
ในช่วงใกล้ ๆ ช่วงกลางปีแบบนี้ เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่คอซีรีส์จะตื่นเต้นกับซีรีส์ลอตใหม่เป็นพิเศษ ก็คือคอยดูว่าซีรีส์ที่ตัวเองรออยู่จะปล่อยฉายเมื่อไร หลายเรื่องทีเดียวที่มักจะโปรโมตเป็นช่วงเวลากว้าง ๆ ไว้ว่าประมาณต้นปี กลางปี หรือปลายปี คนรอก็จะมาลุ้นกันว่ามีเรื่องที่ตัวเองรออยู่ไหม ถ้ายังไม่มี มีเรื่องไหนที่น่าดู เรื่องไหนสนุกบ้าง มันก็เป็นวิถีชีวิตแบบหนึ่งของคนติดละคร ติดซีรีส์ โดยเฉพาะซีรีส์เกาหลี
สัปดาห์นี้ มีซีรีส์เรื่องใหม่มาป้ายยา บอกเลยว่ายกให้เป็นซีรีส์ม้ามืดอีกเรื่องของปีนี้เลย ดูเงียบ ๆ เรียบ ๆ ไม่ค่อยโปรโมตคึกโครม (จริง ๆ ก็เป็นปกติของซีรีส์ช่องเล็ก ๆ) แต่สนุกใช้ได้ ที่สำคัญตอบโจทย์ความชอบส่วนตัว ที่เคยบอกให้ฟังไปหลายครั้งแล้วว่าชอบซีรีส์เกาหลีตรงที่เขาทำได้ทำถึงเวลาที่พยายามจะเจาะลึกถึงอาชีพที่หลากหลายในสังคม บางทีก็พูดถึงอาชีพที่ไม่น่าจะเป็นอาชีพของตัวละครหลักได้ บางทีก็เล่าอาชีพทั่วไปนี่แหละ แต่เจาะเข้าไปเป็นแผนก เป็นทีมของการทำงานนั้น ๆ ไปเลย มันเลยมีความน่าสนใจมาก อย่างซีรีส์ในวันนี้ก็เล่าถึงอาชีพตำรวจ แต่เป็นตำรวจเฉพาะทางอย่างจราจร ใส่ความว้าวเข้าไปว่าเป็น “สายสืบอาชญากรรมจราจร”

Crash ชื่อแปลตรงตัวคือ ชน แบบรถชนอะไรงี้ แต่ชื่อไทยของซีรีส์เรื่องนี้เท่กว่านั้นอีก หน่วยจราจรปราบทรชน ความหมายชัดเจนว่าตำรวจหน่วยจราจรที่คอยปราบปรามพวกทรชนหรือคนชั่วบนท้องถนนนั่นเอง เราจึงจะได้ดูงานสืบสวนคดีเฉพาะทาง ซึ่งก็คือคดีหรืออาชญากรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถและถนน หรือพูดง่าย ๆ ก็คือการใช้รถหรือยานพาหนะบนท้องถนนในการก่ออาชญากรรมนั่นเอง
คดีที่มีการใช้รถเป็นอาวุธและเกิดขึ้นบนท้องถนน จะอยู่ในความดูแลของหน่วยสืบสวนอาชญากรรมทางจราจร (Traffic Crime Investigation: TCI) โดยชื่อทีมนี้ เจ้าหน้าที่ในทีมยังพูดชื่อหน่วยงานตัวเองไม่พร้อมกันเลยด้วยซ้ำ! ซึ่งทีมนี้คือตำรวจหน่วยงานจราจรที่ไม่ใช่แค่ไปตั้งด่านตรวจวัดแอลกฮอล์หรือตรวจจับความเร็ว (แต่ก็ต้องลงไปทำบ้างถ้าถูกสั่งหรือโดนลงโทษ) ไม่ได้ไปโบกรถกลางสี่แยก ไม่ได้ไล่กวดคนทำผิดกฎจราจร แต่หน้าที่หลัก ๆ ของทีมนี้คือเป็นสายสืบสืบคดีที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ ไม่ว่าจะผิดกฎหมายข้อไหนก็ตาม แต่ละอีพีทีม TCI ก็จะไขปมปริศนาของคดีต่าง ๆ เป็นเคส ๆ ไป ก็ดูเพลินดี สนุก ประเทืองปัญญาด้วยข้อกฎหมายท้ายอีพี

