5 สิ่งที่ “พี่ตูน” ตอบสังคม วิ่งแล้วได้อะไร?

ภาพจาก FB LIVE : ก้าว

การที่คนมีชื่อเสียงคนหนึ่ง ตัดสินใจออกวิ่งจากใต้สุดไปยังเหนือสุดของสยาม เป็นระยะทางร่วม 2,191 กิโลเมตร เพื่อหวังระดมทุนให้ได้ 700 ล้านบาท จากเงินบริจาคของประชาชนกว่า 70 ล้านคนของประเทศไทย ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า สิ่งที่ชายร่างผอมชื่อ “ตูน บอดี้สแลม” กำลังทำอยู่นั้น ให้อะไรกับสังคมได้บ้าง ตลอด 55 วันที่เขาออกวิ่งจากเบตง จังหวัดยะลา ไปยังอำเภอแม่สาย จังหวัดยะลา

ปลุกจิตสำนึก

การที่คนคนหนึ่งยอมเสียสละตัวเอง เพื่อระดมเงินทุนช่วย 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ช่วยให้คนในสังคมเริ่มตระหนักถึงปัญหาใหญ่ของประเทศว่า โรงพยาบาลซึ่งถือเป็นที่พึ่งของคนที่เจ็บไข้ได้ป่วย ยังขาดแคลนเงินทุนอีกมาก

แต่หากทุกคนร่วมมือร่วมใจกันคนละเล็กละน้อย  และเลิกคิดว่าธุระไม่ใช่ ปัญหาต่างๆ ก็สามารถบรรเทาลงได้ เหมือนที่เราได้เห็นทุกคนร่วมกันบริจาคเงินให้กับนักร้องหนุ่มคนดังตามช่องทางต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

ความดีเป็นสิ่งไม่ตาย

แม้จะมีคนค่อนแคะ หรือตั้งข้อสังเกตต่างๆ นานา ถึงการวิ่งของตูน บอดี้สแลม อาทิ เรื่องที่มองว่า ร็อกเกอร์หนุ่มมีส่วนได้ส่วนเสียกับการวิ่งครั้งนี้ เพราะได้บริษัทกัฬายักษ์ใหญ่มาเป็นสปอนเซอร์ให้ รวมถึงวิ่งเพื่อสร้างกระแสให้กับตัวเอง  หรือทำไปก็เท่านั้นไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาสังคมได้ในระยะยาว

แต่สิ่งที่ทุกคนได้เห็นคือ นักร้องหนุ่มไม่ตอบโต้ข้อครหาใดๆ ทั้งสิ้น และยังคงมุ่งมั่นวิ่งต่อไป โดยมองว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด และสุดท้ายก็เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่า ความดีเป็นสิ่งไม่ตาย และมีคนจำนวนมากที่มองเห็นคุณค่าในสิ่งที่เขาทำ จนขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ความฝันของตูนในการระดมทุนให้ได้ถึง 700 ล้านบาทเป็นความจริง

สร้างแรงบันดาลใจ

การที่คนดังของสังคมลุกขึ้นมาทำความดีเพื่อสังคมโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ถือเป็นแรงบันดาลใจที่ดีสำหรับเด็กและเยาวชนที่เห็น “พี่ตูน” ของพวกเขาเป็นไอดอล หรือเป็นคนต้นแบบ เพราะการทำความดีของตูนได้รับการยกย่องและชื่นชมจากสังคม  ซึ่งจะช่วยให้เด็กๆ ที่เป็นอนาคตของชาติอยากทำตามแบบฮีโร่ของพวกเขาบ้าง

สร้างความสุขและรอยยิ้ม

สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนตลอดเส้นทางที่ตูน บอดี้สแลมวิ่งผ่าน คือมีผู้คนมากมายมารอให้กำลังใจ  ร่วมบริจาคเงิน และส่งเสบียงให้กับเขาตามรายทาง  ซึ่งแม้จะทำให้แผนการวิ่งต้องล่าช้าไปจากโปรแกรมที่วางไว้ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการมาขอเขาสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับทุกคน โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่หลายคนมองว่าเสี่ยงอันตราย เป็นพื้นที่สีแดง แต่นักร้องหนุ่มกลับบอกว่า “ตลอดทางที่ผ่านมา มีแต่ความรักให้ผม มีแต่รอยยิ้ม ที่นี่เป็น ‘พื้นที่สีชมพู’ สำหรับผม”

ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้

ก่อนหน้านี้ ตูนเคยออกวิ่งจากกรุงเทพฯ ไปยังอำเภอบางสะพาน ระยะทาง 400 กิโลเมตร เพื่อระดมเงินทุนในการซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาลบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์มาแล้ว ซึ่งครั้งนั้น เคยมีคนปรามาสไว้เช่นกันว่าเป็นการทำอะไรที่เกินตัว แต่สุดท้ายก็ได้เงินบริจาคเข้ามาถึง 80 ล้านบาท ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่เจ้าตัวตั้งไว้ และเป็นการตอกย้ำว่า ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้!