ปิดฉากฤดูกาลสุดยิ่งใหญ่พาธงชาติไทยโบกสะบัดเหนือท็อปโพเดียมอีกครั้งครับ สำหรับ “เติ้น” ทัศนพล อินทรภูวศักดิ์ นักขับดาวรุ่งไทยแห่ง AAS Motorsport ที่ปีนี้ลงแข่ง ฟอร์มูล่า ทรี ชิงแชมป์โลก (FIA Formula 3 Championship 2025) ภายใต้สังกัดแคมโปส เรซซิ่ง และสร้างประวัติศาสตร์ต่อเนื่อง คว้าชัยชนะในเมนเรซส่งท้ายที่สนามมอนซ่า ประเทศอิตาลี
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา วงการมอเตอร์สปอร์ตไทยได้มีโอกาสจารึกชื่อนักขับวัย 19 ปีในฐานะคนไทยคนแรกที่ชนะใน Formula 3 จากชัยชนะสปรินท์เรซที่ซิลเวอร์สโตน มาถึงวันนี้ ทัศนพล หรือที่ผู้บรรยายฝรั่งจะเรียกตามนามสกุลว่า Inthraphuvasak พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาคือ “ของจริง” บนเวทีมอเตอร์สปอร์ตโลก
หากในโมโตจีพีมีคลาสการแข่งขัน ไล่จากโมโตจีพี โมโตทู มาจนถึงโมโตทรี ฝั่งของรถ 4 ล้อก็เช่นกัน จะไล่ลงมาจากเอฟวัน เอฟทู และเอฟทรี นี่คือการแข่งขันระดับชิงแชมป์โลก ที่มีการชิงชัยทั้งประเภทนักขับและประเภททีม ใครได้คะแนนมากที่สุดก็จะเป็นแชมป์โลกประเภทบุคคล และทีมไหนได้คะแนนมากที่สุดก็จะได้แชมป์โลกประเภททีม
อย่างในเอฟวัน 2024 แม็กซ์ เวอร์สแตพเพ่น จากทีมเรดบูลล์ เป็นแชมป์โลก ส่วนทีมแม็คลาเรน-เมอร์เซเดส ได้แชมป์โลกประเภททีม เช่นเดียวกันครับ ในฟอร์มูล่า ทรี 2025 ทีม Campos Racing ต้นสังกัดของน้องเติ้น ซึ่งเป็นทีมดังของสเปน สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์โลกประเภททีมในฟอร์มูล่า ทรี ได้เป็นครั้งแรก ซึ่ง 1 ใน 3 นักขับที่ทำให้ทีมเป็นแชมป์โลก คือนักขับไทย
ปฏิเสธไม่ได้ครับว่าการได้อัปสเตปของเติ้นใน F3 จากทีม AIX Racing เมื่อปีที่แล้ว มาสู่ Campos Racing ในซีซันนี้ ทำให้ผลงานดีขึ้นแบบก้าวกระโดด ซึ่งทั้งหมดต้องยกเครดิตให้กับบอสใหญ่แห่ง AAS อย่างคุณเต๊อะ วุฒิกร อินทรภูวศักดิ์ ที่ทุ่มงบประมาณในระดับท็อปของ F3 ที่สื่อต่างประเทศคาดการณ์ว่าอยู่ที่ปีละราว 2 ล้านยูเอส หรือราว 63.5 ล้านบาท!
ไม่เพียงเท่านั้น เติ้น ซึ่งเป็นนักขับจาก AAS Motorsport ยังต้องเจอกับดาวรุ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากอะคาเดมี หรือทีมระดับจูเนียร์ในฟอร์มูล่า วัน มากมาย การมีทุนเข้าไปอย่างเดียวเป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะต้องไปพร้อมกับฝีมือและความเร็วด้วย ซึ่งผลงานจากปี 2024 คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ฝรั่งเห็นฝีมือ และต่อยอดมาถึงความสำเร็จในปีนี้ได้
ก่อนที่เติ้นจะคว้าชัยชนะเมนเรซที่มอนซ่าในสนามล่าสุด เขาคว้าชัยชนะให้ทีมได้ 2 ครั้งจากสปรินท์เรซ (เรซสั้นวันเสาร์ ที่มีการรีเวิร์สกริดสตาร์ตจากเวลาควอลิฟาย) ที่ซิลเวอร์สโตนและฮังการอริง แถมยังพกสถิติเป็นนักขับคนเดียวใน F3 ปีนี้ที่นำรถจบการแข่งขันได้ครบทุกเรซ ก่อนที่ทุกอย่างจะมาถูกปลดล็อกอีกครั้ง ด้วยชัยชนะเมนเรซสุดยิ่งใหญ่ที่มอนซ่า
และหากสังเกตกันให้ดีลงไปในคาแรกเตอร์สนามที่เติ้นคว้าชัยชนะมาได้ในปีนี้ ถือเป็นสนามที่มีคาแรกเตอร์แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง ที่ซิลเวอร์สโตน ถือเป็นสนามแห่งตำนานที่เต็มไปด้วยโค้งความเร็วสูง ส่วนฮังการอริง เป็นสนามความเร็วต่ำที่ถูกเปรียบเป็นโมนาโกแบบไม่มีกำแพง มาจนถึงมอนซ่า “วิหารแห่งความเร็ว” ในรูปแบบสต็อปแอนด์โก (เบรกหนักแล้วไปต่อ)
นั่นหมายความว่าเติ้นสามารถชนะได้ในหลากหลายคาแรกเตอร์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่น่าชื่นชม ทำให้เขาจบฤดูกาล 2025 ใน FIA Formula 3 Championship ชนะสปรินท์เรซได้ 2 ครั้ง ชนะเมนเรซได้ 1 ครั้ง ทำคะแนนไปได้ทั้งหมด 74 แต้ม จบอันดับที่ 7 ของโลกในตารางแชมเปียนชิป และชัยชนะในสนามสุดท้ายก็ช่วยให้ทีมเป็นแชมป์โลกได้อีกด้วย
หากย้อนดูเส้นทางนักขับจาก F3 จะใช้เวลาโดยเฉลี่ย 2-3 ปี ขึ้นชั้นสู่ F1 แน่นอนว่านักขับ F3 ในปีนี้ จะมีโอกาสได้ก้าวสู่ F1 ในสักวัน เพราะที่นั่นคือความฝันของนักขับทุกคน ซึ่งฝันไกลของ Inthraphuvasak ตอนนี้ กำลังเดินทางอยู่บนเส้นทางของความจริง และเข้าใกล้จุดหมายเข้าไปเรื่อย ๆ แล้ว