Yamaha Plan V เดิมพันทวงคืนหัวแถวโมโตจีพี

ไม่บ่อยครั้งนักที่ในวงการมอเตอร์สปอร์ต โดยเฉพาะฝั่งของโมโตจีพี ที่ทีมแข่งจะทำการเปลี่ยนสเปกเครื่องยนต์ระหว่างที่ฤดูกาลยังคงแข่งขันอยู่ ทว่าปีนี้ทีมแข่งโรงงานยามาฮ่า ตัดสินใจพัฒนาเครื่องยนต์ตัวใหม่ให้กับรถแข่งโมโตจีพี ภายใต้โปรเจกต์ Plan V ด้วยการนำรถแข่ง M1 พร้อมเครื่องยนต์ V4 ลงสู่แทร็กโมโตจีพีเป็นครั้งแรก

หากไล่เรียงดูสเปกเครื่องยนต์ของทุกทีมในโมโตจีพี 2025 จะเห็นได้ว่าทุกทีมทั้งดูคาติ, เคทีเอ็ม, อาพริเลีย รวมไปถึงฮอนด้า ต่างใช้เครื่องยนต์สูบวีแบบ V4 ความจุไม่เกิน 1,000 ซีซี มีเพียงค่ายยามาฮ่าที่ยังคงใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง หรือ Inline 4 ขุมพลังอันเป็นสัญลักษณ์ประจำรถแข่ง YZR-M1 ที่ช่วยให้นักแข่งคว้าแชมป์โลกมาแล้วถึง 7 ครั้ง

อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่ครึ่งซีซันหลังของปี 2022 เป็นต้นมา ผลงานของทัพนักบิดโรงงานยามาฮ่าในโมโตจีพี กลับมีผลงานสวนทางทีมแข่งค่ายยุโรป และกลายเป็นว่าเสียเปรียบรถค่ายยุโรปมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ทีมที่มีผลงานไม่สู้ดี สามารถใช้สิทธิ์ตามกฎสัมปทานของโมโตจีพี ที่อนุญาตให้ทีมแข่งที่มีคะแนนสะสมอยู่ในกลุ่ม D เมื่อซีซันก่อน สามารถพัฒนาเครื่องยนต์และเปลี่ยนแปลงได้ระหว่างฤดูกาล

ซึ่งในขณะที่ดูคาติประกาศแล้วว่าจะหยุดพัฒนาเครื่องยนต์ยุคปัจจุบันและใช้เวอร์ชัน 2024 ไปจนจบฤดูกาล 2026 ก่อนที่จะเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่เป็น 850 ซีซี ในปี 2027 ทว่ายามาฮ่ากลับเดิมพันครั้งสำคัญ ดันเครื่องยนต์ V4 ออกมาเรียบร้อย แม้จะรู้อยู่แล้วว่าหากทุกอย่างลงตัว ก็จะสามารถใช้งานเครื่องยนต์ตัวนี้ได้เต็ม ๆ แค่ปีเดียว คือในปี 2026 เท่านั้น

หลายคนอาจจะยังเข้าใจว่าโปรเจกต์ Plan V ก็คือการพัฒนาเครื่องยนต์ตัวใหม่ที่เป็นสูบวี เอามาใส่ในรถแข่ง M1 แค่นั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วนี่คือการพัฒนาทั้งรถ M1 และเครื่องยนต์ V4 ควบคู่กันไปด้วย อย่างที่มัสซิโม บาร์โตลินี ผู้อำนวยการด้านเทคนิค Yamaha Racing Factory บอกว่านี่คือการ develop the bike around the engine

เท่ากับว่ามันไม่ใช่แค่ทำเครื่องใหม่ แต่มันคือการรถใหม่ขึ้นมาด้วยภายใต้รหัส M1 เวอร์ชัน V4 ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก ๆ เพราะสิ่งที่ยากที่สุด คือการพัฒนาตัวรถให้เข้ากับเครื่องยนต์ นั่นหมายถึงการสร้าง 2 ส่วนในเวลาเดียวกัน ซึ่งการทำให้รถวิ่งได้ไปพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่เป็นแค่จุดเริ่มต้น แต่ที่สำคัญกว่านั้น คือการพัฒนาให้รถวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพในโมโตจีพีด้วย

ออกุสโต้ เฟอร์นันเดซ และอันเดร โดวิซิโอโซ คือนักบิดทดสอบผู้ที่เป็นกำลังสำคัญกับโปรเจกต์นี้ โดยเฉพาะ “โดวิ” เขาคืออดีตนักบิดมือเก๋าที่คุ้นเคยกับเครื่อง V เป็นอย่างดี อย่างไรก็ดี ฟีดแบ็กทั้งหมดจะเป็นการบ้านชิ้นสำคัญของทีมงานยามาฮ่า ว่าจะสามารถเนรมิต M1 เวอร์ชัน V4 ออกมาในเวลาอันจำกัดได้อย่างไร

ที่ผ่านมาเราไม่ได้ยินฟีดแบ็กในเชิงลบถูกเปิดเผยต่อสาธารณะเท่าไรนัก จนมาถึงคิวของฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ นักบิดตัวจริงดีกรีแชมป์โลก ที่เปรียบเป็น “เดอะแบก” ของยามาฮ่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา หลังนักบิดเลือดน้ำหอมมีโอกาสได้เทสต์รถคันใหม่ที่สนามมิซาโน่ และพูดตรง ๆ ว่า V4 ยังสู้ Inline 4 ไม่ได้ในหลาย ๆ ด้าน

งานนี้หากมองกันตามความเป็นจริง การที่กวาร์ตาราโร่ออกมาพูดตรง ๆ แบบนี้ คือสิ่งที่ส่งผลดีต่อยามาฮ่าเต็ม ๆ เพราะมันจะเป็นข้อมูลสำคัญที่จะนำไปพัฒนาต่อในช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้ เพื่อเป้าหมายในการนำลงแข่งแบบเต็มฤดูกาลในปีหน้า และเมื่อรวมกับฟีดแบ็กเชิงบวกจากนักบิดทดสอบคนอื่น ๆ บางทีมันอาจเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้โปรเจกต์นี้ประสบความสำเร็จก็เป็นได้ครับ