“หนึ่งวันพันเหตุการณ์” เป็นคำเปรียบเปรยที่เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านน่าจะใช้กันจนคุ้นชิน และเข้ากับยุคสมัยที่ผู้คนต่างต้องพบเจอกับความปรวนแปรทางอารมณ์ของผู้คนผ่านโซเชียลมีเดีย เจอกับนิสัยที่บิดเบี้ยวของผู้คนในชีวิตจริง ที่มักเอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่น หรือเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากเราอย่างไม่จบสิ้น ถ้าไม่ช่วยเรากลายเป็นคนไม่ดีไปซะงั้น! เมื่อเจอบ่อย ๆ เข้า ผู้เขียนที่ไม่อยากจะสู้รบปรบมือกับใครแล้ว ก็นึกถึงกลยุทธ์ “ตีมึน”
เมื่อคิดว่าจะใช้วิธีการ “ตีมึน” เพื่อรับมือกับสังคมและผู้คน ผู้เขียนเลยลองเอาไปถาม ChatGPT ดูว่า “ตีมึน” นั้นเป็น พฤติกรรมหรือนิสัย ซึ่งเจ้า AI ตอบกลับมาว่า อาการ “ตีมึน” เป็นได้ทั้ง พฤติกรรม และ นิสัย โดยพิจารณาจากวิธีการใช้งานและบริบทของผู้ที่แสดงออกมา
ถ้าเป็นในรูปแบบพฤติกรรม อาการตีมึน หมายถึงการตอบสนองต่อสถานการณ์เฉพาะหน้า เช่น การทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่สนใจสิ่งที่คนอื่นพูดหรือทำ เมื่อเจอสถานการณ์ที่ไม่อยากตอบรับหรือไม่อยากมีส่วนร่วม คนที่เลือกตีมึนมักทำไปเพราะสถานการณ์นั้น ๆ เพื่อป้องกันตัวเองจากความขัดแย้ง หรือเพื่อไม่ให้ถูกดึงเข้าไปในดราม่าที่ไม่จำเป็น
แต่ถ้าเป็นนิสัย จะหมายถึงการตอบสนองต่อสถานการณ์บ่อยครั้ง และเป็นวิธีการรับมือที่คุ้นชินจนเกิดเป็นอัตโนมัติ มันอาจพัฒนาเป็นนิสัยได้ คนที่ใช้การตีมึนเป็นประจำอาจจะหลีกเลี่ยงความเครียดโดยการปิดกั้นตัวเองจากสิ่งที่ไม่ต้องการเผชิญอยู่เสมอ ซึ่งทำให้เป็นลักษณะนิสัยที่แสดงออกในระยะยาว
ดังนั้น เพื่อความกระจ่างต่อการใช้กลยุทธ์ “ตีมึน” ผู้เขียนเลยถามเจ้า ChatGPT ต่อว่าถ้าต้องรับมือกับโซเชียลมีเดีย ที่อุดมไปด้วยเนื้อหาที่เต็มไปด้วยดราม่า และสังคมที่อุดมไปด้วยผู้คนที่หวังฉกฉวยแต่ผลประโยชน์จากความใจดีของเรา กลยุทธ์ “ตีมึน” จะพอช่วยได้ไหม…ซึ่งเจ้า ChatGPT ตอบว่า
ยุคนี้เป็นช่วงเวลาที่ การตีมึน หรือ การปล่อยผ่านบางเรื่อง กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญในการรักษาสุขภาพจิตและความสงบในชีวิตได้ ทั้งการตีมึนเลื่อนผ่านดราม่าในโซเชียลมีเดียโดยไม่ต้องเข้าไปอ่านรายละเอียดหรือคอมเมนต์ตามกระแส จะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงอารมณ์ลบและใช้เวลาไปกับสิ่งที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์มากกว่า
นอกจากนี้ การตีมึนในยุคนี้ ไม่ได้หมายถึงการละเลยสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวโดยสิ้นเชิง แต่หมายถึงการรับรู้อย่างมีสติและเลือกเสพสิ่งที่ส่งเสริมให้เรามีสุขภาพจิตดีขึ้น เราสามารถให้ความสำคัญกับเรื่องที่เป็นบวกและเป็นประโยชน์โดยไม่ต้องปล่อยให้ดราม่าต่าง ๆ เข้ามาทำลายสมดุลชีวิตของเรา
ขณะเดียวกัน ถ้าคุณต้องเจอกับคนที่ไม่น่ารัก หรือคนที่เรียกร้องจากความใจดีของคุณตลอดเวลา การ “ตีมึน” นับเป็นเทคนิคที่ช่วยให้เราหลบเลี่ยงจากสถานการณ์ที่อาจทำให้ไม่สบายใจ หรือเตือนให้คนที่ขอความช่วยเหลือบ่อย ๆ ได้รู้ตัวว่าต้องพึ่งพาตัวเองให้มากขึ้น และเชื่อไหมคะว่ากลยุทธ์ตีมึนนั้น ยังใช้จัดการกับผู้คนที่นิสัยไม่น่ารักได้ด้วย เพราะกลยุทธ์ตีมึน ช่วยให้คุณไม่มีอารมณ์กับคนนิสัยไม่น่ารัก และยังทำให้คุณไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ที่จะก่อให้เกิดความยุ่งยาก
เรามาใช้กลยุทธ์ “ตีมึน” เพื่อสร้างความสุขให้กับชีวิตดีกว่าค่ะ ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ผู้คนมีพฤติกรรมที่หลากหลาย และต่างเชื่อในความคิดของตนเองมากเกินไป เราสามารถสร้างสมดุลให้กับอารมณ์และความรู้สึกตนเองได้ด้วย “กลยุทธ์ตีมึน” มิเช่นนั้นแล้ว ความคิดของคุณจะไหลตามกระแสและสถานการณ์ จนท้ายที่สุดแล้วกลายเป็นเหยื่ออารมณ์ของตนเอง
แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