แต่ด้วยความที่เป็นหน่วยงานลูกเมียน้อย คนในทีมก็เป็นตำรวจปลายแถวของกรมที่ไม่ค่อยมีใครชอบหน้า ลักษณะการทำงานคนอื่นก็มองว่าไม่ได้สลักสำคัญอะไร มองว่าคดีพวกนี้เป็นคดีกระจอก ๆ ทำให้โอกาสเติบโตเลื่อนขั้นน้อย โดนหักเงินเดือนก็บ่อย แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคที่จะลดทอนพลังความทุ่มเทของทีมนี้เลย ทุกคนทำงานกันอย่างขยันขันแข็งด้วยบุคลากรคุณภาพสูง ทั้งที่ในทีมมีคนแค่ 4+1 คน (ลองไปดูแล้วจะรู้ว่าทำไมถึงใช้ 4+1) ที่ชวนขำคือออฟฟิศที่เหมือนเป็นกระท่อมปลายนาที่แยกตัวออกมาจากตึกใหญ่ ถ้าแก๊งนี้ว่าง ๆ เราจะเห็นเขานั่งปลูกผักรดน้ำต้นไม้กัน ความโกโรโกโสถึงขนาดที่ผู้ต้องหายังนั่งบ่นเลยว่าน่าจะเอาเงินภาษีไปทำออฟฟิศให้มันดีกว่านี้ 55555
เมื่อรถคันหนึ่งพลิกคว่ำ รถคันที่ตามมาย่อมจะระวังแน่นอน ถ้าเขาไม่ใช่คนโง่ที่ไม่เรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง เขาก็เป็นมิจฉาชีพโดยสันดาน
ถือว่าเลือกคดีแรกมาใช้เปิดเรื่องได้น่าสนใจมาก แถมยังอ้างอิงมาจากคดีที่เคยเกิดขึ้นจริงด้วย ถ้าอยากรู้ว่าสนุกขนาดไหน แนะนำว่าให้ลองไปเปิดดูเอง แต่คือไม่แน่ใจในรายละเอียดของคดีที่เกิดขึ้นจริง ว่าคนร้ายในคดีนั้นมีการวางแผนให้สลับซับซ้อนผูกปมหักมุมสุดเซอร์ไพรส์เท่าที่เราได้ดูกันในซีรีส์หรือเปล่า ยังไม่ได้หาข้อมูลตรงนี้ ถ้ารายละเอียดที่ซับซ้อนของคดีและจุดหักมุมชวนว้าวนี่มีแค่ในซีรีส์ ก็ต้องให้เครดิตคนเขียนบทเขาล่ะว่าสร้างสรรค์คดีแรกออกมาได้ดีและสนุกมาก เป็นหมัดฮุกคนดูไว้ได้อยู่หมัดเลย

คร่าว ๆ ก็คือ มีชายหนุ่มท่าทางซื่อ ๆ ดูน่าสงสารคนหนึ่งเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุรถชนหญิงชรามากถึง 4 ครั้งในช่วงระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี โดย 3 ใน 4 เสียชีวิต ส่วนอีกคนบาดเจ็บสาหัสและกลายเป็นคนพิการ ปัญหาก็คือด้วยท่าทางซื่อ ๆ ของเขา แถมยังเป็นคนหาเช้ากินค่ำ ไม่มีหน้าที่การงานมั่นคงใด ๆ ดังนั้น ทั้งตำรวจ ศาล และญาติของเหยื่อก็เลยเห็นตรงกันว่าเขาเป็นคนโชคร้ายที่น่าสงสาร คดีเลยจบที่ศาลตัดสินว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ถูกคุมความประพฤติและต้องจ่ายค่ายอมความให้กับญาติของเหยื่อ โดยต่อรองเท่าที่จะจ่ายไหว สปอยล์รายละเอียดของคดีแรกไว้เท่านี้ละกัน ถ้าอยากรู้ก็ไปตามดูต่อเอง บอกเลยว่าหักมุมสุด แล้วการสืบสวนของทีมนางเอกก็ค่อย ๆ ไต่ระดับความน่าตื่นเต้นด้วย

