ในที่สุด วงการมอเตอร์สปอร์ตไทยก็มีนักแข่งไทยลงแข่งในรายการความเร็วทางเรียบอันดับหนึ่งของโลกทั้ง 2 ล้อ และ 4 ล้อ อยู่ในปีปฏิทินเดียวกัน เมื่อ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดโมโตทู สังกัดอิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ได้รับการยืนยันให้ขยับขึ้นไปแข่ง “โมโตจีพี” ในฤดูกาลหน้า ขณะที่ฝั่งเอฟวัน เรามี อเล็กซ์ อัลบอน ไปกรุยทางเรียบร้อย
หากไม่นับนักขับไทยยุคพระองค์เจ้าพีระฯ สมัยเด็กผมมองว่าการที่นักบิดและนักขับจากประเทศไทยจะขึ้นไปแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับท็อปของโลกอย่างเอฟวัน หรือจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรุ่นพรีเมียร์คลาส ไม่ต่างอะไรกับการลุ้นทีมชาติไทยไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย! แต่วันนี้มันเกิดขึ้นจริงแล้วกับวงการความเร็ว ส่วนบอลโลกยังรอต่อไป (วกมาบอลได้ไงเนี่ย ฮ่า ๆ)
ก่อนหน้านี้ ผมเองเคยทำหน้าที่พิธีกรให้กับค่ายปีกนก สมัยใช้ชื่อ เอ.พี. ฮอนด้า ในการเปิดตัวทีมแข่งมาบ้าง 1-2 ครั้ง และจะคุ้นกับโครงการ “เรซ ทู เดอะ ดรีม” และ “โรด ทู โมโตจีพี” ที่มีเป้าหมายชัดเจนมาตั้งแต่หลายปีที่แล้วว่า จะต้องผลักดันนักบิดไทยไปสู่โมโตจีพีให้ได้ภายในปี 2025 ซึ่งต้องชื่นชมเลยว่าพวกเขาทำได้ตามเป้าเป๊ะ!
ย้อนไป 2-3 ปีที่แล้ว ผมเคยถามโค้ชฟิล์ม รัฐภาคย์ ว่าที่บอกว่าจะไปโมโตจีพีภายในปี 2025 นั่นหมายถึงการล็อกเป้าไปที่ “ก้อง-สมเกียรติ” คนเดียวเลยหรือไม่ ซึ่งตอนนั้นโค้ชฟิล์ม ก็แบ่งรับแบ่งสู้ เพราะก็เริ่มมีดาวรุ่งของค่ายเติบโตขึ้นมาแบบรุ่นสู่รุ่นเช่นกัน โดยเฉพาะ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ที่ตอนนั้นเริ่มแจ้งเกิดจากการแข่งขันเรดบูลล์ รุกกี้ คัพ ฝั่งยุโรป
วันนี้ทุกอย่างคอนเฟิร์มว่า “สมเกียรติ” จะขยับจากโมโตทูไปสู่โมโตจีพีในปีหน้าร่วมกับทีมอิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ถือเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยที่คนไทยร่วมยินดีกันทั้งประเทศ ที่นอกจากผลงานอันยอดเยี่ยมของนักบิดไทยในสนามโมโตทูแล้ว มันคือแนวทางการทำงานร่วมกันทั้งระบบตั้งแต่เมืองไทยไปถึง HRC ที่ญี่ปุ่น
ในฐานะที่ “ก้อง” เติบโตมาตามเส้นทางของทีมแข่งฮอนด้า แน่นอนว่า LCR Honda Idemitsu คือทีมแข่งสังกัดฮอนด้าในโมโตจีพีที่คาดกันว่าจะเป็นจุดหมายปลายทางของนักบิดเอเชีย ก่อนหน้านี้เรายังกังวลกันว่าหากหมดรอบของทากาอากิ นาคากามิ แล้ว ใครจะได้ขยับขึ้นมา ระหว่างไอ โอกุระ อดีตทีมเมทชาวญี่ปุ่น กับสมเกียรติ ของไทยเรา
แต่เมื่อความชัดเจนมากขึ้น ไอ ที่ปีนี้กำลังลุ้นแชมป์โลกโมโตทู ได้คอนเฟิร์มขยับไปโมโตจีพีกับทีม Trackhouse Racing ปีหน้า นั่นก็ทำให้ที่นั่งของนาคากามิ ถูกแทนที่ด้วยนักบิดวัย 25 ปีจากประเทศไทย และยิ่งน่าตื่นเต้นไปกว่านั้น โมโตจีพี 2025 จะมีมาทดสอบวินเตอร์เทสต์ที่เมืองไทย และเปิดฤดูกาลกันที่บุรีรัมย์ ซึ่งจะทำให้ก้องได้ประเดิมโมโตจีพีในสนามโฮมเรซด้วย
ฉะนั้น นี่ถือเป็นความสำเร็จของโครงการเอเชีย ทาเลนต์ คัพ ด้วยเช่นกัน ที่มี 2 นักบิด (ทั้งไอและก้อง) เข้าสู่โมโตจีพีได้เป็นครั้งแรก โครงการนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2014 โดยเชลล์ เป็นสปอนเซอร์ในยุคแรก ก่อนที่ตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา อิเดมิตสึจะเข้ามาเป็นสปอนเซอร์หลัก และต่อเนื่องไปจนถึงทีมแข่งทั้ง 3 รุ่น ในเวิลด์จีพี ตั้งแต่โมโตทรี โมโตทู และโมโตจีพี
ผมยังจำได้แม่นกับคำพูดที่คุณอารักษ์ พรประภา ประธานใหญ่ไทยฮอนด้า เคยเล่าให้ฟัง สมัยก้องขี่ในเอเชีย ทาเลนต์ คัพ และมีอาการเจ็บที่ขา แล้วไปบอกบอสใหญ่อย่างอัลแบร์โต ปูอิก ที่ดูแลการแข่งขันรายการนี้ว่าอาจลงแข่งไม่ได้ คำตอบที่ก้องได้จากปูอิกคือ “คุณใช้สมองกับหัวใจขี่ ไม่ได้ใช้ขาขี่ ทำไมจะลงแข่งไม่ได้!”
ฉะนั้น เส้นทางต่อจากนี้ ทั้งสมรรถนะของรถแข่ง ความหินของนักบิดระดับท็อป ไม่อยากให้มองว่ามันคืออุปสรรค แต่มันคือความท้าทายที่จะต้องลุยไปให้ได้ ขอร่วมยินดีกับ SC35 ด้วยอีกครั้งครับ