ทุกอย่างย่อมมีครั้งแรกเสมอ และในปี 2018 นี้ แฟนลูกหนังทั่วโลก จะได้ชมสองชาติเล็กๆอย่าง “ปานามา” และ “ไอซ์แลนด์” ในการแข่งขัน “ฟุตบอลโลก” อันยิ่งใหญ่ และศักดิ์สิทธิ์เป็นครั้งแรก แต่ก่อนที่จะถึงปี 2018 Tonkit 360 จะพาไปทำความรู้จัก และย้อนเส้นทางของทั้ง 2 ชาติน้องใหม่แห่งศึก “ฟุตบอลโลก” ที่จะถึงนี้กัน
ปานามา: มากับ “โชค”?
จากผลที่สหรัฐอเมริกาแพ้ต่อ ตรินิแดด และ โตเบโก 2-1 แบบหักปากกาเซียนทุกสำนัก ทำให้ปานามา ที่สามารถเก็บชัยชนะเหนือ คอสต้า ริก้า สำเร็จด้วยสกอร์ 2-1 ได้สิทธิ์ไปลุยฟุตบอลโลกเป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ จน ประธานาธิบดีของปานามาอย่าง นาย ฆวน คาร์ลอส บาเลร่า ประกาศให้วันที่ปานามาคว้าสิทธิ์ไปเล่นฟุตบอลโลก เป็นวันหยุดประจำชาติกันเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม การไปเล่นฟุตบอลโลกของปานามา นั้นยังมีข้อกังขาอยู่ คือจังหวะประตูปัญหา ที่กาเบรียล ตอร์เรส กองหน้าของปานามายิงตีเสมอ ใส่คอสตา ริก้า เพราะเมื่อนำวิดีโอภาพมาดูแล้ว ปรากฏว่า ลูกบอลนั้นไปชนข้างตาข่ายแทน ซึ่งผู้ตัดสินดันเป่าให้เป็นประตูของปานามาไปแบบหน้าตาเฉย และเนื่องจากว่าเกมคัดเลือกในโซนคอนคาเคฟ ไม่ได้มีการนำ Goal Line Technology มาใช้ การตัดสินของผู้ตัดสินในเกมจึงถือเป็น “คำขาด” เรียกได้ว่า “ปานามา” โชคดีอย่างเหลือเชื่อ!
แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่สหรัฐอเมริกาพลาดท่า หรือเรื่อง “ประตูผี” ที่ไม่สมควรจะได้ ความสำเร็จของปานามา ที่ใช้นักเตะลีกรองเป็นส่วนใหญ่ น่าจะเป็นกรณีศึกษาที่ดีให้กับชาติรองๆ จากทุกทวีป ว่าควรจะพยายามทำผลงานให้ดีเข้าไว้ เพราะหากพวกทีมใหญ่เกิดสะดุดขึ้นมา ทีมอันดับรองๆ อาจจะสามารถแย่งโควตาไปเล่นรายการใหญ่ๆ ได้เหมือนอย่างปานามาก็เป็นได้
ไอซ์แลนด์: “ประชากร” ไม่ใช่ “ปัญหา”
จากผลงานอันยอดเยี่ยมในศึก “ยูโร 2016” ที่เขี่ยอังกฤษตกรอบจนเป็นข่าวไปทั่วโลก ชาติเล็กๆ อย่าง ไอซ์แลนด์ ที่มีประชากรเพียงแค่ 335,000 คน สามารถต่อยอดความสำเร็จ คว้าโควตาไปลุยศึกฟุตบอลโลกเป็นหนแรกได้ด้วยการจบเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม I ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกโซนยุโรป
ผลงานของไอซ์แลนด์นั้นถือว่าไม่ธรรมดา เพราะพวกเขาเก็บชัยชนะได้ถึง 7 จาก 10 นัด รวมทั้งการเอาชนะชาติยักษ์ใหญ่อย่างตุรกีได้ทั้งเหย้าและเยือน จนเบียดอีกหนึ่งชาติแกร่งอย่างโครเอเชีย ตกไปเป็นอันดับ 2 และต้องไปชิงตั๋วสู่รัสเซียจากการเล่นเพลย์ออฟแทน
เรื่องราวของทีมชาติไอซ์แลนด์ถือว่าน่าสนใจมาก เช่นเรื่องที่ว่า “เฮย์มีร์ ฮัดล์กริมซอน” กุนซือของพวกเขา นอกจากจะเป็นโค้ชแล้ว ยังมีหน้าที่เป็นหมอฟันด้วย ส่วนนักเตะตัวหลักๆ จะมีสามกองกลางที่ประกอบไปด้วย “กิลฟี่ ซิกูร์สัน” เพลย์เมคเกอร์ราคาแพงจากเอฟเวอร์ตัน, “โยฮันน์ เบิร์ก กุ๊ดมุนด์สสัน” ปีกขวาจากเบิร์นลีย์ และ “อารอน กุนนาร์สสัน” จากคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ซึ่งเป็นกัปตันทีมคนปัจจุบันของไอซ์แลนด์
หากมาย้อนดูแล้ว 2 ปีที่ผ่านมาถือเป็นช่วงขาขึ้นแบบฉุดไม่อยู่ของทีมชาติไอซ์แลนด์จริงๆ ส่วนเราจะได้ชมการฉลองแบบ “ไวกิ้งแคล็ป” ที่น่าเกรงขามที่รัสเซียหรือไม่ คอลูกหนังคงต้องมาลุ้นเอาใจช่วยชาติเล็กๆ จากยุโรปชาตินี้กัน