คือเรื่องมันก็อาจจะจบลงง่าย ๆ แบบนั้นแหละ ถ้าพระเอกของเราซึ่งเป็นนักสืบบริษัทประกันภัยไม่เกิดเอะใจขึ้นมา เขาสังเกตเห็นความผิดปกติหลายอย่าง นำไปสู่การตั้งข้อสงสัยแล้วตามสืบอยู่เงียบ ๆ จนแน่ใจว่าคดีที่ชายผู้นั้นก่อเป็นเจตนาไม่ใช่อุบัติเหตุ แล้วเป้าหมายของเขาก็คือ เพื่อเรียกรับค่าสินไหมประกันภัยคนขับรถที่เขาทำไว้ แต่พระเอกก็ทำอะไรได้ไม่มากเพราะไม่มีอำนาจอะไรที่จะทำ เขาจึงต้องเข้ามาขอความช่วยเหลือจากทีม TCI ของนางเอก เพื่อให้คดีนี้เปลี่ยนจากอุบัติเหตุเป็นคดีฆาตกรรมผู้สูงอายุต่อเนื่องแทนแล้วจับคนผิดเข้าคุกให้ได้ แต่ยิ่งสืบทีมนี้ก็ยิ่งเจอพิรุธที่ไม่ชอบมาพากล
จุดพิรุธที่ส่อถึงความไม่ชอบมากลก็เป็นตามหัวข้อนี้แหละ คนปกติธรรมดาน่ะ หากเคยเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงถึงขั้นทำคนตายเข้าครั้งหนึ่ง มันจะกลายเป็นฝันร้ายไปเลย มันจะเกิดความกลัวทุกครั้งที่ต้องใช้รถ ถ้าไม่เป็น PTSD ขนาดที่ว่าไม่กล้ากลับไปขับรถอีกเลย ก็จะพยายามขับขี่อย่างระมัดระวังมากขึ้น ความปลอดภัยต้องมาก่อน มันจะไม่เกิดเรื่องเดิม ๆ ทำความผิดซ้ำ ๆ ถึง 4 ครั้งแบบนี้แน่นอน และถ้าไม่ใช่คนโง่ที่ไม่เคยเรียนรู้ข้อผิดพลาดของตัวเอง ก็ต้องเป็นมิจฉาชีพโดยสันดานของแทร่

นั่นแหละ ดูแล้วชอบนะ ตัวละครหลักทุกตัวไม่งี่เง่าเอาตัวเองเป็นใหญ่ ใครพูดอะไรทักอะไรก็ยังฟังแล้วเก็บเอาไปคิด ดูใช้ความคิดในการหาทางออกอยู่ตลอดเวลา แล้วก็ฉลาดกันมากด้วยที่พยายามตั้งข้อสังเกตจากสิ่งที่มันดูไม่สมเหตุสมผล ค่อย ๆ จับต้นชนปลายจนหาทางออกได้ในที่สุด แถมยังต้องมาต่อสู้กับความเจ้าเล่ห์ของพวกวายร้ายอีก คนพวกนี้ไม่ได้ต้อนให้จนมุมได้ง่าย ๆ หรอก หลักฐานยังเอาผิดมันไม่ได้เลย ต้องจับได้คาหนังคาเขาเท่านั้น!
หายไว ๆ นะคะ คุณควรกินข้าวในคุก ไม่ใช่ในโรงพยาบาล

