
ระหว่างที่กำลังลังเลอยู่ว่าสัปดาห์นี้จะกลับมาดูซีรีส์ไทยดีไหม เพราะมีซีรีส์ไทยเรื่องใหม่อยู่เรื่องหนึ่งที่ลงสตรีมใน MONOMAX ซึ่งพล็อตเรื่องถูกจริตน่าสนใจมาก ก็ดันคิดได้ว่าเก็บไว้ดูสนองนี้ดตัวเองคนเดียวไม่เอามาทำคอลัมน์ดีกว่า คือเท่าที่อ่านรีวิวมามันมีฉากน่าสยดสยองชวนสะอิดสะเอียนมากพอสมควร เกิดใครอ่านคอลัมน์นี้แล้วไปเปิดดูตอนกินข้าวขึ้นมาอาจมีอาการข้าวพุ่งได้ ที่สำคัญ น่าจะต้องมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการตามเรื่องพอสมควร ถ้ามามัวโฟกัสว่าจะเก็บประเด็นไหนมาเขียนคอลัมน์ อาจจะตกหล่นประเด็นสำคัญไปจนทำให้หลังจากนี้ดูแล้วงง ๆ ก็เป็นได้
บวกกับการที่แอปพลิเคชัน viu เด้งแจ้งเตือนขึ้นมาว่ามีซีรีส์เกาหลีเรื่องใหม่พร้อมสตรีมแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้มี “ฮวังมินฮยอน” นำแสดง ถ้าใครได้ติดตามข่าวสารวงการนักแสดง-ไอดอลเกาหลีเป็นประจำ ก็จะรู้ว่าเวลานี้เจ้าตัวจะยังคงรับใช้ชาติอยู่ในกรมทหาร แต่ก็ยังฝากผลงานเอาไว้ให้หายคิดถึง ที่ผ่านมาก็เห็นผ่าน ๆ ว่ากำลังจะลงสตรีมแต่ยังไม่รู้วันที่แน่นอน แต่ถ้าแอปฯ viu เด้งแจ้งมาแบบนี้ ก็แปลว่าดูได้แล้ว เลยไม่รอช้า เข้าแอปฯ แล้วเปิดหาทันที ดูได้แป๊บ ๆ จบซะแล้ว สนุกจนลืมดูเวลาไปเลย

Study Group หรือชื่อไทยในสตรีม viu ก็คือ กลุ่มติวเดือด เลือดนักสู้ เป็นซีรีส์เกาหลีที่สร้างจากเว็บตูนในชื่อเดียวกัน เล่าเรื่องราวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่รักเรียนมาก ๆ บุคลิกแบบเด็กเนิร์ดใส่แว่นหนาเตอะ (แต่อย่าให้ถอดแว่น เราจะใจละลายตายกันหมด) แต่งตัวถูกระเบียบโรงเรียนทุกอย่าง ในห้องก็ตั้งใจเรียนมาก นั่งจดเลกเชอร์ทุกอย่าง (จดแม้กระทั่งที่ครูบ่น) อยู่คนเดียวในห้อง ท่ามกลางเพื่อนที่ฟุบโต๊ะหลับกันหมด แต่ก็นะ จดยิก ๆ ทั้งคาบ เรียนเสร็จแล้วไม่ทราบอะไรเลย 555 เพราะถึงเขาจะตั้งใจเรียนและพยายามทำทุกอย่างเพื่อพัฒนาการเรียนของตัวเองเพื่อที่จะเข้ามหาวิทยาลัย ทุกอย่างกลับพังหมด ด้วยผลสอบของเขาที่วนเวียนอยู่ในอันดับรั้งท้ายตลอด ไม่รองโหล่ก็ที่โหล่

และถึงเขาจะยอมย้ายมาเรียนที่โรงเรียนที่ได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนที่แย่ที่สุด ในโรงเรียนมีแต่กลุ่มอันธพาลที่ชอบใช้ความรุนแรง เพราะเขาเชื่อว่าเด็กเกเรพวกนี้ไม่น่าจะสนใจการเรียน ผลการเรียนของเขาก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย (ใช่! ทั้งที่นั่งเรียนอยู่คนเดียวในห้องนั่นแหละ) เขาจึงมีความคิดที่จะสร้างกลุ่มติวขึ้นมา โดยไปตามจีบเด็กคนหนึ่งที่ผลการเรียนเป็นที่ 2 ของห้อง/ชั้นเรียน ทว่าเด็กคนนี้ตกเป็นเหยื่อการบูลลี่ของพวกเกเรคนอื่น ๆ เขาจึงตัดสินใจเผยความแข็งแกร่งทางการต่อสู้ของตัวเองออกมาเพื่อปกป้องเพื่อน ถอดแว่น ถอดเครื่องแบบถูกระเบียบ และวางหนังสือลง พร้อม “ต่อสู้” อย่างดุเดือด เพื่อที่จะได้ “เรียน” นี่จึงเป็นเส้นทางสายบู๊ที่เขาต้องจำใจโดดเข้ามา เพื่อมุ่งหน้าสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้
