ทีม “สุนัขจิ้งจอก” แห่ง ฟิลเบิร์ต สตรีท ออกสตาร์ตฤดูกาลอย่างไฉไลเป็นบ้า นัดล่าสุดบุกไปอัดโรเธอร์แฮม ยูไนเต็ด คาบ้าน 1-2 ทำสถิติชนะรวด 4 นัดนำเป็นจ่าฝูงลีกเดอะ แชมเปี้ยนชิปของอังกฤษอย่างสวยงามแบบนี้ ดูท่าความหวังของท่านประธาน อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา เริ่มมองเห็นว่าอาจเป็นจริงไม่ยากนัก!
จากฝันร้ายเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งสโมสรผิดพลาดที่ไปเลือกกุนซือโลว์แทคติกอย่าง ดีน สมิธ มาคุมทัพ เล่นเอาทีมเชิดหัวไม่ขึ้น สุดท้ายดิ้นรนหนีการตกชั้นไม่สำเร็จ ทำให้ปัญหาต่าง ๆ เริ่มรุมเร้า เลสเตอร์ ซิตี้ ตั้งแต่ผลงานในสนาม, ปัญหาเรื่องรายได้หลังโควิด, การหากุนซือคนใหม่ และการขายนักเตะเพื่อลดค่าใช้จ่ายในทีมลงหลังการตกชั้น ฯลฯ
ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของสโมสรอย่างแท้จริง ยังดีที่ทุกคนมองไปข้างหน้าและทำการเปลี่ยนแปลง จนได้ตัว เอ็นโซ่ มาเรสก้า กุนซือชาวอิตาเลียนเข้ามาคุม และอย่างที่ทราบกันก็คือ ถิ่นคิงพาวเวอร์นั้นถูกโฉลกกับโค้ชจากแดนมะกะโรนีอย่าง เคลาดิโอ รานิเอรี่ “Thinker Man” ซึ่งเคยสร้างปาฏิหาริย์พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาแล้วเมื่อปี 2016
มาเรสก้า ร่วมกับฝ่ายบริหารในการดึง แฮร์รี่ วิงค์ส อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษมาจาก ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ และ คอนอร์ โคดี้ รวมทั้งยืดอายุการยืมตัว ฮัมซ่า เชาดูรี่ จากแมนฯ ยูไนเต็ด ต่อไปอีก แต่ที่สำคัญคือสามารถเก็บดาราเก่าในทีมไว้ได้พอสมควร อาทิ เจมี่ วาร์ดี้, เคลิชี่ อิเฮียนาโช่, แพ็ตสัน ดาก้า และเคียร์แน่น ดิวส์บิวรี่ฮอล์
อย่างไรก็ตาม “สุนัขจิ้งจอก” ก็จำเป็นต้องปล่อยนักเตะหลายคนออกจากคอก เอาเฉพาะที่หมดสัญญาก็ปาเข้าไป 7 รายแล้ว อาทิ จอนนี่ อีแวนส์, ยูริ เทียเลอมองส์, คักลาร์ โซยุนชู, ดาเนียล อมาตี, ไรอัน เบอร์ทรานต์, นอมปาลิส เมนดี้ และ เตเต้ เพื่อลดการจ่ายค่าเหนื่อย รวมทั้งการขาย ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ กับ เจมส์ แม็ดดิสัน นำเงินเข้าสู่ทีมได้ถึง 80 ล้านปอนด์
ในด้านแทคติกการเล่น มาเรสก้า ปรับมาใช้ระบบ 4-3-3 จัดการถอดแดนนี่ วอร์ด จากการเป็นประตูมือหนึ่ง แล้วใช้ดาวรุ่งอย่าง แม็ดส์ เฮอร์แมนเซ่น เฝ้าเสา เซ็นเตอร์ใช้ ยานนิค เวสเตอร์การ์ด มายืนเป็นตัวจริงคู่กับ เวาท์ ฟาส
ด้านเกมรุกมีการค้นพบดาวรุ่งวัย 21 ซึ่งถูกดันขึ้นมา นั่นก็คือ เคซี่ย์ แม็คเคเทียร์ ซึ่งมายืนเป็นตัวริมเส้นด้านขวา และนัดล่าสุดโชว์ผลงานยิงคนเดียวถึงสองประตู โดยหน้าเป้านั้น มาเรสก้า เลือก อิเฮียนาโช่ แล้วให้ วาร์ดี้ คอยเป็นซูเปอร์ซับอยู่บนม้านั่งสำรอง
เลสเตอร์ นั้นมีนักเตะชุดใหญ่ให้เลือกเยอะ (แม้จะปล่อยออกไปหลายคนแล้วก็ตาม) ถือว่าไม่ได้มีปัญหาเรื่องปริมาณ ยังมีอะไหล่อีกมากมายในทีม แต่อยู่ที่การเลือกว่าจะเอาใครที่เข้ากับระบบและวิธีการเล่นของเฮดโค้ชคนใหม่อย่างเหมาะสมมากที่สุด
ช่วงต้นฤดูกาล มาเรสก้า พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาทำการบ้านมาดี และมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งไปหมด จัดทีมได้อย่างลงตัวเอามาก ๆ จน “สุนัขจิ้งจอก” กวาดชัยชนะได้แบบสี่นัดรวด ด้วยฟอร์มที่ร้อนแรงเอาเสียด้วย
ขอเพียงรักษาความต่อเนื่องไว้ให้ได้อีกสักหน่อย ซึ่งผู้เล่นที่มีประสบการณ์ในทีมซึ่งยังเหลืออยู่อย่าง วิลเฟรด เอ็นดิดี้, เจมี่ วาร์ดี้, มาร์ค อัลไบรท์ตัน และคอนอร์ โคดี้ น่าจะมีส่วนสำคัญในการช่วยประคองทีมต่อไปได้ ตลอดเส้นทางอันยาวไกลของศึก เดอะ แชมเปี้ยนชิป ซึ่งคุณภาพของเหล่านักเตะ เลสเตอร์ นั้นดูแล้วดีเกินกว่าที่จะใช้เวลาอยู่ในลีกนี้นานเกินไป
ปณิธานของท่านประธานสโมสร ในการประกาศให้แฟนบอลรับทราบไปแล้วว่า จะขอกลับสู่พรีเมียร์ลีกให้ได้ภายในฤดูกาลเดียว ไม่น่าจะไกลเกินเอื้อมครับ!