ป๊าด! แซ่บป่ะล่ะปากนางเอก จริง ๆ ยังมีคำพูดแซ่บ ๆ ของนางอีกหลายซีนเลยนะ บางทีจบเรื่องอาจต้องมอบมงเจ้าแม่จอมช็อตฟีลให้นางเลยก็ได้ แต่ก็นั่นแหละนางพูดได้กระแทกใจดีจริง ๆ เมื่อเทียบกับความผิดที่คนเหล่านั้นก่อขึ้นมา การเปิดปากยอมรับด้วยความจนมุมกับตำรวจว่าตัวเองเป็นคนทำเรื่องเลว ๆ นั้นเอง แสดงให้เห็นเลยว่าคนพวกนี้ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลยสักนิด เหมือนจะไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องเลวร้ายที่ตัวเองก่อขึ้นมามันผิด และมันทำลายชีวิตคนบริสุทธิ์ไปตั้งเท่าไร ขอแค่ตัวเองได้ในสิ่งที่ต้องการก็พอ
คนร้ายในตอนนี้กำลังจนมุมเพราะโดนพระเอกบุกมาต้อนถึงบ้าน แทนที่เขาจะหวาดกลัวเรื่องที่มีคนรู้ในสิ่งที่เขาทำ แล้วเริ่มปล่อยวางเพื่อยอมมอบตัว เขากลับพยายามจะทำร้ายพระเอก ปิดปากพระเอกไปซะ แต่ในท้ายที่สุด กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนองแบบทันตาเห็นเดี๋ยวนั้นเลย เดือดร้อนตำรวจพาส่งโรงพยาบาลอีก และขนาดปางตายขนาดนั้นก็ยังไม่ยอมแพ้ ยังหน้าด้านบอกว่าตัวเองเป็นคนบริสุทธิ์อยู่เลย ก็ไม่รู้ว่าหมอนี่ตีความคำว่าบริสุทธิ์ว่ายังไง แถมยังปากดีโกหกตำรวจคำโตอีกต่างหาก จนเขาต้องงัดหลักฐานออกมามัดตัว แล้วพอเจอนางเอกอวยพรเข้าหน่อยว่าให้หายเร็ว ๆ จะได้ไปกินข้าวในคุก ถึงเพิ่งได้ดวงตาเห็นธรรม ความจริงมันตอกหน้าจนพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว

บางทีก็เคยคิดเล่น ๆ นะว่าทุกวันนี้บ้านเมืองเรามันมีอาชญากรมากเกินไปหรือเปล่า เหมือนว่าเราสามารถเดินสวนทางกับพวกวายร้ายที่ไหนก็ได้ แล้ววันดีคืนดีก็เห็นข่าวว่าคนคนนี้เป็นอาชญากร ความผิดทางอาญาก็มีตั้งแต่ลักเล็กขโมยน้อยทั่วไป ไปจนถึงฆาตกรรม ถ้าเป็นคดีเล็ก ๆ แถมคนร้ายเป็นอาชญากรหน้าใหม่ เวลามีข่าวออกถึงแรงจูงใจ บางทีก็พยายามจะเข้าใจถึงเหตุผลว่าทำไมถึงตัดสินใจทำอะไรสิ้นคิดแบบนี้ แต่ก็อึดอัดอยู่ดีว่าพออ้างว่าตัวเองจนตรอก ก็เลยเดบิวต์เป็นโจรกันง่าย ๆ แบบนี้เลยงั้นสิ ส่วนอีกพวกถ้าไม่ใช่พวกเสพติดการก่ออาชญากรรม ก็เป็นพวกละโมบโลภมากไม่รู้จักพอ บ้าอำนาจ จนอยากครอบครองให้ได้ทุกอย่างที่มีประโยชน์ต่อตัวเองแต่สักวันจะแพ้ภัยตัวเอง

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ไม่รู้มีใครรู้สึกเหมือนกันไหม ว่าทุกวันนี้กรรมมันค่อนข้างทำงานช้าอยู่พอสมควรไม่ค่อยทันใจ ไม่รู้จะมีบุญเก่าอะไรขนาดนั้น เข้าใจอยู่นะว่ามันก็คงมีขั้นตอน มีคิวอะไรก็ว่าไป บวกกับการที่คนสมัยนี้ก็ไม่ค่อยจะกลัวบาปกลัวกรรมเท่าไร บาปกรรมอาจเป็นเรื่องความเชื่อ แต่คนพวกนี้ก็ไม่กลัวกฎหมายเหมือนกัน คุกไม่ได้น่ากลัวอีกต่อไป มีข้าวฟรีกิน มีที่ซุกหัวนอน มีฝึกอาชีพอีกต่างหาก พวกเลยไม่กลัวการกระทำผิดใด ๆ ทั้งสิ้น การกระทำความผิดได้อย่างหน้าตาเฉยเป็นเรื่องปกติมาก ๆ เตือนไม่ได้บอกไม่ได้ด้วยนะ กลายเป็นไปหาเรื่องมันอีก เวลาที่เห็นอะไรแบบนี้จนชินตา บางทีมันก็หดหู่ใจนะ ว่าเราจะอยู่กันไปแบบนี้ แล้วสืบทอดสังคมแบบนี้เพื่อลูกหลานเราจริง ๆ เหรอ
การมีเงินและอำนาจทำให้คนร้ายมีความมั่นใจ ในขณะที่เหยื่อที่ไม่มีเงินหรืออำนาจต้องเป็นคนบาป การเป็นตำรวจนี่มันห่วยแตกจริง ๆ

