“เวลาคุณเห็นคนที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน นามสกุลยาวแปลก ๆ และชอบโพสต์อวดรวยมีเงินล้านเป็นมัด ๆในตู้เซฟ หรือมีภาพถ่ายคู่กับรถซูเปอร์คาร์ โชว์ชีวิตหรูหราไปเที่ยวต่างประเทศ ขอให้คุณสงสัยไว้ก่อนเลยว่าคนเหล่านั้นอาจเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ไม่ปกติ” นายตำรวจท่านหนึ่งเคยกล่าวเอาไว้เช่นนี้ผ่านรายการข่าว ช่วงที่มีคดีวัยรุ่นสร้างตัวเปิดโต๊ะพนันออนไลน์ถูกไล่จับหลายสิบโต๊ะ
จะว่าไปเป็นคำกล่าวเตือนที่สมเหตุสมผลและควรค่าแก่การส่งต่อให้คนในสังคมไว้เตือนตัวเองกันค่ะ เพราะเอาเข้าจริงการทำธุรกรรมเงินสดในวงเงินสองล้านบาทหรือมากกว่านั้น ไม่ว่าจะเบิกหรือถอน ผู้ที่ทำธุรกรรมทางการเงินต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน หรือหลักฐานประจำตัวอื่นที่ทางราชการออกให้
โดยที่ทางธนาคารจะต้องแจ้งการทำธุรกรรมในวงเงินดังกล่าวไปยัง ปปง. (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) ดังนั้น คนที่เก็บเงินสดไว้ในตู้เซฟเป็นจำนวนมาก แล้วชอบเอาออกมาโชว์ผ่านโซเชียลมีเดียนั้น แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติไม่น้อย
ขณะเดียวกันการเสพข้อมูลข่าวสารจากโซเชียลมีเดีย ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักสำหรับคนทั่วไป ถ้าอ้างอิงจากการรายงานของ McCombs School of Business มหาวิทยาลัยเท็กซัส ออสติน พบว่าข้อมูลข่าวสารบนโซเชียลมีเดียนั้น ไม่ได้มีความน่าเชื่อถือมากกว่าสื่อดั้งเดิมอย่าง ทีวี วิทยุ หรือเว็บไซต์ข่าว
สาเหตุที่ข่าวในโลกโซเชียลไม่น่าเชื่อถือ ที่เป็นเช่นนั้น เพราะผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียไม่ได้เป็นผู้เลือกแหล่งที่มาข่าวสาร แต่กลับเป็นเจ้าอัลกอริธึม ที่นำเสนอข้อมูลหรือฟีดข่าวบนหน้าฟีดคุณ โดยวัดเอาจากความสนใจในช่วงเวลาที่ผ่านมาของผู้ใช้งาน ซึ่งบทความที่ปรากฏในโซเชียลมีเดียนั้น มาจากแหล่งที่มาหลากหลาย และอาจรวมถึงบทความที่ได้รับการสนับสนุน ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นโฆษณาที่จ่ายเงินให้ลง
เมื่ออัลกอริธึมเป็นผู้เลือกเนื้อหาให้กับผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม นั่นหมายความว่าข้อมูลข่าวสาร สามารถถูกแชร์ไปยังเพื่อนและครอบครัวได้อย่างง่ายดาย ซึ่งในช่วงหลังจะเห็นว่าข่าวปลอมจะแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น การศึกษาของ McCombs ยังพบด้วยว่า 23% ของผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ แจ้งว่าพวกเขาได้แชร์ข่าวปลอมโดยไม่ตั้งใจ นอกจากนี้ มากกว่า 60% ของผู้ใช้ กล่าวว่าข่าวปลอมทำให้พวกเขาสับสนว่าควรเชื่ออะไรดี!
ทั้งนี้อาจารย์จาก McCombs School of Business ของมหาวิทยาลัยเท็กซัส ยังระบุในรายงานด้วยว่า “ทุกวันนี้ที่ผู้คนถูกหลอกมากขึ้น ถูกทำให้เข้าใจผิดบ่อยขึ้น รวมไปถึงการสร้างความน่าเชื่อถือปลอมผ่านโซเชียล ทำได้ง่ายขึ้น เหตุผลหลักนั้นมาจากโซเชียลมีเดีย ที่ทำให้คนหนึ่งคนสามารถเชื่อมโยงกับเพื่อนอีกนับร้อยคน ทำให้การแชร์ข้อมูลเป็นเรื่องง่าย และ ทำให้ทุกคนเสี่ยงต่อข่าวปลอมจากโฆษณา และผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่สร้างข่าวเพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน”
ยุคนี้จะทำอะไรผ่านโซเชียลมีเดีย ต้องระมัดระวังให้มากค่ะ มิเช่นนั้นคุณอาจเชิญมิจฉาชีพเข้ามาในชีวิตโดยไม่รู้ตัว เมื่อก่อนเราอาจใช้คำว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ แต่ยุคนี้ รู้จักแอ็กเคานต์ก็ใช่ว่าจะตรงปก การเลือกคนให้เข้ามาในชีวิตยุคนี้ ต้องกรองแล้วกรองอีกค่ะ
แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า