ความเปลี่ยนแปลงเริ่มขึ้นแล้ว

ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงมักจะเป็นเรื่องขัดเสียไม่ได้ ที่มันจะวนเวียนเข้ามาหาคุณอยู่เป็นนิจ เช่นเดียวกับสโมสรลิเวอร์พูล ที่ในช่วงซัมเมอร์นี้ต้องเสียกุนซือคนเก่งอย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ ทำให้พวกเขาเตรียมแผนการปฏิวัติครั้งใหญ่ไว้รองรับอย่างรวดเร็ว

ฝ่ายบริหารทำหน้าที่อย่างฉับพลันตั้งแต่ก่อนฤดูกาลจะสิ้นสุดเสียด้วยซ้ำ ด้วยการเดินหมากอันชาญฉลาดในการดึง ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ กลับมารับตำแหน่งซีอีโอด้านฟุตบอล ตามด้วย ริชาร์ด ฮิวจ์ส จากบอร์นมัธ มาเป็นผู้อำนวยการ และกำลังบรรลุข้อตกลงในการดึงตัว มาร์ค เบอร์ชิลล์ หัวหน้าแมวมองจากบอร์นมัธ มาอีกหนึ่งคน

เอาให้มันครบก๊วนครบแก๊งกันไปเลยนะครับ

ในเมื่อฝ่ายบริหารที่เกี่ยวข้องกับการล่าตัวนักเตะใหม่ยกพวกมากัน ไม่ต้องเสียเวลาเดาเลยว่าความเปลี่ยนแปลงจะต้องเกิดขึ้นครั้งใหญ่อย่างแน่นอนในถิ่นแอนฟิลด์ซัมเมอร์นี้

เริ่มตั้งแต่การล่าตัวผู้จัดการทีมคนใหม่ และการเปลี่ยนถ่ายเลือดนักเตะครั้งใหญ่

แน่นอน “เอ็ดเวิร์ดส์แก๊ง” ต้องอยากโชว์ฝีมือให้เห็นความเปลี่ยนแปลง ไม่ทันไรก็มีข่าวแล้วว่าเตรียมปล่อย 3 ผู้เล่นที่จะหมดสัญญาออกไปอย่าง ติอาโก้ อัลคันทาร่า, โฌแอล มาติป และอาเดรียน

เป็นทั้งการลดอายุนักเตะในทีมบวกกับลดค่าเหนื่อยลงไปด้วย โดยเฉพาะในรายของ ติอาโก้ ที่สโมสรต้องแบกรับอยู่ถึง 2 แสนปอนด์ต่อวีค แล้วส่วนใหญ่เขาก็ทำได้แค่รักษาตัวกับนั่งตบยุงอยู่ที่ข้างสนาม

ไม่เพียงแค่ 3 คนที่หมดสัญญาเท่านั้น แต่ยังมีพวกดาวรุ่งที่แจ้งเกิดไม่สำเร็จบางคนอย่าง แน็ค ฟิลลิปส์, เซปป์ ฟาน เดนเบิร์ก หรือ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ เองก็ตาม เอ็ดเวิร์ดส์ นั้นก็ขึ้นชื่อลือชาเรื่องการขายเด็กทำกำไรให้ทีมมานักต่อนักแล้วในอดีต ไม่ว่าจะเป็น จอร์ดอน ไอบ์, โดมินิค โซลันกี้ หรือริยาห์น บริวส์เตอร์ ฯลฯ มีหวังได้ตามไปอีกหลายรายแน่

นอกจากนั้นยังมีประเภทซูเปอร์สตาร์ในทีม อย่าง โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ หรือหลุยส์ ดิอ๊าซ ซึ่งอาจถูกตามล่าจากยอดทีมอีกครั้ง มันก็ไม่แน่เหมือนกันว่าจะมีใครเดินตาม คล็อปป์ ไปหรือไม่ และถ้าหากใครอยากจะไป แล้วสร้างผลกำไรให้สโมสรได้คุ้มค่า ยี่ห้อ เอ็ดเวิร์ดส์ ก็อาจจะขายทำเงินด้วยเช่นกัน

สำหรับขาเข้า เมื่อซัมเมอร์ที่แล้วคือความฉุกละหุกของทีม ที่เสียมิดฟิลด์อย่าง ฟาบินโญ่ กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไปโดยมิได้คาดหมาย แถมเป้าหมายตัวแทนที่เล็งไว้ก็ดันวืดไปหมดอย่าง โรเมโอ ลาเวีย กับ มอยเซส ไคเซโด้ จนมาลงเอยกับ วาตารุ เอ็นโด กับ ไรอัน กราเฟนแบร์ช โชคดีที่ทุกอย่างผ่านไปได้ค่อนข้างดี แม้จะล็อกเป้าหมายได้เพียงผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ล้วนทั้ง 4 คน

ในซัมเมอร์ปีนี้ ทีมงานน่าจะมีเวลาวางแผนและสอดส่องนักเตะใหม่เข้ามาเพื่ออนาคตได้อย่างเยือกเย็นมากยิ่งขึ้น รวมทั้งมีมุมมองที่แปลกใหม่ น่าสนใจว่าพวกเขาจะเสริมตำแหน่งอื่นตรงจุดไหนบ้าง ที่จะสามารถยกระดับทีมขึ้นไปอีกได้

เมื่อรวมกับนักเตะดาวรุ่งที่แจ้งเกิดในทีมแล้วหลายคนในซีซั่นนี้อย่าง คลีวีน เคลเลเฮอร์, คอเนอร์ แบร็ดลี่, ยาเรลล์ ควอนซาร์, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียต, เคอร์ติส โจนส์ เมื่อควบรวมกันเข้าไปแล้วอาจจะเรียกได้ว่าเป็นทีมยุคใหม่ของ ลิเวอร์พูล เพื่ออนาคตอย่างแท้จริง และน่าจะมีอายุเฉลี่ยในทีมลดน้อยลงไปด้วย

ลิเวอร์พูล 2.0 อัปโหลดยังไม่ทันไร การมาของ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ และทีมงาน ต้องเรียกว่าฝ่ายบริหารเตรียมเวอร์ชัน 2.1 ไว้รองรับต่อเพื่ออนาคตในอีก 4-5 ปีข้างหน้า

คู่ต่อสู้เล่นขยับตัวอยู่ตลอดเวลา จะให้ “หงส์แดง” อยู่นิ่งได้ไง จริงมั้ยครับ?