นี่คือทัศนคติในการมองโลกแห่งความเป็นจริงของตำรวจน้ำดี เชื่อว่าตำรวจน้ำดีทุกคนที่พยายามจะช่วยเหลือเหยื่อให้ได้รับความยุติธรรม จุดเริ่มต้นของพวกเขาตั้งต้นมาจากทัศนคติแบบนี้กันทั้งนั้น ซึ่งก็ต้องขอบคุณที่พวกเขาไม่ยอมแพ้ ไม่ย่อท้อ แม้ว่ามันจะจัดการกับพวกมีเงินและมีอำนาจได้ยากขนาดไหนก็ตาม หลายครั้งที่พวกเขาจำต้องปล่อยให้คนพวกนี้หลุดมือไป พวกเขาก็คงคิดเหมือนกันแหละว่าการเป็นตำรวจมันห่วยแตกเพราะทำอะไรให้มันดีขึ้นไม่ได้ แต่เชื่อเถอะว่าสักวันพวกเขาจะได้รับชัยชนะไม่ว่ามันจะมาในรูปแบบใดก็ตาม ผลตอบแทนความมั่นคงในการเป็นตำรวจที่ดี
คำพูดนี้ของตัวละคร ทำให้ในหัวมีภาพแว่บไปถึงคดี Burning Sun ในทันที จริง ๆ คือเพิ่งจะได้ดูสารคดีของ BBC ด้วยแหละ ภาพมันเลยยังติดอยู่ในหัว บวกกับการไปเปิดซีรีส์เรื่อง Taxi Driver 2 ดูอีกครั้ง ช่วงอีพีที่นำเอาคดี Burning Sun ไปดัดแปลงทำ คดีนี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกช็อกกับด้านมืดของวงการ K-POP อีกต่อไปแล้ว (มันเลยจุดนั้นไปไกลมากละ) แต่สิ่งที่ติดอยู่ในใจก็คือ มันหดหู่ใจมากกว่าเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่เข้าข้างคนมีอำนาจกับมีเงิน มันมีอยู่ในทุกสังคม มันจะเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้บนโลก และทำให้คนดีรู้สึกสิ้นหวังได้ไปตาม ๆ กัน

เล่าคร่าว ๆ ถึงคดี Burning Sun (อยากรู้เรื่องทั้งหมด แนะนำสารคดีของ BBC ตอนนี้มีซับไทยเวอร์ชัน 15 นาที ส่วนตัวเต็มเวอร์ชัน 1 ชั่วโมง เห็นว่าซับไทยจะมาสัปดาห์หน้า) ตอนที่ยังไม่ถูกกระพือให้เป็นเรื่องใหญ่ มีคนดีหลายคนที่โดนพิษของอำนาจและเงินเล่นงาน ชายคนหนึ่งถูกการ์ดของผับรุมทำร้ายร่างกายและถูกตำรวจจับไปดำเนินคดี ฐานขัดขวางการทำธุรกิจและตอนหลังถูกใส่ร้ายว่าเขานั่นแหละเป็นคนลวนลามผู้หญิง ทั้งที่เขาพยายามจะช่วยเหลือผู้หญิงที่โดนล่วงละเมิดทางเพศในผับต่างหาก
หญิงสาวคนหนึ่ง จับได้ว่าแฟนของตัวเองที่เป็นนักร้องดังในขณะนั้น ตั้งกล้องแอบถ่ายขณะที่มีเพศสัมพันธ์กัน เธอกลัวว่าเขาจะปล่อยคลิปให้เธอเสียหายเลยไปชิงแจ้งความไว้ก่อน แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม เธอถูกทนายของอีกฝ่ายและทางตำรวจข่มขู่ว่าถ้าไม่มีหลักฐานมากพอ เธอเองนั่นแหละที่จะโดนดำเนินคดี เรื่องจบลงง่าย ๆ ที่ว่าฝ่ายชายยอมรับว่าตั้งกล้องแอบถ่ายจริง แต่ก็ทำไปเพื่อขำ ๆ ระหว่างคนสองคน ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ พูดง่าย ๆ ก็คือพยายามเบี่ยงให้คนเข้าใจว่าฝ่ายหญิงเล่นใหญ่ไปเอง รับบทเหยื่อเพื่อจะดิสเครดิตฝ่ายชายให้เสียชื่อเสียงมากกว่า
แถมที่นักข่าวอีกละกัน นักข่าวหญิง 2 คนของสำนักข่าวดังของเกาหลี ถูกแฟนคลับไร้สติของนักร้องที่ก่อคดีทางเพศตามรุมสาปอยู่นาน 3 ปี ก่อนที่เรื่องชั่วร้ายมากมายที่นักร้องกลุ่มนี้ทำจะถูกสาวไส้ออกมาจนสะเทือนไปทั้งประเทศ ทั้งข่มขู่ ส่งข้อความคุกคามไล่ให้ไปตาย หาว่าพยายามใส่ร้ายนักร้องคนดัง เป็นนักข่าวหิวแสงนั่งเทียนทำข่าวปลอม ใช้คำเรียกแทนพวกเธอด้วยคำหยาบคาย จนนักข่าวคนหนึ่งที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ในขณะที่ตามสืบคดีนี้เครียดมากจนต้องแท้งลูก เพราะพวกเธอพยายามจะเปิดโปงเรื่องนี้ในตอนแรก ๆ ตอนที่ภาพลักษณ์ดี ๆ ของคนพวกนั้นยังไม่มลายไป

