โลกที่เต็มไปด้วย “มายาคติ”

ความหมายของคำว่า “มายาคติ” คือความเข้าใจผิด เชื่อไปเอง หรือหลงเชื่อเพราะได้รับข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง จึงสร้างความเชื่อที่ผิด ๆ ให้เกิดขึ้น และดูเหมือนว่า โลกยุคปัจจุบันเต็มไปด้วยสิ่งที่เรียกว่ามายาคติอยู่เต็มไปหมดค่ะ ยกตัวอย่างจากบทสนทนาที่ผู้เขียนได้มีโอกาสนั่งคุยกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่งซึ่งเป็นผู้รู้อย่างแตกฉานในหลายเรื่อง และยังได้เปิดคอร์สอบรมสำหรับผู้ที่สนใจจะพัฒนาตนเอง ท่านกล่าวกับผู้เขียนว่า “ที่ผ่านมาเวลาเปิดคอร์ส คนที่ลงทะเบียนเรียนส่วนใหญ่ชอบคิดว่ามาฟังบรรยายแล้ว วันรุ่งขึ้นจะรวยได้เลย”

นี่เป็นตัวอย่างแรก ๆ ของความเชื่อไปเอง หรือหลงผิดคิดว่าความสำเร็จเป็นของง่าย พอเห็นคนอื่นทำได้ก็คิดว่าตนเองจะทำได้ มาลงทะเบียนเรียนเสร็จแล้วกลับไม่คิดต่อยอด แต่คิดไปว่าเรียนแล้วเดี๋ยวจะประสบความสำเร็จเอง ทั้งที่ในชีวิตจริงนั้น การเรียนรู้ความสำเร็จของผู้อื่น ไม่ได้หมายถึงการมองแค่ความสำเร็จแต่เพียงอย่างเดียว หากต้องดูระหว่างทางของคนเหล่านั้นเพื่อเรียนรู้ไปด้วย

มายาคติในยุคที่มีโซเชียลมีเดียนั้นเกิดขึ้นได้ง่ายมาก ผ่านทางคอนเทนต์ที่ชักชวนให้ลงทุนบ้าง คอนเทนต์ที่แสดงความร่ำรวยจนทำให้หลายคนอยากมีชีวิตเช่นนั้นบ้าง คอนเทนต์ที่นำเอาคนที่ประสบความสำเร็จในวงจรธุรกิจขายตรงมานำเสนอในหน้าฟีดบ่อย ๆ บ้าง หรือแม้กระทั่งคอนเทนต์ที่ชักชวนโดยให้ค่าตอบแทนที่เกินจริง ก็มีให้เห็นอยู่อย่างดาษดื่น

เมื่อสร้างมายาคติให้คนที่เสพสื่อโซเชียลมีเดียเชื่อว่าความสำเร็จนั้นจะมาโดยง่าย ใช้คำพูดที่ประดิษฐ์มาแล้วอย่าง “ให้เงินทำงาน” หรือ “ทำงานผิดที่ สิบปีก็ไม่รวย” เหล่านี้ล้วนแต่เป็นการสร้างความเชื่อผิด ๆ ด้วยข้อมูลที่หาความจริงไม่ค่อยได้ และทำให้หลายคนคิดว่าโลกใบนี้มีทางลัดไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่เคยมี

จากประโยคในข้างต้นที่เขียนเอาไว้ว่า “อย่ามองแต่ความสำเร็จ แต่ให้มองเส้นทางมาสู่ความสำเร็จของคนคนนั้นด้วย” เพราะคนที่จะประสบความสำเร็จ หมายความว่าพวกเขาต้องมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในสิ่งที่ทำระดับเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ ความสำเร็จไม่ได้มาเพียงแค่ชั่วข้ามคืน หนึ่งปี สองปี หรือสามปี หากแต่ต้องสะสมเป็นระยะเวลาเท่ากับความชำนาญที่จะเกิดขึ้นของคนคนนั้น

แต่ถ้าคุณเจอกับคนที่โอ้อวดตนเองว่าประสบความสำเร็จเพียงชั่วข้ามคืน ให้มองข้ามไปที่ข้างหลังของคนคนนั้นหน่อยว่า มีใครที่ดันหลังให้เขาออกมาอยู่เบื้องหน้าแทนหรือไม่ หรือคนที่พยายามให้ผลตอบแทนสูง ๆ แก่ผู้อื่นเพื่อหวังระดมเงิน ขอให้ชะงักมือที่จะกดโอนเงินสะสมของตนเองให้กับคนคนนั้น เพราะผลตอบแทนสูง ๆ จากนักระดมทุนไม่เคยมีอยู่จริง

เคยมีนายตำรวจท่านหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ถึงการสังเกตคนที่มีลักษณะของผู้ที่ทำธุรกิจที่ไม่โปร่งใสเอาไว้ว่า “คนเหล่านี้มักจะมีรถหรู บ้านหรู ใช้ชีวิตอู้ฟู้ ทั้งที่พื้นเพครอบครัวนั้นไม่ได้ร่ำรวยอะไร เวลาไม่กี่ปีและมีของเหล่านี้ได้มักจะมีธุรกิจที่ไม่ปกติอยู่เบื้องหลัง”

ขณะที่นักลงทุนท่านหนึ่ง เคยให้ข้อคิดเกี่ยวกับการชักชวนลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงจนผิดสังเกตเอาไว้ว่า “ผลตอบแทนที่จะให้เกินกว่ามาตรฐานตลาด แสดงให้เห็นว่าธุรกิจดังกล่าวไม่สามารถกู้ธนาคารได้ และไม่สามารถระดมทุนจากกรรมการในบริษัทได้ เมื่อต้องมาระดมทุนจากคนข้างนอก คือสิ่งที่ต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง”

ยุคนี้เราต้องอยู่กันอย่างระวังตัวเป็นอย่างมากค่ะ เพราะไม่เพียงมิจฉาชีพที่มาในหลากหลายรูปแบบ หรือแม้กระทั่งการสร้างมายาคติผิด ๆ จนทำให้หลายคนหลงเชื่อไปว่าชีวิตที่สมบูรณ์แบบต้องเป็นอย่างที่เห็นในโซเชียลมีเดีย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ความสมบูรณ์แบบไม่เคยมีอยู่จริงบนโลกใบนี้ แต่ความสุขอันเกิดจากตัวคุณที่พอใจกับสิ่งที่มีอยู่ตรงหน้า คือสิ่งที่จริงแท้และจับต้องได้

แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