มันอาจยากที่จะเชื่อ แต่ฉันเรียนไม่เอาอ่าวมาก
นี่อาจจะเป็นที่มาของคำว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่นแหละ” ก็ได้นะ 555 เห็นตาน้องพยายามแล้วเอ็นดู๊เอ็นดู เพราะขนาดว่าเป็นความพยายามที่หาความสำเร็จไม่เจอ พยายามไปก็ไร้ค่า แต่ตาน้องก็ยังไม่ยอมแพ้ ยังคงมุ่งมั่นที่จะเอาดีด้านการเรียนทั้งที่หัวไม่ไปด้วย ใครจะบอกว่าน้องหัวทึบหรือไม่ฉลาดน้องก็ไม่สน แต่น้องจะแปลผลลัพธ์ที่ได้มากับตัวเองว่าที่พยายามมาตลอดแล้วมันไม่ได้ผล เป็นเพราะน้องยังพยายามไม่มากพอต่างหาก แล้วน้องก็จะสรรหาวิธีใหม่ ๆ มาใช้ เพื่อพาตัวเองไปสู่เป้าหมายโดยที่ไม่เคยลดละความพยายามเลยแม้แต่น้อย ไม่ท้อ ไม่ยอมแพ้ ถือคติที่ว่า “ต่อให้อยู่ในนรก ก็ต้องสร้างโอกาสให้ได้”

ที่เกริ่นไปข้างต้น เป็นเรื่องราวชีวิตของ “ยุนกามิน” เด็กหนุ่มที่รักเรียนมาก พยายามทำทุกวิถีทางที่จะเรียนให้ได้เกรดดี ๆ ทำคะแนนสอบให้ได้เป็นอันดับต้น ๆ ของห้อง/ชั้นเรียนมาตั้งแต่เรียนชั้นประถม ทั้งขอแม่เรียนพิเศษหลังเลิกเรียน ขอแม่ติวส่วนตัวกับติวเตอร์ พยายามขอเข้ากลุ่มติวกับเพื่อน ๆ คนอื่นแม้ว่าจะถูกปฏิเสธมาตลอด หรือแม้แต่การที่มีความเชื่อว่า “จิตใจที่แข็งแกร่งจะสถิตอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง” ทำให้เขาออกกำลังกายอย่างหนักทุกวันเพื่อฝึกทั้งร่างกายและจิตใจให้แข็งแรง ด้วยจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวคือผลการเรียนที่ดี เรียกว่าทำทุกอย่างที่ทำได้ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็เอาด้วยคาถา มุมานะจนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านปากกา และใส่แว่นหนาเป็นก้นขวดนม
พยายามมาตั้งขนาดนั้น มันก็น่าจะได้เห็นผลลัพธ์ที่น่าชื่นใจบ้างใช่ไหมล่ะ แต่สิ่งที่เขาได้มามันกลับตรงกันข้าม เพราะผลการเรียนของเขาไม่ได้ดีขึ้นเลยสักนิด ผลสอบกี่ครั้งเขาก็ยังรั้งท้ายเหมือนเดิม เป็นรองบ๊วยของห้อง/ชั้นเรียน หรือบางทีก็ได้ที่โหล่ด้วยซ้ำ ถ้าเป็นพวกเราหลาย ๆ คนนี่ล้มเลิกความพยายามไปนานแล้วมั้ง หันมาทำใจยอมรับความจริงว่าไอคิวฉันน้อยเอง ฉันมันหัวทึบ ฉันมันเป็นคนงั่ง และยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี เพราะมันเหนื่อยมันท้อมามากแล้ว แต่มันไม่ได้ผลลัพธ์ที่อยากได้กลับมาเลย ถึงพยายามต่อไปก็คงไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา แต่กับเด็กคนนี้แตกต่างออกไป เขายังพยายามจะสร้างโอกาสของตัวเองแม้ว่าจะอยู่ในนรก เป็นเรื่องดี ๆ ที่น่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะ

ดังนั้น ตาน้องยุนกามินนี่ก็เลยไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ จ้า แถมยังไปค้นพบกับวิธีที่สุดโต่งกว่าเดิมอีกแม่เอ๊ย! เรียนพิเศษก็ไม่ได้ผลใช่ไหม! ติวส่วนตัวก็ไม่มีอะไรดีขึ้นใช่ไหม! ขอเพื่อนเข้ากลุ่มติวก็ไม่มีใครเขาอยากรับคนโง่เข้ากลุ่มใช่ไหม! น้องย้ายโรงเรียนเลยจ้า จากโรงเรียนปกติธรรมดา ๆ ก็ย้ายไปอยู่โรงเรียนที่มีแต่อันธพาลไปเลยสิจ๊ะ เพราะน้องมันเชื่อของมันเองว่าโรงเรียนที่มีแต่เด็กเกเรแบบนี้คงไม่มีใครตั้งใจเรียน นั่นหมายความว่าถ้าตัวเขายังคงตั้งใจเรียนท่ามกลางเพื่อนที่ไม่มีใครเรียน เขาก็จะทำคะแนนได้ดีขึ้น อันดับของห้องเรียน/ชั้นเรียนก็จะดีขึ้น แต่…ผลการเรียนของน้องมันก็ยังห่วยแตกเหมือนเดิม 555 ตลกมาก เป็นที่มาของความพยายามตั้งกลุ่มติวขึ้นมาเพื่อเอาชนะความหัวทึบของตัวเอง
แค่ครูคนเดียวเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอกครับ
นอกจาก “ยุนกามิน” เด็กหนุ่มที่พยายามเรียนอย่างหนักเพื่อเปลี่ยนแปลงผลการเรียนของตัวเองให้ดีขึ้น แต่มันกลับไม่ได้ผลแล้ว ซีรีส์เรื่องนี้ก็ยังนำเสนอความพยายามของอีกตัวละครที่โตกว่า และขยับขึ้นมาเล่าในแง่มุมที่กว้างกว่า ผ่านตัวละคร “อีฮันกยอง” ครูประจำชั้นคนใหม่ของห้องม.4/4 และอดีตติวเตอร์ส่วนตัวสมัยเด็กของยุนกามิน เธอคนนี้เป็นคนเก่งมาก สามารถสอบได้ที่ 1 ในการสอบคัดเลือกบุคลากร แต่ด้วยเหตุผลส่วนตัว เธอเลือกที่จะไม่ยืนยันสิทธิ์ของตัวเองจนถูกตัดสิทธิ์ในที่สุด และไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เธอถูกเรียกตัวมาเป็นครูที่โรงเรียนมัธยมปลายเทคนิคยูซอง โรงเรียนที่หานักเรียนได้น้อยเหลือเกิน ส่วนใหญ่เป็นเด็กเหลือขอและอันธพาลที่ชอบใช้ความรุนแรงกันหมด

นั่นเท่ากับว่าซีรีส์เรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวของคนตัวเล็ก ๆ แค่ 2 คนที่พยายามจะ “เปลี่ยนแปลง” บางสิ่งบางอย่างเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น สำหรับ “ยุนกามิน” ที่ตัวเขายังเป็นแค่เด็กนักเรียน เขาพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงความหัวทึบของตัวเองอย่างไม่ลดละ เพราะธรรมดาของคนเรา ตั้งใจเรียนขนาดนั้น เรียนพิเศษเยอะขนาดนั้น อ่านหนังสือมากขนาดนั้น ติวเข้มขนาดนั้นจากครูที่สอบคัดเลือกได้เป็นอันดับ 1 มันต้องเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นบ้างแล้ว แต่นี่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย มันต้องมีอะไรผิดพลาดตรงไหนแน่ ๆ แต่ทั้งที่มันไม่มีอะไรดีขึ้นเลย เขาก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้ หนำซ้ำยังกล้าจะลงมือทำในสิ่งที่ท้าทายกว่าเดิม ด้วยการตั้งกลุ่มติวหนังสือขึ้นในโรงเรียนที่แทบไม่มีใครอยากเรียนหนังสือ
