
“จำเลยสังคม” คำนี้ดูเหมือนจะมีตัวอย่างให้เราได้เห็นกันบ่อยๆใน “สังคมคนช่างติ” ที่ส่วนใหญ่มักใช้ความรู้สึกของตัวเองในการด่วนตัดสินผู้อื่น จนส่งผลกระทบรุนแรงต่อผู้ที่ถูกสังคมตัดสินอยู่บ่อยครั้ง
กรณีล่าสุดเกิดขึ้นกับนักศึกษาหนุ่มไทยวัย 20 ปี ที่กลายเป็นข่าวพาดหัวเสียใหญ่โตว่าเป็นคนแรกที่ได้ครอบครองไอโฟน 8 ที่เปิดจำหน่ายในร้าน Apple Store ของสิงคโปร์

นักศึกษารายนี้ถูกโลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ชนิดที่เจ้าตัวไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรด้วย และแน่นอนว่าชาวเน็ตที่รุมด่าล้วนไม่ได้รู้จักกับหนุ่มคนดังกล่าวเป็นการส่วนตัว แต่กลับด่วนตัดสินในเชิงลบไปแล้วต่างๆ นานา
ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลที่ว่านักศึกษาคนนี้ยังเรียนหนังสืออยู่ เอาเงินมากมายที่ไหนมาซื้อสมาร์โฟนราคาเป็นหมื่นๆ บาท, ทำไมต้องอยากได้อยากมีถึงขนาดไปจับจองเครื่องเป็นคนแรกในสิงคโปร์ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่าไหม, ทำไมต้องใช้จ่ายเงินเกินตัวขนาดนี้ ไปตั้งใจเรียนหนังสือดีกว่าไหม และภาคภูมิใจแล้วหรือที่ได้เป็นคนแรกที่ได้เป็นเจ้าของไอโฟนรุ่นใหม่
ทั้งหมดนี้เป็นการวิพากษ์วิจารณ์อย่างสนุกปาก โดยไม่มีใครสนใจหรืออยากรู้ว่าที่มาที่ไปของข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร สุดท้ายเจ้าตัวต้องขอใช้พื้นที่ของเพจดังในเฟซบุ๊กอย่าง Drama-addict ในการเป็นสื่อกลางเพื่อไขข้อสงสัยต่างๆ ของชาวเน็ต
https://www.facebook.com/DramaAdd/posts/10155898890418291?pnref=story
แน่นอนว่าคนที่ได้อ่านคำชี้แจงนี้ถึงกับเงิบไปตามๆ กัน เพราะคำตอบที่แจกแจงเป็นข้อๆ นั้น นอกจากจะชัดเจนในทุกประเด็นแล้ว ยังแสดงให้เห็นวุฒิภาวะของหนุ่มคนนี้ด้วย เพราะไม่มีตัวอักษรใดที่แฝงไปด้วยอารมณ์โกรธหรือไม่พอใจกับคำติเตียนต่างๆ อีกทั้งยังขอโทษที่ทำให้เกิดข่าวดราม่าขึ้นด้วย โดยที่ตัวเขาเองก็เพิ่งทราบข่าวนี้มาจากเพื่อน

นอกจากนักศึกษารายนี้แล้ว กรณีข่าวเตียงหักของนางเอกสาว แอฟ ทักษอร กับสามี สงกรานต์ เตชะณรงค์ ที่มีข่าวเรื่องมือที่สาม ก็เป็นอีกตัวอย่างที่แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าการด่วนตัดสินผู้อื่นจากข้อมูลที่มีการชี้เป้าจากเพจดังในเฟซบุ๊ก ได้สร้างความเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียงแก่ผู้ที่ตกเป็นข่าวว่าเป็นต้นเหตุของรักร้าวในครั้งนี้
และแม้ว่าความจริงยังไม่ได้ปรากฏ แต่ผู้ประกาศข่าวสาว กวาง อรการ ที่ถูกพาดพิง ก็โดนสังคมกระหน่ำอย่างหนักไปเรียบร้อยแล้ว ถึงขั้นไประรานและรุมด่าในพื้นที่ส่วนตัว จนทำให้เธอต้องออกมาปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเอง
โดยมีทั้งการชี้แจงข้อเท็จจริง และแจ้งความในคดีอาญา เพื่อเอาผิดผู้ที่ให้ข้อมูลเท็จในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยผู้ประกาศข่าวสาว ระบุว่าต้องการให้กรณีของตัวเองเป็นเคสตัวอย่าง เพราะข้อมูลที่เป็นเท็จเหล่านี้สามารถทำลายชีวิตของคนคนหนึ่งได้

เหมือนที่เราเคยได้เห็นกันมาแล้ว กับกรณีของหนุ่มรองเท้าขาดเป็นรูที่ถูกสังคมตัดสินไปก่อนว่าเป็น “คนโรคจิต” แอบติดกล้องไว้ในรองเท้าเพื่อส่องใต้กระโปรงผู้หญิงบนรถไฟฟ้าบีทีเอส จนทำให้หนุ่มรายนั้นเกือบหมดอนาคต เพราะมีภาพของเขาที่เห็นใบหน้าชัดเจนว่อนอยู่ในโลกออนไลน์ด้วย ซึ่งกว่าสังคมจะได้ทราบความจริง หนุ่มคนดังกล่าวก็ตกเป็นจำเลยสังคมไปเรียบร้อยแล้ว
ทั้งสามกรณีนี้แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่า ในยุคที่โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลอย่างมากในปัจจุบัน ทำให้ข้อมูลข่าวสารถูกแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว และใครๆ ก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเป็นอิสระ
แต่หลายคนขาดวิจารณญาณ (ปัญญาที่สามารถรู้หรือให้เหตุผลที่ถูกต้องได้) เพราะคิดแต่จะวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นตามความคิด อารมณ์ และความรู้สึกเพื่อความสะใจของตัวเอง โดยไม่สนใจว่าข้อเท็จจริงหรือข้อมูลที่ถูกต้องเป็นอย่างไร จนทำให้สังคมของคนช่างติทุกวันนี้มีแต่ดราม่าให้เสพไม่เว้นแต่ละวัน!





