นี่แหละ กว่าคนชั่วจะถูกดำเนินคดี (ที่โทษเบากว่าขนนกซะอีก ทุกวันนี้พ้นโทษ พาเหรดกันออกจากคุกหมดแล้วด้วย) มันทำให้คนดี ๆ ต้องกลายเป็นเหยื่อที่มีบาดแผลติดตัวไปจนวันตายกันตั้งกี่คน ตอนที่ถูกแฉในครั้งแรก ก็พยายามใช้ทั้งอำนาจ ทั้งเงินที่มีตามปกปิดเรื่องชั่ว ๆ ของตัวเอง แทนที่จะยุติเรื่องชั่วได้ คนพวกนี้ยิ่งได้ใจว่าตัวเองแบ็กดี ทำชั่วยิ่งกว่าเดิมแบบไม่เกรงกลัวอะไรเลย แถมความที่เป็นคนดังมีแฟนคลับเยอะ ก็พยายามที่จะทำให้สังคมเข้าใจว่าตัวเองตั้งหากที่เป็นเหยื่อ ส่วนคนที่แฉ พวกนี้เป็นพวกที่อยากทำลายชื่อเสียงตัวเอง ทำให้เหล่าแฟนคลับพากันไปรุมสาปเหยื่อ จากเหยื่อกลายเป็นคนบาปซะงั้น กว่าสังคมจะรู้ความจริงว่าใครดีใครชั่ว พวกเขาก็ถูกทำลายชีวิตไปแล้ว
จริง ๆ ซีรีส์เรื่อง Crash เนี่ย เขาไม่ได้ทำออกมาให้มันดาร์กขนาดนั้นหรอก ความที่มันเป็นซีรีส์แนวแอ็กชันแฝงคอมเมดี้ แล้วขายงานสืบสวนสอบสวนแบบเฉพาะทางด้านจราจร การกระทำผิดที่มียานพาหนะเป็นอาวุธหรือเกิดขึ้นบนท้องถนน มีมุกตลกโบ๊ะบ๊ะพอกรุ้มกริ่ม ช่วงสืบสวนทำได้สนุก ไต่ระดับความน่าตื่นเต้นได้ดี ตัวละครไม่มีใครซื่อบื้อ แต่สุดท้ายมันก็จะมาลงอีหรอบที่มีคดีที่เกี่ยวข้องกับพวกผู้มีอิทธิพล ลูกเศรษฐี และตำรวจน้ำเลว ที่จะคอยเอื้อประโยชน์กัน พลิกดำให้เป็นขาว ทำผิดให้เป็นถูก ส่วนคนดีคนทำงานก็ต้องเหนื่อยหน่ายหาวิธีเอาชนะ ท้อแต่ยอมแพ้ไม่ได้ เพราะประชาชนหวังพึ่งพา มันเลยชวนให้คิดวกกลับมาที่เหตุการณ์ในชีวิตจริงได้อยู่เรื่อยเลย 🛣