A Virtuous Business ก๊อก ๆ รับ…ไปเติมไฟรักหน่อยไหมคะ?

ช่วงเวลาแห่งความลังเลเวียนวนกลับมาอีกครั้ง กับซีรีส์ 3 เรื่องที่เลื่อนผ่านไปผ่านมาหาอ่านรีวิวว่าเรื่องไหนปังกว่ากัน ถ้าดูจากเรตติ้งที่เกาหลีแล้ว เหมือนว่าจะเทไปที่ซีรีส์เรื่องใหม่ของ “คิมแทรี” เรตติ้งก้าวกระโดดแบบขึ้นเอา ๆ ยิ่งมากตอน ตัวเลขยิ่งทิ้งห่างกับอีพีแรก ๆ แบบไม่เห็นฝุ่น เป็นซีรีส์ย้อนยุคที่เล่าเรื่องราวของการตามล่าฝันของเด็กบ้านนอกที่อยากจะเป็นดาว ด้วยพรสวรรค์เสียงร้องของตัวเอง แต่ด้วยความที่มีการถ่ายทอดดนตรีแบบศิลปะดั้งเดิมของเกาหลี เราไม่รู้ภาษาเขา กลัวว่าดู ๆ ไปแล้วจะไม่อิน ก็เลยผ่านไปก่อน ส่วน Hellbound 2 ก็เล่นมาทีเดียว 6 ตอนจบ ไล่ดูไม่ทันไว้สัปดาห์หน้า เลยต้องมาจบที่เรื่องนี้ ที่จริง ๆ ก็มีใจเอนเอียงมาให้ตั้งแต่แรก เพราะแค่อ่านเรื่องย่อก็สนุกแล้ว

A Virtuous Business เป็นซีรีส์แนวเพื่อนหญิงพลังหญิง เรื่องราวของมิตรภาพในการทำธุรกิจ และการพึ่งพาตัวเองของแก๊ง 4 สาวในช่วงยุค 90 ที่ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงชีวิต ค้นหาคุณค่าในตัวเอง ไม่ยอมที่จะเป็นแม่บ้านธรรมดา ๆ เลี้ยงลูกหัวฟูอยู่บ้านตามวิถีชีวิตของสาวเอเชียยุคเก่า ด้วยการหันไปหยิบจับอาชีพขายตรงแบบ door-to-door หรือก็คือการขายในรูปแบบของการเคาะประตูบ้าน เด็กรุ่นใหม่ ๆ หากหลงเข้ามาอ่านคอลัมน์นี้อาจจะไม่เก็ต จริง ๆ ในบ้านเรายุคหนึ่งก็เคยมีการขายตรงแบบกดกริ่งหน้าบ้าน (ส่วนใหญ่ชอบตะโกนเรียก) เหมือนกัน แบบขายเครื่องกรองน้ำ เครื่องสำอาง อาหารเสริม ประมาณนี้

ทว่าสินค้าที่พวกเธอนำมาเสนอขายที่หน้าประตูบ้านมันไม่ใช่ของเกร่อ ๆ พรรค์นั้นน่ะสิ จริง ๆ ต้องเรียกพวกเธอว่าผู้มาก่อนกาลของเกาหลีเลยก็ว่าได้ โดยสินค้าของพวกเธอนั้นเป็นสินค้าเกี่ยวกับเพศ ซอฟต์ ๆ หน่อยก็คือ “ชุดชั้นในวาบหวิว” ส่วนฮาร์ดคอร์กว่านั้นก็คือ “ของเล่นผู้ใหญ่” ที่เข้าใจตรงกันว่า sex toys นั่นแหละ ใครซื้อสินค้าจากพวกเธอไปก็เตรียมตัวได้เลย คืนนี้ไม่ได้นอนแน่ ๆ

ภาพจาก FB: JTBC Drama

ของเล่นผู้ใหญ่ ทุกวันนี้มันคือเรื่องปกติ แต่ในสังคมเกาหลีปี 1992 แถมยังเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ แถบชนบท ที่สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ในอเมริกายังใหญ่กว่าซะอีก (พระเอกบอก) มันจึงเป็นงานที่ทั้งหินและท้าทายขนบของสังคมมาก ๆ เพราะยุคนั้นเรื่องเพศหรือเซ็กซ์เป็นเรื่องต้องห้าม เป็นเรื่องลับ และเป็นเรื่องส่วนตัวที่จะไม่เปิดเผยกันในที่สาธารณะ ไม่สามารถที่จะสื่อสารกันได้อย่างโฉ่งฉ่าง นอกจากมุกสองแง่สองง่ามที่แก๊งชะนีห้าว ๆ เล่นกันในกลุ่มเพื่อสนิทแล้ว กับคนทั่วไปมันออกจะเป็นเรื่องน่ากระดากอายที่จะพูดออกมาตรง ๆ แต่พวกเธอเป็นเหล่านักขายใจกล้าที่เล่นท้าทายระบบ กล้านำของพวกนั้นมาเร่ขายกันถึงหน้าบ้าน ก็เลยดูบัดสีบัดเถลิงในสายตาชาวเมืองทั่วไป

เหล่า 4 สาวกระโดดเข้ามาทำงานนี้ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป 2 สาวยอมทำเพื่อหาเงินเลี้ยงปากท้องของคนทั้งครอบครัว 1 สาวมาร่วมด้วยเพราะมันน่าสนุกและเพื่อหาเงินรักษากิจการหลักของตัวเอง ส่วนอีก 1 สาวทำเป็นงานอดิเรกเพิ่มพลังชีวิต เพราะเบื่อวิถีชีวิตคุณนายแบบเดิม ๆ ที่เหมือนนกน้อยในกรงทอง ต้องอยู่ภายใต้โอวาทของสามี หลังจากหันหน้ามาทำธุรกิจนี้กันเต็มตัว ทั้ง 4 สาวต้องศึกษาเกี่ยวกับสินค้าและแผนการขายของตัวเองว่าจะทำยังไงถึงจะขายได้ในสังคมที่ยังไม่ยอมรับ มีอคติ ค่อย ๆ ใช้ความจริงใจบวกด้วยความใจกล้าหน้าด้านเข้าไปเปลี่ยนทัศนคติ เปิดกว้างทางความคิดให้กับผู้คน และยกระดับการยอมรับว่าสินค้าเหล่านี้ จริง ๆ แล้วมันเป็นธรรมชาติของชีวิต

ภาพจาก FB: JTBC Drama

สำหรับสมาชิกแก๊ง 4 สาว ประกอบด้วย นางเอก “ฮันจองซุก” เธอเป็นสาวสวยระดับนางงามท้องถิ่นที่ดันซื้อหวยผิด ไปแต่งงานกับรักแรกที่ไม่ค่อยจะเอาถ่าน เป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก 1 คน และรับงานเสริมเป็นแม่บ้านบ้านคุณนายร้านขายยา ความยากจนทำให้เธอต้องจำใจหันมาทำธุรกิจนี้ แต่ทำไปทำมาดันได้รู้ความสามารถด้านการตลาดของตัวเอง “โอกึมฮี” คุณนายร้านขายยา ลูกคุณหนูที่มาจากครอบครัวมีอันจะกิน มีการศึกษาสูง หลังจากแต่งงานก็ย้ายตามสามีมาที่เมืองเล็ก ๆ แต่เธอพบว่าชีวิตที่ต้องวางตัวเป็นคุณนายนั้นน่าเบื่อเกินไป ไม่มีเป้าหมายในชีวิต เธอจึงอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง อยากมีชีวิตสนุก ๆ ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ จึงได้เข้ามาเป็นพี่ใหญ่มันสมองของทีมขาย

“ซอยองบก” คุณแม่ลูก 4 ที่พูดเก่งเหมือนติดมอเตอร์ไว้ที่ปาก เธอมองโลกในแง่ดีและร่าเริง ชีวิตครอบครัวของเธอดูจะสมบูรณ์แบบและมีความสุขกับสามีที่คลั่งรักเธอสุด ๆ แต่ความยากจนทำให้ทั้ง 6 ชีวิตต้องนอนเบียดกันในห้องอเนกประสงค์แคบ ๆ ห้องเดียว ด้วยความปรารถนาที่อยากจะให้ลูก ๆ ได้มีห้องนอนดี ๆ แยกของตัวเอง เธอจึงก้าวเข้าสู่ธุรกิจนี้อย่างเต็มใจทั้งที่ไม่ค่อยมั่นใจ และ “อีจูรี” คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ยังสาว เธอเลี้ยงดูลูกชายมาโดยลำพังด้วยการเปิดร้านเสริมสวย ด้วยความที่เป็นแฟชันนิสตาล้ำยุค ชาวบ้านอนุรักษ์นิยมจึงมีอคติกับเธอ ผู้หญิงจะชอบแซะ ผู้ชายจะชอบส่งสายตาล่อแหลม แต่เธอก็หาแคร์ไม่ เอาชนะด้วยความมั่นใจ และเข้าร่วมทีมขายตรงในที่สุด

ภาพจาก FB: JTBC Drama

ส่วนพระเอก (ไม่สิ ต้องบอกว่ามีลุ้นว่าจะเป็นพระเอก) เป็นตำรวจหนุ่มจบเมืองนอกที่เข้ามาสืบคดีปริศนาบางอย่างในเมืองนี้ การปรากฏตัวของเขาแบบเท่ ๆ เก๊ก ๆ คูล ๆ ช่างขัดแย้งกับชนบทแบบเมืองนี้จริง ๆ การทำงานแต่ละวันของเขาถ้าไม่ใช่เรื่องคดีที่เขาหมกมุ่นอยู่ มันก็มักจะเกี่ยวข้องกับคุณแม่ลูก 1 หัวหน้าทีมขายตรงเสมอ ๆ และในวันหนึ่ง เขาก็ดันหลุดเก๊ก เผลอยิ้มออกมาในขณะมองเธอ จึงเป็นอีกประเด็นที่น่าลุ้นให้สมหวัง ถึงนางเอกจะไม่ใช่สาวโสดและมีลูกติด แต่เธอยังสาว ยังสวย และเป็นคนดี หลังจากได้ชีวิตที่ดีของตัวเองกลับคืนมา เธออาจได้มีโอกาสเริ่มต้นความรักดี ๆ ครั้งใหม่ก็ได้ใครจะรู้ เธอซื้อหวยผิดใช่ไหมล่ะ ในเมื่อเลขนั้นมันไม่ถูก ก็แค่ซื้อใหม่แค่นั้นเอง

ขอเผยความลับอะไรอีกอย่างหนึ่งได้ไหม จริง ๆ แล้วที่หมุดหมายซีรีส์เรื่องนี้ไว้เนี่ย เป็นเพราะออนนี่ “คิมโซยอน” เป็นผู้หญิงที่เท่และสวยมาก ๆ ในวัยเกือบ 44 ปีนี่คือไอดอลเลย หลัง ๆ มักจะเห็นแกรับแต่บทแซ่บ ๆ เฟียซ ๆ แบบปากไม่แดงไม่มีแรงเดินอะไรทำนองนั้น ทั้งที่เป็นแค่นักแสดงรับเชิญ ยิ่งตอนโผล่มาร่วมแจมใน Taxi Driver 2 อีพีสุดท้ายนะ คือกราบในความเท่ หน้าเอยหุ่นเอย แล้วใส่ชุดหนัง บูทส้นสูง แต่งหน้าคมกริบ ขับรถ แบกปืน ขนาดผู้หญิงด้วยกันยังหลงเลย คาริสม่ามาเต็ม แต่เปลี่ยนมาเป็นสาวหวานเรียบร้อย ดูติ๋ม ๆ แบบคุณแม่ลูก 1 ที่ต้องสู้ชีวิตแบบดิ้นให้ตายไปข้าง บอกเลยว่าเกินความคาดหมายไปนิดนึงแหละ เมื่อประเมินจากที่เห็นในภาพโปสเตอร์

