ระวัง “Payday Effect” ใช้ก่อนเครียดทีหลัง ทำชีวิตติดลูปด้านการเงิน

สำหรับเหล่ามนุษย์เงินเดือนผู้น่าสงสาร “วันเงินเดือนออก” คือวันที่ใครหลายคนต่างรอคอย เสียงแจ้งเตือนจากบัญชีว่ามีเงินเข้า คือเสียงสวรรค์ที่ช่วยผ่อนคลายสภาวะหายใจไม่ออกที่หลายคนเริ่มเป็นมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี สำหรับบางคน เงินเดือนที่เพิ่งจะเข้าบัญชีหมาด ๆ กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้จ่ายตามอำเภอใจที่จะนำไปสู่ปัญหาทางการเงินอย่างร้ายแรงได้ ปรากฏการณ์ดังกล่าวนักเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมเรียกมันว่า “Payday Effect”

Payday Effect คืออะไร

Payday Effect หรือเราอาจเรียกง่าย ๆ ว่า ปรากฏการณ์วันเงินเดือนออก หมายถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและสูงผิดปกติในช่วงเวลาสั้น ๆ ทันทีหลังจากที่เราได้รับเงินเดือนหรือรายได้ เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบนพื้นฐานของ

  • ความรู้สึกรวย ใคร ๆ ก็ชอบความรู้สึกนี้ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าเรามีอำนาจในการใช้จ่าย เมื่อได้รับเงินก้อนใหญ่เข้าบัญชี ทำให้เรารู้สึกว่ามีเงินสำรองหรือมีสภาพคล่องสูงขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้กล้าตัดสินใจที่จะใช้จ่ายกับสิ่งที่อยากได้ หรือเคยลังเลมาตลอดทั้งเดือน
  • การให้รางวัลตัวเอง ผู้คนมักใช้จ่ายกับสิ่งที่ให้ความสุขทันที เพื่อเป็นรางวัลตอบแทนการทำงานหนักตลอดทั้งเดือน เช่น การกินอาหารนอกบ้านที่ราคาแพง การชอปปิงเสื้อผ้าใหม่ หรือซื้อสินค้าออนไลน์ที่อยากได้
  • การจัดการทางเงินที่ไม่ต่อเนื่อง มักเกิดขึ้นกับมนุษย์เงินเดือนผู้ที่มีข้อจำกัดด้านเครดิต หรือผู้ที่ใช้เงิน “เดือนชนเดือน” เป็นประจำ เมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับข้อจำกัดทางการเงินอย่างหนักในช่วงท้ายเดือนเสมอ ๆ เกิดเป็นความเครียด เก็บกด และจะปลดปล่อยการใช้จ่ายทันทีที่เงินเดือนออก

พูดง่าย ๆ ก็คือ Payday Effect เป็นพฤติกรรมการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยทันทีหลังเงินเดือนออก โดยมักเกิดจากความเหนื่อยล้าและความเครียดตลอดเดือน จึงอยากปลดปล่อยด้วยการจับจ่ายสิ่งที่ตัวเองอยากได้ แต่สิ่งที่ถูกมองข้ามคือ เงินที่ดูเหมือน “นิด ๆ หน่อย ๆ” ที่จะให้รางวัลตัวเอง รวมกันอาจกลายเป็นเงินก้อนใหญ่โดยไม่รู้ตัว และกลายเป็นหลุมพรางที่บ่อนทำลายความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว เพราะเมื่อความตื่นเต้นของการได้ใช้เงินใหม่จางหายไป สิ่งที่เหลืออยู่คือบัญชีที่ว่างเปล่าและความเครียดที่ต้องประหยัดสุดขีดไปจนถึงสิ้นเดือน และถ้าเงินที่เหลืออยู่นั้นไม่เพียงพอที่จะใช้จ่ายในช่วงที่ต้องรอเงินก้อนใหม่เข้า คุณจะต้องพึ่งพาหนี้สิน

มุมมองทางจิตวิทยาและเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมของ Payday Effect

  • Emotional Spending คือ การซื้อของเพื่อระบายความเหนื่อย ความเครียด หรือให้ความสุขทันที
  • Anchoring Effect คือ ความคิดที่ว่า “เงินเพิ่งเข้า” เลยรู้สึกว่ามีเยอะ ทั้งที่จริงควรต้องกันไว้สำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น/เก็บออมก่อน
  • Cycle Trap คือ การทำแบบนี้ซ้ำทุกเดือน จนติดอยู่ในวงจร “ใช้ก่อน เครียดทีหลัง”

วังวนติดลูปของ Payday Effect เวียนว่ายตายเกิดกับปัญหาการเงินไม่จบสิ้น

โมเมนต์เงินเดือนเพิ่งออก เป็นความรู้สึกที่ทำให้เหล่ามนุษย์เงินเดือนมีความสุขถึงขีดสุด ซึ่งมันมักจะมาพร้อมกับแผนการการใช้เงินสารพัดที่ถูกกดทับไว้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา (หรือบางคนอาจจะตั้งแต่กลางเดือนด้วยซ้ำ) อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจจะไม่ได้ตระหนักรู้ว่าปัญหาการเงินที่ต้องเผชิญอยู่ในทุกเดือนนี้ ล้วนมาจากพฤติกรรม Payday Effect ที่ทำให้ชีวิตของมนุษย์เงินเดือนจำนวนมากติดลูปแล้วติดลูปเล่า หาทางออกจากวังวนนี้ไม่เจอเสียที

โดย Payday Effect ส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจาก การให้รางวัลตัวเองมากเกินไป เพื่อชดเชยความเครียดจากการทำงานหนัก หรือการตั้งใจ “ซื้อ” ความสุขที่ขาดหายไปตลอดเดือน กล่าวคือ เมื่อมีเงินก้อนอยู่ในมือ การตัดสินใจซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็น เช่น อาหารมื้อหรู ชอปปิงเสื้อผ้าใหม่ หรือการซื้อของที่เล็งไว้มานาน จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการวางแผน ซึ่งปัญหาหลักก็คือ การใช้จ่ายเหล่านี้มักจะ “เกิดขึ้นก่อน” การหักค่าใช้จ่ายจำเป็นและเงินออม ผลที่ตามมาคือ เงินส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับสิ่งที่ ต้องการ แทนที่จะเป็นสิ่งที่ จำเป็น ทำให้เมื่อถึงกลางเดือน เงินที่เหลืออยู่ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายพื้นฐานที่จำเป็นอย่างค่าน้ำ ค่าไฟ หรือค่าเดินทาง จนต้องพึ่งพาบัตรเครดิตหรือการกู้ยืม ซึ่งเป็นการสร้างวงจรหนี้สินที่อันตราย และบั่นทอนโอกาสในการสร้างความมั่งคั่ง

อธิบายให้เห็นภาพง่าย ๆ ก็คือ หลังจากที่เห็นว่าเงินเดือนเข้าบัญชี การรับรู้ของมนุษย์เงินเดือนคือ “มีเงินก้อนอยู่ในมือ” ทำให้หายใจได้เต็มที่ รู้สึกเหมือนถูกคืนอำนาจในการใช้จ่ายได้ตามใจชอบ จนรู้สึกอยากที่จะ “ให้รางวัลกับตัวเอง” สักหน่อย เพื่อปรนเปรอตัวเองหลังจากที่ผ่านการทำงานแลกเงินอย่างหนัก และรางวัลของการอดทนที่จะไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยในช่วงที่การเงินอัตคัด ไม่ว่าจะเป็นอาหารมื้อหรู เสื้อผ้าใหม่ เครื่องสำอางคอลเลกชันใหม่ ฯลฯ การใช้จ่ายเพื่อให้รางวัลตัวเองนี้อาจจะดูเล็กน้อยมาก ๆ และก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ถ้าทำแบบไม่มีการวางแผน ใช้จ่ายวู่วามแบบไม่มีสติบันยะบันยัง มันจะค่อย ๆ สะสมต่อเนื่องทุกเดือน อาจทำให้การเงินสะดุดได้ในที่สุด เพราะติดลูปเช่นนี้

  • เมื่อเงินเดือนออก จะรู้สึกถูก “ปลดล็อก” จากความตึงเครียดทั้งเดือน จึงใช้เงินเพื่อให้รางวัลตัวเอง
  • หาก “ใช้จ่ายแบบไม่มีการวางแผนและขาดสติยับยั้งตัวเอง” เมื่อมารวมค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดจากการให้รางวัลตัวเอง จะเห็นว่ามันเป็นเงินก้อนใหญ่พอสมควร
  • หลังจาก “รู้สึกรวย” ได้ไม่กี่วัน ก็จะเข้าสู่ “ภาวะถังแตก” ช่วงกลางเดือน และในช่วงนี้หลายคนจะเจอกับปัญหาขาดสภาพคล่อง เงินไม่พอใช้ ต้องไปหยิบยืมจากตรงนั้นตรงนี้มาหมุนก่อน หรือต้องใช้หนี้บัตรเครดิต