ส่วนตัวละคร “อีฮันกยอง” ซึ่งเชื่อสิว่ามันต้องมีเหตุผลเบื้องหลังแน่ ๆ ที่เธอถูกส่งมาเป็นครูที่นี่ และหลังจากที่เธอได้มาทำงานเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนนี้แค่วันเดียวเท่านั้น เธอก็รู้ปัญหาของที่นี่ และพยายามอย่างมากที่จะเปลี่ยนโรงเรียนอันธพาลแห่งนี้ให้กลับมาเป็นโรงเรียนปกติธรรมดาแบบที่โรงเรียนอื่นเป็น ตั้งแต่การแจ้งกับผู้บริหารเรื่องถังเขี่ยบุหรี่ที่มีอยู่เต็มโรงเรียน เมื่อผู้บริหารไม่สนใจ ไม่แยแสกับคำขอของเธอ เธอก็ไล่เก็บถังเขี่ยบุหรี่ไปแอบด้วยตัวเอง หรือเรื่องที่เธอพยายามห้ามปรามเด็กนักเรียนที่ใช้ความรุนแรงในโรงเรียน ทั้งที่ครูคนอื่นเห็นก็เฉยเมย รวมถึงเรื่องที่เธอไว้ใจและสนับสนุนกลุ่มติวของยุนกามินด้วย เพราะเธออยากเห็นโรงเรียนเป็นโรงเรียน และอยากเห็นโรงเรียนแห่งนี้ดีขึ้น

แต่ก็นะ เปิดเรื่องมาได้ 2 ตอน ความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงของทั้ง “ยุนกามิน” และ “อีฮันกยอง” ก็กลายเป็นเรื่องท้าทายขึ้นมาในโรงเรียนแห่งนี้ ทั้งที่มันควรจะเป็นเรื่องปกติในสถานศึกษาด้วยซ้ำไป ก็จริงอย่างที่เด็กมันเตือนว่าครูแค่คนเดียว เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก เพราะหลังจากนั้นเธอก็โดนเล่นงานซะเกือบตาย จนทำให้เด็กหัวทึบที่รักเรียนและมีทักษะการต่อสู่ที่เป็นผลพลอยได้มาจากการฝึกร่างกายเพื่อให้เรียนดีขึ้น ต้องออกโรงวางหนังสือ ถอดแว่นตา เผยร่างทองมาเล่นคิวบู๊เพื่อปกป้องทุกคน และค่อย ๆ รวบรวมคนที่ “อยากเปลี่ยนแปลง” เหมือนกันแต่ไม่กล้าเผยตัว ทีละคนสองคนเข้ากลุ่มติว แล้วมาพยายามเปลี่ยนแปลงทั้งตัวเองและโรงเรียนไปด้วยกัน
ถ้าพูดถึงแค่ความสนุก ความตลก และฉากแอ็กชันมัน ๆ (รวมถึงความหล่อใสของหนุ่ม ๆ) ซีรีส์เรื่อง Study Group มีให้ดูอย่างล้นเหลือ แต่พอมาวิเคราะห์ให้ลึกลงไปถึงสิ่งที่ซีรีส์พยายามจะเล่า จะพบว่ามันก็ตีแผ่ความดาร์กของสังคมอยู่ไม่น้อย สังคมที่ถูกครอบงำโดยอำนาจมืดของผู้มีอิทธิพล สร้างโลกที่เต็มไปด้วยอำนาจอันหอมหวานให้กับคนกลุ่มหนึ่ง และก็สร้างความไม่ยุติธรรมขึ้นกับคนธรรมดาทั่วไปที่แค่อยากจะมีชีวิตปกติ เมื่อพวกเขาถูกกดทับมาก ๆ เข้า แล้วเริ่มทนดูดายเห็นสิ่งผิดปกติที่กำลังจะถูกเปลี่ยนให้เป็นเรื่องปกติไม่ได้ จึงจำเป็นต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เท่าที่ตัวเองจะทำได้ เพื่อคืนความยุติธรรม ความสงบสุขให้กับตัวเอง และเพื่อปกป้องคนที่ควรจะถูกปกป้อง 👊