หลังจากประทับใจสุด ๆ กับความประหยัดของอีซูซุ D-MAX X-Series Hi-Lander 2024 กับเส้นทางกรุงเทพฯ-น่าน น้ำมัน 1 ถัง ยังเหลือ! ในที่สุดก็ถึงคิวของ PPV รุ่นยอดฮิตในบ้านเราอย่าง อีซูซุ MU-X กันบ้าง ซึ่งจริง ๆ แล้วผมมีโอกาสได้ทั้งนั่งทั้งขับเจ้า MU-X RS เครื่อง 3.0 ลิตร คันนี้มาตั้งแต่ 2 เดือนที่แล้ว กว่าจะมีโอกาสได้เล่าสู่กันฟังในสัปดาห์นี้ครับ
หากดูตัวเลขยอดขายรถกลุ่ม PPV (Pick-Up Passenger Vehicle) หรือรถที่ดังแปลงจากพื้นฐานรถกระบะมาทำเป็นรถ 7 ที่นั่ง อีซูซุ MU-X ถือเป็น 1 ใน 2 รุ่นที่ครองตลาดเมืองไทยมายาวนาน ซึ่งในภาพจำของผมกับแบรนด์นี้ MU-X คือรถที่อาจไม่ได้แรงปรู๊ดปร๊าด แต่เป็นรถที่นั่งสบายที่สุดในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งพอได้มาลองสัมผัส MU-X รุ่นปี 2024 ก็ต้องบอกว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ครับ
ถือเป็นจุดเด่นของรถอีซุซุแทบจะทุกรุ่น ตั้งแต่กระบะ D-MAX มาจนถึง PPV อย่าง MU-X นั่นก็คือความสะดวกสบายในการนั่งเบาะแถวสองไปจนถึงแถวสาม ที่คนส่วนสูง 178 เซนติเมตรอย่างผมได้นั่งแล้วไม่อึดอัดแต่อย่างใด โดยเฉพาะเบาะแถวสอง บอกเลยว่าดีกว่าค่ายคู่แข่งที่ผมเคยได้สัมผัสมา ขณะที่เบาะแถวสาม ที่ปกติจะนั่งได้เฉพาะเด็ก แต่ MU-X ทำออกมาให้ผู้ใหญ่นั่งได้จริงครับ
MU-X รุ่นปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ มาพร้อมกับนิยามใหม่ MU-X “THE NEXT PEAK” “จุดสูงสุดใหม่…กับชีวิตที่เหนือกว่า” ซึ่งรุ่นที่ผมและทีมงาน World of Speed มีโอกาสได้นำมาทดสอบ เป็น MU-X รุ่น RS ขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคา 1,659,000 บาท ที่เป็นการเพิ่มไลน์อัปสปอร์ตในรุ่นท็อปสุด ให้อารมณ์สปอร์ตทั้งภายนอกและภายใน เรียกได้ว่าเห็นจากด้านหน้า บอกเลยว่าดูโด่นเด่นมาก
โดยเฉพาะกระจังหน้าใหม่! BLACK DIAMOND และกันชนหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Fighter Jet GRILLE พร้อมสัญลักษณ์ RS สี LIME GREEN เพิ่มความสปอร์ตในแต่ละจุด ซึ่งตัวย่อ RS นั้นมีที่มาจาก Racing Spirit สื่อถึง ดีเอ็นเอแห่งความสปอร์ตที่อยู่ในรถ ISUZU รุ่นท็อป ตอบโจทย์ผู้ที่หลงใหลในรถยนต์ที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตไม่ซ้ำใครนั่นเองครับ
ส่วนเครื่องยนต์ MU-X RS เป็นดีเซล 3.0 ลิตร (อัปเกรดมาตรฐานไอเสียเป็นยูโร 5) ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที ซึ่งด้วยความที่เป็นเครื่องใหญ่ 3.0 แน่นอนว่าเสียงคำรามเครื่องยนต์ทั้งรอบเดินเบาและจังหวะกดคันเร่ง เราจะได้ยินเสียงคำรามค่อนข้างดังกว่าตัวเครื่องยนต์ 1.9 ลิตร
สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดในการได้ขับเจ้า MU-X RS 2024 ก็คือพวงมาลัยไฟฟ้าครับ รถใหญ่แบบนี้ ล้อใหญ่และหนักแบบนี้ พวงมาลัยไฟฟ้าคือสิ่งที่ตอบโจทย์มากครับ เมื่อรถจอดเฉย ๆ ผมสามารถใช้มือเดียวหมุนพวงมาลัยได้ เรียกได้ว่าขับสบายคล่องตัวทั้งในเมือง และหน่วงน้ำหนักให้หนักขึ้นเวลาวิ่งทำความเร็วสูงในการขับทางไกลได้ด้วย ถือเป็นออปชั่นที่ค่ายเจ้าตลาดยังไม่มีครับ
ส่วนอัตราการซดเชื้อเพลิง หากขับทางไกล ผมจับตัวเลขเฉลี่ยได้ที่ราว 14-15 กิโลเมตรต่อลิตร แต่ความเสียเปรียบของเครื่องยนต์ใหญ่ คือการวิ่งในเมืองที่รถติด ๆ ก็จะซดมากหน่อยเป็นเรื่องธรรมดาครับ ตัวเลขเฉลี่ยอยู่ราว 9-10 กิโลเมตรต่อลิตร อย่างไรก็ดี ประเด็นหลักอยู่ที่ประโยชน์ใช้สอยของคุณมากกว่า ถ้าคิดว่ามันตอบโจทย์ ตัวเลขซดน้ำมันระดับนี้ คือเกณฑ์เฉลี่ยของรถ PPV ในตลาดบ้านเราชั่วโมงนี้ครับ