หากคุณกำลังประสบปัญหา “หนี้บัตรเครดิต” ที่มีหนี้รวมค้างอยู่หลายใบ จนต้องค่อย ๆ ทยอยจ่ายค่างวดคืนด้วยยอดจ่ายขั้นต่ำ การบริหารจัดการรายได้ก็ค่อนข้างจะตึงมือ และเริ่มรู้สึกว่ามันเกินความสามารถที่จะปิดยอดหนี้ได้ เพราะยอดหนี้สะสมพุ่งสูงหลายหมื่นหรือทะลุหลักแสนไปแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า “การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต” อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่จะช่วยบรรเทาความกังวลเรื่องหนี้สินท่วมหัวของคุณลงได้ จากหนี้สูงหลายหมื่นหรือหลักแสน ก็สามารถทำให้ยอดหนี้ต่ำลงเหลือแค่หลักพันได้ง่าย ๆ
รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตคืออะไร
รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต คือการรวมหนี้บัตรเครดิตหลาย ๆ ใบ ซึ่งแต่ละใบมีอัตราดอกเบี้ยสูงเข้าไว้ด้วยกัน โดยโอนยอดหนี้ทั้งหมดไปที่สินเชื่อส่วนบุคคลหรือผลิตภัณฑ์การเงินอื่นที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการชำระสินเชื่อใหม่ทั้งหมด จากการจ่ายขั้นต่ำทีละใบ ที่รวม ๆ แล้วอาจต้องจ่ายหลักพันปลาย ๆ ถึงหรือหลักหมื่นบาทต่อเดือน มาเป็นการจ่ายหนี้ที่เดียว ก้อนเดียวแทน แม้ยอดเงินต้นรวมจะเท่ากัน แต่ดอกเบี้ยจะถูกลง ซึ่งวิธีการก็ไม่ยาก เพียงแค่รวมหนี้สินจากบัตรเครดิตทั้งหมด แล้วขอสินเชื่อก้อนใหม่กับธนาคารเดิมหรือธนาคารใหม่ เพื่อปิดจบหนี้บัตรทุกใบ แล้วหันมาจ่ายหนี้ก้อนใหม่นี้แทน
การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต จะช่วยให้คุณสามารถจ่ายหนี้ได้ง่ายขึ้น ลดภาระดอกเบี้ยหนี้บัตรเครดิต (ที่มากกว่า 1 ใบ) ทุกใบลง มียอดชำระต่อเดือนที่ชัดเจนขึ้น ยืดระยะเวลาการจ่ายหนี้ได้นานขึ้น เพราะสินเชื่อก้อนใหม่มักมีระยะเวลาเริ่มต้นในการชำระสินเชื่อตั้งแต่ 12 เดือน ถึง 72 เดือน การผ่อนนานจะช่วยให้คุณมีเวลาบริหารจัดการเงินของตัวเองให้เข้าที่เข้าทางได้ง่ายกว่า จนสามารถปลดหนี้บัตรเครดิตที่เรื้อรังมาเป็นเวลานานได้ในที่สุด วิธีนี้จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่มีหนี้บัตรเครดิตหลายใบ ยอดค้างชำระสูง โดยที่ผ่านมาก็พยายามประคับประคองหนี้เพื่อไม่ให้มีการค้างชำระ ด้วยการจ่ายขั้นต่ำมาเป็นระยะเวลายาวนานแต่หนี้ไม่ลดสักที และอยากเคลียร์หนี้บัตรเครดิตให้หมดไป
ดังนั้น การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต จึงมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแบ่งเบาภาระในการชำระหนี้ต่อเดือนให้ต่ำลง แบกภาระดอกเบี้ยต่ำลงตามโปรโมชันของสินเชื่อที่ธนาคารเสนอมา ปลดหนี้รุงรังที่จ่ายไปเท่าไรก็ไม่หมดสักที เพราะที่จ่ายขั้นต่ำไปในแต่ละเดือนมีแต่จ่ายดอกเบี้ยเงินต้นจึงแทบไม่ลด และเงินต้นที่ไม่ลดก็ถูกวนกลับมาคิดดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายสูง ๆ เสมอ รวมถึงป้องกันค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายเนื่องจากผิดนัดชำระยอดบัตรเครดิตหลาย ๆ ใบ แถมยังช่วยยืดระยะเวลาในการผ่อนชำระให้ยาวนานมากขึ้นอีกด้วย
อยากรีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิต ต้องทำอย่างไรบ้าง
1. ตรวจสอบยอดหนี้บัตรเครดิตที่มีทั้งหมด รวมยอดหนี้จากบัตรเครดิตทุกใบที่ต้องการรีไฟแนนซ์ และคำนวณยอดหนี้ทั้งหมดเพื่อวางแผนการจัดการหนี้ โดยคุณควรตั้งวงเงินสินเชื่อให้มากกว่าหนี้สิน เนื่องจากสถาบันการเงินอาจพิจารณาให้สินเชื่อไม่เต็มจำนวน ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น คุณควรเลือกปิดหนี้บัตรเครดิตใบที่ดอกเบี้ยแพงที่สุดก่อน
2. หาข้อมูลสินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจากธนาคารแต่ละแห่ง แล้วลองพิจารณาเปรียบเทียบ สินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตมักจะมีระยะเวลาของการสมัครเป็นช่วงเวลา แต่ละธนาคารมีเงื่อนไขต่างกัน และไม่ได้มีให้บริการทุกธนาคาร จึงต้องพยายามตรวจสอบและเข้าไปขอคำปรึกษากับธนาคารที่ให้บริการรีไฟแนนซ์หลาย ๆ แห่ง เพื่อนำมาพิจารณาเปรียบเทียบโปรโมชันและสินเชื่อของแต่ละที่ให้เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด
คุณควรเลือกสินเชื่อที่ดอกเบี้ยต่ำที่สุด (และต่ำกว่าหนี้บัตรเครดิตที่มีอยู่) รวมถึงพิจารณาเงื่อนไขอื่นร่วมด้วย เช่น จำนวนวงเงินที่อนุมัติ อัตราดอกเบี้ยพิเศษ ระยะเวลาผ่อนชำระ จำนวนที่ต้องผ่อนชำระต่อเดือน การใช้หลักทรัพย์หรือผู้ค้ำประกัน และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เพื่อจะได้มีตัวเลือกในการพิจารณาที่ตอบโจทย์และช่วยแบ่งเบาภาระหนี้สินของคุณให้ได้มากที่สุด แล้วค่อยเลือกธนาคารผู้ให้บริการที่มีเงื่อนไขการชำระหนี้ที่เหมาะสมกับสถานะทางการเงินของคุณ
3. สมัครสินเชื่อรีไฟแนนซ์ เมื่อได้สินเชื่อที่เหมาะสมแล้ว ก็ทำการสมัครสินเชื่อส่วนบุคคลหรือสินเชื่อรีไฟแนนซ์ที่เลือก โดยเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น บัตรประชาชน สลิปเงินเดือนหรือเอกสารแสดงรายได้ และรายละเอียดหนี้สินทั้งหมด พวกใบแจ้งหนี้บัตรเครดิตจากธนาคารต่าง ๆ ในรอบบิลล่าสุด ต้องเตรียมให้พร้อม หากรับใบแจ้งหนี้ทางอีเมล ให้พิมพ์ออกมาแล้วเซ็นชื่อกำกับ
4. โอนหนี้บัตรเครดิตไปยังสินเชื่อรีไฟแนนซ์ เมื่อได้รับอนุมัติวงเงินสินเชื่อจากธนาคารที่สมัครสินเชื่อแล้ว ให้ดำเนินการโอนยอดหนี้จากบัตรเครดิตทั้งหมดไปยังสินเชื่อส่วนบุคคลหรือสินเชื่อรีไฟแนนซ์ใหม่ เพื่อปิดหนี้บัตรเครดิตที่มีดอกเบี้ยสูงทั้งหมด เป็นการจบการชำระหนี้บัตรเครดิตแต่ละใบ แล้วหันมาชำระหนี้จากสินเชื่อใหม่เพียงที่เดียว
5. วางแผนการชำระหนี้คืน หลังจากรีไฟแนนซ์แล้ว คุณจะเหลือหนี้ทางเดียว ดังนั้น ควรจัดทำแผนการชำระหนี้รายเดือนตามเงื่อนไขของสินเชื่อใหม่ให้ชัดเจน และควรชำระหนี้ให้ตรงตามกำหนดเพื่อลดภาระดอกเบี้ย ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมผิดนัดชำระ และควรเริ่มบริหารจัดการการเงินส่วนบุคคลให้เป็นระบบ จะได้ไม่เพิ่มภาระหนี้สินรุงรังอีก