มองอีกมุมครูคนนั้นก็โชคดีมากนะ ที่ยังใช้ชีวิตเป็นสาวโสดมาจนป่านนี้น่ะ

ภาพจาก FB: JTBC Drama

555 โอ๊ยยย! อยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำจริง ๆ เลยคุณแม่ นี่แหละความในใจของมนุษย์แม่ที่มีลูกตั้ง 4 คน ดูเหมือนว่าจะพรั่งพรูออกมาแบบขำ ๆ กับคนแปลกหน้า แต่ในใจลึก ๆ ก็แอบคิดจริง ในขณะที่ตัวเองเดินทางมาส่งลูกคนที่ 3 ขึ้นชั้นป.1 และบนหลังก็ยังกระเตงลูกคนที่ 4 เต้นโยกไปโยกมาด้วยซ้ำ เชื่อว่าแม่ ๆ ส่วนใหญ่ไม่ได้คิดเสียใจ เสียดาย หรือคิดว่าตัวเองโชคร้ายหรอกที่มีลูก มันเป็นชีวิตที่คุณเลือกเอง ที่อยากจะมีความสุขกับลูก ๆ และมีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ ถึงอย่างนั้น ในใจแว่บหนึ่งก็อาจจะแอบอิจฉาสาวโสดทึนทึก ว่าช่างโชคดีเหลือเกินที่ยังใช้ชีวิตเป็นโสดอยู่ เพราะการไม่มีสามี ไม่มีลูก มันก็แปลว่าไม่มีภาระผูกพันระยะยาว ที่นานไปจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง

ภาพจาก FB: JTBC Drama

หลายคนอาจจะเถียงก็ได้นะว่าลูกไม่ใช่ภาระ ลูกเป็นของขวัญ เป็นแก้วตาดวงใจอะไรก็ตามแต่ มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณแปลและเข้าใจความหมายของคำว่า “ภาระ” แบบไหน อย่าคิดเองเออเองว่าความหมายของคำว่า “ภาระ” จะเป็นแบบที่คุณเข้าใจ ความหมายจริง ๆ “ภาระ” แปลว่าของหนัก, หนัก, ธุระที่หนัก หรือแปลว่า “หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ” ดังนั้น เมื่อคุณปฏิเสธว่าลูกไม่ใช่ภาระ มันก็อาจอนุมานได้ว่าการมีลูกไม่ใช่เรื่องหนักของคุณ เป็นเรื่องสบาย ๆ ชิล ๆ และมันอาจหมายถึงไม่มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบด้วยก็ได้นะ (เอ! เป็นพ่อแม่แบบใดหว่า) การมีลูกน่ะ ยังไงก็เป็นภาระ ถ้าคุณคิดว่าตัวเองยังตายไม่ได้ ไม่ยอมตาย หรือตายตาไม่หลับแน่ ๆ เพราะรักและห่วงลูก นั่นแหละ! ลูกคือภาระนะจ๊ะ

ภาพจาก FB: JTBC Drama

ตรงกันข้ามกับสาวโสด ที่นอกจากจะยังใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ อยากจะโบยบินไปไหนก็ไปแล้ว ยังไม่มีภาระใด ๆ บนบ่า หาคนเดียวกินคนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียว อิ่มก็ดีไม่อิ่มก็ยังทนไหว ถึงจะอดมื้อกินมื้อบ้างก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ลำบากลำบนแค่ไหนก็ยังพอจะประคับประคองตัวเองได้ก็ในเมื่อตัวคนเดียว เอาตัวรอดได้ ไม่จำเป็นว่าจะต้องหาเผื่อปากท้องอื่น ๆ ที่ยังเลี้ยงตัวเองไม่ได้ให้ได้อิ่ม เงินแค่พอมีพอใช้ส่วนตัวก็ได้ มีเก็บยิ่งดี ถ้าไม่เกินตัวและบริหารจัดการดี ๆ ก็ไม่ต้องเป็นหนี้เป็นสิน เพราะไม่ต้องหาหยิบยืมเพื่อส่งใครเรียนหนังสือ ถึงจะเงียบเหงาบ้างแต่ก็สบายดี หาอะไรทำให้หายเหงามันไม่ใช่เรื่องยากสักหน่อย นี่แหละคือความแตกต่าง

ภาพจาก FB: JTBC Drama

ทั้งนี้ก็ไม่ได้จะมาเปรียบเทียบสร้างเรื่องดราม่าอะไรนะ คนโสดก็ใช่ว่าจะมีชีวิตสุขสบายทุกคน คนเรามีภาระอื่นที่ต้องแบกเยอะแยะ แต่แค่จะบอกว่าการที่ไม่ต้องหาเลี้ยงลูกยาวนานเป็นสิบ ๆ ปี และไม่มีความผูกพันทางใจหรือยังห่วงหาอาทรอะไรกับใครเมื่อถึงวันสิ้นลมหายใจ มันก็เป็นอะไรที่เบากว่าเยอะ เพราะภาระของคนเป็นพ่อเป็นแม่ต่อลูก มันไม่ได้สิ้นสุดแค่ลูกโตเป็นหนุ่มเป็นสาวแยกไปมีครอบครัวเองหรอกนะ มันติดพันไปจนกว่าคุณจะตายนั่นแหละ เมื่อการเป็นพ่อเป็นแม่คนมันไม่ง่าย จะมาตัดสินใจด้วยอารมณ์ชั่ววูบมีลูก แล้วเลี้ยงเขาแบบตามีตามเกิด เลี้ยงทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ มันไม่ได้นะ จะทำแบบนั้นกับชีวิตของเด็กคนหนึ่งไม่ได้ แม่ลูก 4 ถึงต้องทำทุกอย่างเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของลูกไง

ไม่มีใครในโลกนี้ไม่ใส่ชุดชั้นในหรอกน่า ชุดชั้นในก็เป็นแค่ชุดชั้นในนั่นแหละ

ภาพจาก FB: JTBC Drama

เอาเส้! นี่ชอบทัศนคติและความคิดบวกของคุณแม่ลูก 4 นะ ด้วยความที่เจ๊แกภาระเยอะ ลูกตั้ง 4 คน แถมยังมีผัวที่แม้จะมีความคลั่งรักให้เต็มเปี่ยม ทำให้ชีวิตเซ็กซ์หลังแต่งงานของเจ๊แกสุขสมบูรณ์ แต่เรื่องหน้าที่การงานก็พึ่งพาอะไรไม่ค่อยจะได้เท่าไร ยังดีที่พร้อมจะสนับสนุนในสิ่งที่เมียทำและอยู่ข้างเมียตลอด ประทับใจสุด ๆ ตอนที่พี่แกแก้แค้นแทนเมีย ทำเมียตกใจหัวใจแทบวาย 555 ความที่เมียแกโดนคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านปฏิเสธที่ขายของพวกนี้ โดยเฉพาะพวกร้านขายของต่าง ๆ แถมยังโดนดูถูกจนเจ๊แกนอนไม่หลับ พี่แกก็เลยแก้แค้นด้วยการเดินเท้าไปซื้อหัวไชเท้าหัวเดียว และค้อนอีกหนึ่งเต้าจากเมืองอื่น พรากโอกาสขายของให้พี่แกไปหลายพันวอนเลยทีเดียว 555

ภาพจาก FB: JTBC Drama

กลับมาที่เรื่องชุดชั้นใน เอาดี ๆ ตอนแรกที่เจ๊แกพูดว่าก็แค่ขายชุดชั้นในน่ะ แกก็ไม่ได้คิดหรอกว่ามันจะเป็นชุดชั้นในเซ็กซี่แบบที่ปิดอะไรไม่มิดแบบนี้ (พ่วงมาด้วยบรรดาของเล่นผู้ใหญ่อีกมากมาย) 555 แกก็คิดว่ามันเป็นชุดชั้นในธรรมดา ๆ แบบที่แกใส่หรือคนอื่น ๆ ใส่นั่นแหละ แต่ตอนที่แกรู้แล้วว่ามันวาบหวิวมากกว่าที่คิด แกก็ยังพยายามจะอยู่ฟังให้จบว่าเจ้าของเขามีข้อมูลอะไรที่มาสนับสนุนว่าสุดท้ายแล้วของพรรค์นี้จะขายได้ และจะสร้างรายได้ให้อย่างงาม ก็เข้าใจได้นะว่าที่แกยอมมาฟังรายละเอียดงานนี้ก็เพราะว่ากำลังร้อนเงิน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสินค้าที่ดูจะขายยากขายเย็นเพราะว่าที่คนซื้ออาจไม่เปิดใจ ในที่สุดแกก็รับของมาเพื่อมาลองขายดู และกล่อมให้นางเอกรับมาด้วยจนได้

ภาพจาก FB: JTBC Drama

ค้าขายมันก็เป็นแค่อาชีพ แบบเดียวกันกับอาชีพอื่น ๆ ที่คนอื่นเขาทำกัน ในเมื่อชีวิตของทุกคนต้องใช้เงินและทำงานเพื่อหาเงิน การขายชุดชั้นในวาบหวิวและของเล่นผู้ใหญ่มันผิดตรงไหนล่ะ โดยเฉพาะสิ่งที่พวกเธอรับมาขายมันไม่ได้ผิดกฎหมายด้วย ถึงมันจะโฉ่งฉ่างชวนอนาจารไปหน่อย แต่พวกเธอก็เคาะประตูขายตามบ้านแล้วเข้าไปขายเงียบ ๆ ในบ้านอยู่แล้ว ไม่ได้เอาของออกมาวางขายโชว์หราแบบขายข้าวกล่อง หรือขายผักขายปลาเสียหน่อย มันจึงเป็นอาชีพสุจริตที่พวกเธอทำได้ มันก็แค่เป็นเรื่องใหม่ที่คนในสังคมไม่คุ้นเคยกันเฉย ๆ แค่นั้นเอง พวกเธอจึงมีหน้าที่ขายต่อไปแบบด้านได้อายอด จุดเริ่มต้นอาจจะเหนียม ๆ แต่ประสบการณ์จะสอนให้พวกเธอเป็นมืออาชีพได้ในที่สุด

ภาพจาก FB: JTBC Drama

ถึงจะรับของมาขายทั้ง ๆ ที่ไม่มั่นใจว่าจะขายได้หรือเปล่า จะขายได้มากน้อยแค่ไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำได้ดีไหม แต่พวกเธอก็ถอยหลังไม่ได้แล้ว ไม่ว่ายังไงก็ต้องทำให้ดี ทำให้ได้ เพราะค่าเช่าบ้านรออยู่ เด็ก ๆ ที่บ้านหิวและรอกินอาหารอร่อย ๆ ฝีมือแม่อยู่ ไหนจะกระเป๋านักเรียนใหม่ของลูก ค่าเทอมลูก ค่านมลูก ทุกอย่างในบ้านมันต้องใช้เงิน พวกเธอจะมามัวเหนียมอายไม่ได้ และหลังจากที่ขายของล็อตแรกหมดจนได้เงินเดือนก้อนแรกมา พวกเธอก็รู้ว่าพวกเธอจะเลิกทำไม่ได้ด้วย ต่อให้คนทั้งเมืองจะรังเกียจ ปฏิเสธ และไม่มีใครอุดหนุน แต่การที่กิจการจะปิดตัวหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับเจ้าของอย่างพวกเธอเท่านั้น มันจึงยังไม่จบ ในเมื่อพวกเธอก็ต้องการเงินเพื่ออยู่รอด พวกเธอจะไม่เปลี่ยนใจ

ปกติคนส่วนใหญ่คิดว่าพวกผู้หญิงไม่สนใจชีวิตเซ็กซ์ แต่มันเป็นความคิดที่ผิดค่ะ ผู้หญิงอย่างเรา ก็สนใจที่จะมีชีวิตเซ็กซ์ที่เร่าร้อน และมีสิทธิ์จะเพลิดเพลินไปกับมันค่ะ