ผลกระทบที่น่ากังวลของ Payday Effect

ช่วงที่เงินเดือนออกใหม่ ๆ เป็นช่วงที่ทำให้คนขาดสติในการใช้จ่ายได้มากที่สุด เพราะคิดว่าตัวเองมีเงินอยู่ในมือแน่นอน และคิดว่าสิ่งที่อยากจะใช้จ่ายเป็นแค่การให้รางวัลตัวเองเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ดังนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ทว่าส่วนใหญ่ในระหว่างใช้จ่ายตามอำเภอใจ คนเรามักจะไม่ได้โฟกัสกับเงินที่จ่ายออกไป แต่จะโฟกัสอยู่ที่ของที่อยากได้และต้องได้มากกว่า มันจึงเกิดเหตุการณ์…

  • การใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยสูงขึ้น พบว่ามีการซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็น หรือมีการทำสัญญาผูกพันระยะยาว เช่น สัญญาโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ การรูดบัตรเครดิตซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมที่เล็งมานาน หรือการซื้อขายในตลาดหุ้น โดยการใช้จ่ายลักษณะนี้มักเพิ่มขึ้นในช่วง 1-2 วันหลังเงินเดือนออก
  • เงินหมดเร็ว หลังจากใช้จ่ายอย่างมือเติบ อยากได้ก็จัดประหยัดทำไม เงินที่มีอยู่ในมือจะหมดไปอย่างรวดเร็ว และทำให้เหล่าผู้กล้าที่เคยใช้เงินดุจเศรษฐีบ่อน้ำมันเมื่อไม่กี่วันก่อน กลายเป็นผู้ประสบภัย ต้องกลับไปประสบปัญหาทางการเงินและข้อจำกัดในการใช้จ่ายอีกครั้งในช่วงกลางเดือนจนถึงสิ้นเดือน และบางครั้งอาจต้องพึ่งพาหนี้สินเพื่อการใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน
  • สร้างหนี้ ท้ายที่สุดแล้วเมื่อเงินไม่พอใช้ โดยที่ยังเหลืออีกหลายวันกว่าเงินเดือนเดือนใหม่จะออก เหล่ามนุษย์เงินเดือนจะพยายามแก้ปัญหาด้วยวิธีของตัวเอง และวิธีที่เป็นที่นิยมที่สุดก็คือ “การเป็นหนี้” ไม่ว่าจะหยิบยืมคนใกล้ตัว ดึงมาจากบัญชีเก็บออมของตัวเอง เป็นหนี้นอกระบบ หรือเป็นหนี้สินเชื่อธนาคาร ซึ่งเมื่อเกิดหนี้ขึ้นมาแล้ว แล้วยังใช้จ่ายแบบไม่มีสติ และไม่ปรับปรุงพฤติกรรมของตนเอง ปัญหานี้จะกลายเป็นกับดักที่ติดขาจนทำให้ต้องวิ่งวนอยู่ในวังวนนี้แบบไม่จบสิ้น

การให้รางวัลกับตัวเองหลังเงินเดือนออกไม่ใช่เรื่องผิด และไม่ใช่สิ่งต้องห้ามของมนุษย์เงินเดือนผู้น่าสงสาร แต่ต้องระมัดระวัง และแยกแยะระหว่าง “รางวัลที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น” กับ “การใช้เงินที่กลายเป็นภาระ” เพื่อไม่ให้เกิดกับดัก Payday Effect ถ้าคุณไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง คุณต้องใช้จ่ายอย่างมีสติ รู้จักวางแผนการเงิน และมีวินัยที่จะทำตามแผนการเงินนั้นอย่างเคร่งครัด ไม่เช่นนั้นมันอาจจะกระทบกับการเงินของคุณทั้งเดือน จนในที่สุด คุณก็พาตัวเองเข้าสู่วังวนของปัญหาทางการเงินที่หาทางออกไม่ได้ และต้องต่อสู้กับมันไปอีกยาวนาน

การเอาชนะ Payday Effect เริ่มต้นด้วยการมีวินัยทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยสิ่งแรกที่คูรต้องทำเมื่อเงินเดือนเข้าคือ “จ่ายให้ตัวเองก่อน”อย่างการ ออมเงิน และ ลงทุน ทันที อย่างน้อย 10-20% ของรายได้ ถัดมาคือ การจัดสรรเงินสำหรับ ค่าใช้จ่าย และ ชำระหนี้สิน ให้เรียบร้อย ที่เหลือจึงค่อยแบ่งเป็นงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัวในแต่ละสัปดาห์ การจำกัดการใช้เงินให้เป็นงบรายสัปดาห์จะช่วยให้เรามีสติและควบคุมการใช้จ่ายได้ดีขึ้น ส่วนการให้รางวัลตัวเองเป็นสิ่งที่ดีและทำได้ แต่ควรทำอย่างมีสติและอยู่ในงบประมาณที่กำหนดไว้ เพื่อที่คุณจะสามารถสนุกสนานกับวันเงินเดือนออกได้ โดยไม่นำพาตัวเองไปสู่การล้มละลายทางการเงิน