเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคนในสังคมไทยได้อยู่หลายเรื่องใหญ่ๆ

ผมมองว่าน่าชื่นชม เป็นข้อยืนยันให้เห็นถึงความสำคัญและความจำเป็นในการธำรงอยู่ของอาชีพที่ได้รับการยกว่าเป็นฐานันดรที่ 4 แม้ว่าทุกวันนี้จะต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอันเชี่ยวกรากในยุคดิจิตอล จนทำให้บางเจ้าแทบไม่มีที่จะหยัดยืน

การปรับตัวเพื่อความอยู่รอดเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อสิ่งพิมพ์ เพราะต้องถูกเปรียบเทียบอย่างหนักจากสื่อออนไลน์ และทีวีดิจิตอล ในเมืองไทยยุคปัจจุบัน จนบางครั้งคนทำหน้าที่นี้เองก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าอนาคตนั้นจะเดินไปในทิศทางไหน

ทว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถนำมาอ้างเพื่อให้ละเลยต่อหน้าที่ หรือจรรยาบรรณในการนำเสนอข่าว หรือเรื่องราวต่างๆให้สังคมได้รับรู้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบ้านนี้เมืองนี้ ที่ยังมีเรื่องไม่ชอบมาพากล หรือไม่ถูกต้องที่ยังถูกซุกซ่อนอยู่อีกมากมายก่ายกอง

สื่อมวลชนยังต้องทำหน้าที่ต่อไปทั้งในฐานะ “Watch Dog” สุนัขเฝ้าบ้านคอยระแวดระวังสิ่งผิดปกติ และเป็น “คนจุดโคม” ช่วยนำทางไปพร้อมๆกัน ด้วยความหวังที่มีอยู่ในใจแม้เพียงน้อยนิดว่ามันจะสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมนี้ให้ดีขึ้นได้บ้าง

นอกจากนี้แล้วต้องตรวจสอบและคานอำนาจกับสถาบันอื่นๆ ไม่ให้ตาช่างในสังคมมันเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งมากจนเกินไป ซึ่งหากสื่อมวลชนไม่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี สักวันเราก็อาจจะต้องเผชิญกับความรุนแรงจนถึงขั้นนองเลือดกันอีก

การที่สื่อมีเสรี มีคุณภาพ สะท้อนความเจริญของประเทศ บ้านเรายังโชคดีที่สื่อยังมีอิสระในการนำเสนอข่าวอยู่พอสมควรแม้สภาพบ้านเมืองจะไม่ปกติเสียทีเดียว ประกอบกับปัจจุบันโลกโซเชียล มีเดียทำให้คุณมิอาจปิดฟ้าด้วยฝ่ามือได้อีกต่อไป

สุดท้ายคงต้องขอเป็นกำลังใจให้สื่อมวลชนทุกคนที่ตั้งใจทำหน้าที่ ถึงแม้งานจะหนัก ต้องการความทุ่มเทและเสียสละเป็นอย่างสูงไม่แพ้อาชีพอื่นใดในโลกนี้

จงมั่นใจว่าหากคุณทำหน้าที่ได้ดี มีศรัทธาและจิตวิญญาณเต็มเปี่ยมแล้ว ก็สามารถจะสร้างคุณูปการให้กับสังคมส่วนรวม ทั้งในลักษณะนามธรรมและรูปธรรมได้อย่างใหญ่หลวง.