ภาพจาก FB: JTBC Drama

อ่า!!! ถ้ามองด้วยเลนส์ของปี 2024 ก็ใช่เลย ตามนี้เลย ถึงแม้ว่าผู้หญิงส่วนใหญ่จะไม่ได้ออกมาประกาศป่าว ๆ ว่าฉันก็สนใจชีวิตเซ็กซ์เร่าร้อน และต้องการจะเพลิดเพลินไปกับมัน แต่ก็เปิดใจและเห็นด้วยกับข้อความนี้นะ ซึ่งมันควรจะเป็นปกติพื้นฐานของการมีความสุขทางเพศอยู่แล้วไง ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วหรือยังไม่แต่งงานก็ตาม ตราบใดที่เธอป้องกัน ไม่ได้ผิดลูกผิดผัวใคร สังคมสมัยนี้เปิดรับเรื่องพวกนี้มากขึ้นแล้ว แต่ก็นะ ซีรีส์เรื่องนี้ใส่เลนส์ของปี 1992 หรือก็คือเมื่อ 32 ปีที่แล้ว เราก็ต้องมองเรื่องราวตามเลนส์ที่ซีรีส์ใส่มา ซึ่งมันเป็นข้อเท็จจริงในสมัยนั้น ที่การเปิดเผยเรื่องความสุขทางเพศ โดยเฉพาะผู้หญิง มันเป็นเรื่องใหม่มาก ๆ สังคมยังไม่ยอมรับที่จะสื่อสารกันได้ตรง ๆ

ภาพจาก FB: JTBC Drama

ถ้ามองเรื่องราวตามที่ซีรีส์เล่า ผู้หญิงในยุคนั้น (ทั้งเกาหลีและไทยน่าจะไม่ต่างกัน) ต่อให้ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วจะรู้สึกมีความต้องการทางเพศตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ถ้าสามีไม่เริ่ม จะถูกมองว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี ไม่รู้จักควบคุมตัณหาของตัวเอง ขนาดการขายชุดชั้นในเซ็กซี่และของเล่นผู้ใหญ่ยังเป็นปัญหาขนาดนี้ ผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานนี่ยิ่งไม่มีสิทธิ์ที่จะคิดเรื่องมีความสุขทางเพศเข้าไปใหญ่ คู่แต่งงานบางคู่ที่เผชิญกับความเบื่อหน่าย ไม่มีสิ่งเร้า ไม่มีอะไรมากระตุ้น มันก็เหี่ยวเฉาไปตามกาลเวลา แล้วสุดท้ายจะแต่งงานกันเพื่ออะไรถ้าไม่ได้มีความสุขกับเรื่องบนเตียงด้วยกันกับคู่แต่งงาน และในที่สุดมันกลายเป็นปัญหาครอบครัว เมื่อสามีภรรยาไม่ได้กระชับความสัมพันธ์กัน

ภาพจาก FB: JTBC Drama

เพราะฉะนั้นแล้ว ชุดชั้นในวาบหวิว มันก็เป็นเพียงแค่เครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยกระชับความสัมพันธ์ของคู่รักให้มันเป็นแบบที่ควรจะเป็นเท่านั้น เมื่อสามีเห็นภรรยาคนเดิมในแบบที่แตกต่างออกไป มีสิ่งแปลกใหม่มาคอยเร้าคอยกระตุ้น ก็พากันไปเสพสมอารมณ์หมายให้วิน-วินทั้ง 2 ฝ่าย มันก็แค่นั้น ต่างฝ่ายต่างมีความสุข หรือในกรณีที่มันเป็นปัญหาในอีกหลาย ๆ คู่ ที่สามีชอบทิ้งภรรยาไว้กลางทาง มันก็ไม่ยุติธรรมกับผู้หญิงไงที่สามีเธอมีความสุข แต่ตัวเธอไปไม่ถึง พวกของเล่นผู้ใหญ่ก็เป็นแค่เครื่องมืออีกเหมือนเดิม ที่จะช่วยให้เธอมีความสุขได้ หน้าที่จริง ๆ ของชุดชั้นในวาบหวิวและของเล่นผู้ใหญ่มันก็เท่านี้เลย ถ้าไม่พยายามไปแปะป้ายความลามกอนาจารอะไรให้มันน่ะ

ภาพจาก FB: JTBC Drama

ย้อนกลับไปในตอนต้น ๆ ที่พูดถึงการขายตรงแบบ door-to-door ที่เคาะประตูบ้านหรือกดกริ่งเรียกเพื่อจะขายของ สินค้าธรรมดา ๆ แบบที่เราคุ้นเคยอย่างเครื่องกรองน้ำ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม (ถ้าใครเคยเจอที่หน้าบ้านว่าไม่เด็กแล้วนะสู) จริง ๆ แล้วชุดชั้นในวาบหวิวหรือของเล่นผู้ใหญ่เนี่ย อาจจะเป็นสินค้าที่ธรรมด๊า ธรรมดากว่าก็ได้ เพราะมันตอบสนองความต้องการตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตได้โดยตรง เครื่องกรองน้ำ เครื่องสำอาง อาหารเสริม มันล้วนแล้วแต่เป็นของนอกกายที่ไม่ใช่ปัจจัย 4 ด้วยซ้ำ ไม่ต้องมีก็ได้ แต่การสืบพันธ์ุ มันเป็นธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ต้องมีเพื่อขยายเผ่าพันธุ์ ในฐานะมนุษย์ เรื่องของเซ็กซ์มันควบคุมได้ แต่ไม่ต้องไปพยายามฝืนจนผิดธรรมชาติ

ภาพจาก FB: JTBC Drama

ดังนั้น ถ้ามองตามข้อเท็จจริงก็คือ “เซ็กซ์” เนี่ย เป็นเรื่องปกติธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตชาวโลก สมัยเรียนม.ปลาย วิชาชีววิทยา เวลาครูสอนให้จำง่าย ๆ ไปใช้ในห้องสอบ เขาสอนว่าธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตคือ กิน-ขี้-ปี้-นอน เพราะงั้นก็ไม่จำเป็นจะต้องไปแปะป้ายว่าเป็นเรื่องน่าอาย เรื่องต่ำทราม หรือเรื่องลามกอะไรเลย อาจไม่จำเป็นต้องร้องแรกแหกกระเชอป่าว ๆ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นเรื่องที่พูดไม่ได้ ถ้าใครพูดคือหน้าไม่อาย หรือเป็นคนไม่ดี แบบนั้นมันก็มากเกินไป ให้เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นเฉพาะในซีรีส์ที่มีท้องเรื่องเป็นเหตุการณ์เมื่อ 30 กว่าปีก่อนก็พอ

ภาพจาก FB: JTBC Drama

แม้ว่า A Virtuous Business จะมีพล็อตหลัก ๆ เป็นแนวคอมเมดี้ย้อนยุค ที่เล่นตลกกับยุคสมัยและความหัวโบราณที่มองว่าการพูดเรื่องเพศอย่างโจ่งแจ้ง ไปจนถึงขั้นทำธุรกิจขายสินค้าที่เกี่ยวกับเพศเป็นสิ่งต้องห้าม ใครแหกขนบคือไร้ยางอาย แต่จริง ๆ แล้วยังสอดแทรกดราม่าครอบครัวหนัก ๆ ไว้ด้วย โดยเฉพาะปมครอบครัวของนางเอกที่ส่งต่อความซวยมาจากรุ่นแม่ ความร้าวฉานของสามีภรรยาที่เกิดจากการนอกใจ ผลกระทบถึงลูก ความฝังใจกับเสื้อผ้าแนวเซ็กซี่ คืออยากให้ลองไปดูจริง ๆ แล้วจะรู้ว่ามันครบรสกลมกล่อมมาก ไหนจะมีปริศนาของคดีที่พระเอกกำลังตามสืบอยู่อีก และความรักระหว่างแม่หม้ายลูกติดกับตำรวจที่เต็มไปด้วยลับลมคมใน จะเป็นอย่างไร อันนี้ก็น่าลุ้นดี ♂♀