7 นัดชี้ชะตาแชมป์

การพลาดท่าทำแต้มหล่นนอกบ้านถึง 2 คะแนนที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด จะส่งผลรุนแรงต่อการลุ้นแชมป์ของลิเวอร์พูลขนาดไหนเป็นเรื่องที่น่าติดตาม และน่าเสียดายยิ่ง เพราะโอกาสในครึ่งแรกซึ่งครองเกมเหนือกว่าคู่ต่อสู้บานเบอะ ได้จบสกอร์ถึง 15 ครั้ง แต่แปรเปลี่ยนเป็นประตูแค่ลูกเดียวเท่านั้น บรรดากองหน้าพากันยิงทิ้งยิงขว้างกัน อาจเพราะความลนลานหรือกดดันตัวเองมากจนเกินไป ทำให้พวกเขาโยนโอกาสงาม ๆ หลุดลอยหมด

อย่างที่ทราบกันดีครับว่า “ประสบการณ์” และ “ความนิ่ง” มักจะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินแชมป์ แต่หากนักเตะอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ, โดมินิค โซบอสไล, โคดี้ กัคโป หรือยาเรลล์ ควอนซาร์ ยังทำได้เท่านี้ เห็นทีแฟนบอลอาจต้องลุ้นกันตัวโก่งจนถึงนัดสุดท้าย

หนำซ้ำเล่นไปเล่นมาในเกมกับปีศาจแดงนั้น วาตารุ เอ็นโด มิดฟิลด์ตัวรับชาวญี่ปุ่น หายจากเกมไปดื้อ ๆ ในครึ่งหลัง เปิดพื้นที่บริเวณหน้าแนวรับตัวเองจนโล่งโจ้ง จนถูก ค็อบบี้ ไมนู สอยประตูขึ้นนำ 2-1 จน เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องตัดสินใจแก้ไขแทคติค เปลี่ยนเป็นเล่นมิดฟิลด์คู่กลาง 2 คนแทน คือใช้ อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ ยืนคู่กับ เคอร์ติน โจนส์ ถึงจะดีขึ้น

นั่นเป็นบทเรียนที่ทัพ “หงส์แดง” จะต้องนำไประมัดระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีกใน 7 นัดสุดท้ายตัดสินแชมป์ ซึ่งพวกเขาจะพลาดอีกไม่ได้แล้ว 21 คะแนนเต็มต้องมา และต้องไปลุ้นให้อาร์เซนอล ซึ่งยังต้องเจอกับของแข็งอย่างเชลซี, สเปอร์ส และแมนฯ ยูไนเต็ด ให้พลาดบ้าง

ถ้าเปรียบเทียบโปรแกรม ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า แมนฯ ซิตี้ เบาสบายที่สุดในจำนวน 3 ทีมลุ้นถ้วยลีกสูงสุด มีภารกิจต้องไปเยือน “ไก่เดือยทอง” นัดเดียวเท่านั้นที่อาจต้องเหนื่อยหน่อย แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่น่าจะพลาด ดังนั้น ชัยชนะ 7 นัดรวดสำหรับ เป๊ป กวาดิโอล่า ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน

แถม “เรือใบสีฟ้า” มีขุนพลที่เรียกได้ว่ามีประสบการณ์ลุ้นแชมป์มากสุด ไม่ว่าจะเป็น เควิน เดอ บรอยน์, โรดรี, ฟิล โฟเด้น หรือเออร์ลิ่ง ฮาลันน์ เคยขับเคี่ยวและครองถ้วยพรีเมียร์ลีกใบนี้มากันหมดแล้ว เชื่อขนมกินได้เลยว่า ไม่มีตื่นเต้นจนหลุดฟอร์มแน่นอน

จึงไม่น่าสงสัยว่าทำไมถึงตอนนี้ บริษัทเก็บสถิติจากเมืองนอกอย่าง อ็อปต้า จึงคำนวณออกมาว่า ทีมที่มีโอกาสครองแชมป์สูงสุดในขณะนี้ นั่นคือ แมนฯ ซิตี้ 40 เปอร์เซ็นต์ ตามด้วยลิเวอร์พูล 31 เปอร์เซ็นต์ และสุดท้ายอาร์เซนอล 29 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเจอเกมที่เหลือโหดสุด

“หงส์แดง” นั้นโชคดีระยะสุดท้าย เพราะยังมีลูกได้เสียที่ดีกว่า แมนฯ ซิตี้ อยู่ 2 ลูก ดังนั้น หากกลับมาโชว์ฟอร์มร้อนแรงอัดคู่ต่อสู้ทุกนัดที่เหลือได้ โอกาสก็ยังอยู่ในมือของพวกเขาเช่นกัน

โปรแกรมที่เหลือของ เดอะ เรดส์ นั้นมีเกมที่ต้องออกไปเยือนเอฟเวอร์ตัน ที่เป็นเมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้ ซึ่ง “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอง ก็ไม่เคยเป็นทีมที่จะยอมให้คู่ปรับร่วมเมืองผ่านไปง่าย ๆ อยู่แล้ว

ส่วนงานหนักอีกนัดคือการเปิดบ้านรับการมาเยือนของสเปอร์ส ในวันที่ 4 พฤษภาคม ถ้าอยากเป็นแชมป์ ลิเวอร์พูลก็ต้องผ่านเกมทั้งหมดนี้ด้วยชัยชนะให้ได้เช่นเดียวกัน

สุดท้ายเกมอำลาแอนฟิลด์ของเจอร์เก้น คล็อปป์ ในวันที่ 19 พ.ค. กับวูล์ฟแฮมป์ตัน อาจถูกดับเบิลความสำคัญเข้าไป เพราะมันจะกลายเป็นนัดสุดท้ายซึ่งตัดสินว่า ลิเวอร์พูล ครองแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 เป็นการส่งท้ายให้ คล็อปป์ สำเร็จหรือไม่

บัตรเข้าชมที่มีรายงานว่าถูกโก่งไปถึง 2 แสนบาทแล้วในขณะนี้ อาจดูไม่แพงไปในทันทีเลยก็เป็นได้นะ 555!!!