ข้อดีของการรีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิต
- ช่วยลดภาระดอกเบี้ย เนื่องจากสินเชื่อส่วนบุคคลหรือสินเชื่อรีไฟแนนซ์มักมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าดอกเบี้ยบัตรเครดิต เพราะส่วนใหญ่ธนาคารมักจะนำเสนอโปรโมชันที่ให้ดอกเบี้ยถูกกว่าบัตรเครดิต อีกทั้งยังเป็นการรวมหนี้จากบัตรเครดิตหลาย ๆ ใบ ที่แต่ละใบก็จะเรียกเก็บดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนดและยอดเงินต้นที่รูดไป การรีไฟแนนซ์เพื่อรวมหนี้จึงช่วยให้คุณเหลือดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเพียงที่เดียว ซึ่งก็คือสินเชื่อก้อนใหม่ที่กู้มาปิดหนี้ใบเครดิตทั้งหมดนั่นเอง
- ช่วยให้คุณจัดการการชำระหนี้ได้ง่ายขึ้น การรีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิต จะลดจำนวนการจ่ายหนี้บัตรเครดิตหลายบัญชี ให้เหลือแค่การชำระต่อเดือนกับผู้ให้สินเชื่อก้อนใหม่นี้เพียงรายเดียว
- ช่วยลดยอดการชำระต่อเดือน การขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต คุณสามารถเลือกระยะเวลาการผ่อนชำระได้ตามความสามารถชำระหนี้ที่เหมาะสมได้ และเมื่อคุณได้สินเชื่อมาปิดยอดหนี้บัตรเครดิตหลาย ๆ ใบนั่นหมดไปแล้ว คุณจะเหลือการชำระต่อเดือนกับผู้ให้สินเชื่อก้อนใหม่นี้เพียงรายเดียว จึงทำให้คุณมีสภาพคล่องมากขึ้น การจ่ายหนี้ไม่ตึงมือมากจนเกินไป มีเงินเหลือสำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ จะได้ไม่ต้องหันกลับมาเป็นหนี้อีก หรือนำไปลงทุนในอนาคตได้มากขึ้น
ข้อควรระวังที่ต้องรู้ในการรีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิต
- ระยะเวลาการผ่อนชำระอาจยาวนานขึ้น เนื่องจากการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต คือการกู้เงินก้อนใหญ่ก้อนเดียวมาปิดภาระหนี้บัตรเครดิตแต่ละใบให้หมด ทำให้คุณมียอดหนี้ที่ต้องชำระคืนสูง และการเลือกระยะเวลาในการผ่อนชำระคืนนาน เพื่อที่คุณจะได้มียอดชำระรายเดือนจะน้อยลง เพิ่มสภาพคล่องต่อเดือนได้มากขึ้น แต่นั่นแปลว่าคุณจะเป็นหนี้นานขึ้น และการขยายเวลาผ่อนอาจทำให้ดอกเบี้ยรวมที่ต้องจ่ายให้ธนาคารสูงขึ้นด้วย
- ระวังการสร้างหนี้ใหม่ การได้สินเชื่อก้อนใหม่มาปิดหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดที่เคยรูดจนเต็มวงเงินหรือเกือบ ๆ เต็มวงเงิน และเคยต้องจ่ายคืนด้วยขั้นต่ำเสมอ จะทำให้บัตรเครดิตแต่ละใบไม่มีหนี้คงค้างและเหลือเงินเต็มวงเงิน ความรู้สึกนั้นอาจทำให้คุณหน้ามืดตามัวได้ คุณจึงต้องระมัดระวังให้มากเพื่อไม่ให้เกิดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตแบบไม่คิดหน้าคิดหลังจนเกิดหนี้ใหม่เป็นเงาตามตัว และการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตก็อาจจะเป็นเพียงการเพิ่มหนี้ซ้ำซ้อน เพิ่มภาระหนี้ใหม่ขึ้นมาอีกก้อน จนสุดท้ายมีหนี้สินท่วมตัว เป็นหนี้ยาวนาน และวนเวียนอยู่ในวงจรหนี้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด