
ถือเป็นธรรมเนียมของ “ฟอร์บส์” นิตยสารการเงินชื่อดังระดับโลก ที่จะมีการจัดอันดับมหาเศรษฐีออกมาประจำปี ล่าสุดที่ประกาศออกมา คืออันดับเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในสหรัฐอเมริกา 400 อันดับแรก
แน่นอนว่าชื่อของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ย่อมต้องเป็นที่จับตามองเป็นพิเศษ เพราะก่อนหน้าจะมาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศนั้น เขาคือนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับแถวหน้า
แต่จากการจัดอันดับล่าสุด หลังทรัมป์เข้ามานั่งเก้าอี้ประธานาธิบดี ปรากฏว่า สินทรัพย์ที่มีอยู่หดหายไปถึง 600 ล้านเหรียญสหรัฐ จึงทำให้ร่วงไปถึง 92 อันดับ จากอันดับ 156 ในปีที่แล้ว มารั้งที่ 248 โดยเหลือสินทรัพย์อยู่ที่ 3.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากที่เคยมี 3.7 พันล้านเมื่อปีก่อน
ทั้งนี้ สินทรัพย์ที่หดหายไปนั้น ฟอร์บส์วิเคราะห์ว่า เป็นเพราะการแข่งขันอันดุเดือดของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในมหานครนิวยอร์ก ขณะที่ในการลงชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปีที่ผ่านมา ทรัมป์ก็ใช้เงินไปมหาศาลถึง 66 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อรณรงค์หาเสียงให้ตัวเอง
นอกจากนี้ ก็ยังมีค่าใช้จ่ายทางกฎหมาย ราว 25 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่เขาจ่ายเป็นเงินชดเชยให้คู่กรณีซึ่งเป็นอดีตนักศึกษากว่า 6,000 คนของมหาวิทยาลัย Trump University เพื่อยุติกรณีพิพาทเรื่องการฉ้อโกงค่าเล่าเรียนนักศึกษาในระหว่างปี 2005- 2010 ด้วย
ขณะที่มหาเศรษฐีอเมริกันที่ร่ำรวยที่สุด ยังคงเป็น บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ ที่ยึดตำแหน่งนี้มาอย่างยาวนาวเป็นปีที่ 24 ติดต่อกันแล้ว โดยมีสินทรัพย์มากถึง 8.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ!
ส่วน วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุน ที่เคยรั้งอันดับ 2 มา 15 ปีติด แต่เสียตำแหน่งนี้ให้กับ เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งบริษัทอเมซอนเมื่อปีที่แล้ว ยังไม่สามารถทวงอันดับคืนจากเบซอสที่มีสินทรัพย์ 8.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐได้ โดยบัฟเฟตต์ รั้งอันดับ 3 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน จากมูลค่าสินทรัพย์ที่มีอยู่ 7.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