เผื่อคุณผู้อ่านยังไม่ทราบ ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมจนถึงสัปดาห์ที่ผ่านมา ยาวไปจนถึงวันที่ 20 สิงหาคม มีการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2023 (ครั้งที่ 9) ซึ่งนิวซีแลนด์และออสเตรเลียร่วมกันเป็นเจ้าภาพ สิ่งที่น่าดีใจสำหรับคนในวงการฟุตบอลหญิงกับการแข่งขันในครั้งนี้ เห็นจะเป็นความสนใจจากผู้ชมทั่วโลก ที่เว็บไซต์เก็บสถิติอย่าง Statista คาดการณ์ว่าจะมีผู้ชมการถ่ายทอดสดทั่วโลกประมาณ 2 พันล้านราย เรียกว่ามากกว่าปี 2019 ถึง 79 เปอร์เซ็นต์ (ปี 2019 มีรายงานว่ามีผู้ชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันประมาณ 1.12 พันล้านราย)
สำหรับการแข่งขันฟุตบอลหญิงปีนี้ แม้ว่าทีมชาติไทยจะไม่ได้ผ่านเข้าไปถึงรอบสุดท้าย แต่เราก็ยังได้ชมการแข่งขันด้วยช่องทางออนไลน์กันได้ที่เว็บไซต์ plus.fifa.com ซึ่งเวลานี้เข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย และใน 16 ทีมมีชาติจากเอเชียหนึ่งเดียวที่หลุดเข้าไปคือ ทีมชาติญี่ปุ่น ที่ได้รับเสียงชื่นชมว่าฝีเท้าของนักเตะสาวจากแดนอาทิตย์อุทัยนั้นไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่านักเตะจากสาวจากชาติในยุโรปหรือสหรัฐอเมริกาเลย
คาเรน บาร์ดสลีย์ อดีตผู้รักษาประตูทีมฟุตบอลหญิงอังกฤษ ปัจจุบันเธอเป็นคอลัมนิสต์ให้กับ บีบีซีสปอร์ต เธอเขียนถึงเกมการแข่งขันฟุตบอลโลกหญิง 2023 ว่า “เป็นการแข่งขันที่สูสีกันมาก ความห่างกันของฝีเท้าหรือเทคนิคของแต่ละทีมนั้นไม่ได้มีมากนักเหมือนในการแข่งขันฟุตบอลโลกหญิงที่ผ่านมา และมีความเป็นไปได้ว่าแชมป์ในปีนี้จะเป็นแชมป์หน้าใหม่ที่ไม่ใช่เจ้าเดิม ๆ อีกต่อไป”
ทั้งนี้คาเรน นำเสนอมุมมองของเธอต่อว่า “ทีมที่ถูกวางเป็นทีมเต็งอย่างสหรัฐอเมริกานั้น สำหรับฟุตบอลโลกหญิงในครั้งนี้ไม่ได้ง่ายเลยสำหรับพวกเธอ เพราะทีมที่ไม่ได้ถูกจัดให้เป็นทีมวางนั้นก็ไม่ใช่กระดูกอ่อนที่จะเคี้ยวได้ง่าย ๆ เหมือนในอดีต…เกมแบบที่ทีมชาติสหรัฐฯ เคยบดขยี้ทีมชาติไทยในการแข่งขันเมื่อปี 2019 จะไม่มีให้เห็นอีกต่อไป”
“ฟุตบอลหญิงในทุกวันนี้กลายเป็นกีฬาสากลที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก เห็นได้จากลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด ที่มีราคาแพงขึ้น จำนวนผู้ชมทั้งในสนาม และที่ชมการถ่ายทอดสดมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นจากในอดีต หากสมาคมฟุตบอล ของแต่ละประเทศที่เป็นสมาชิกกับฟีฟ่าจะหันมาให้ความสนใจและพัฒนาทีมฟุตบอลหญิง ก็เชื่อว่าพวกเขาจะไม่ผิดหวัง เพราะฟุตบอลหญิงเป็นกลุ่มก้อนกีฬาที่มีความเติบโตที่น่าสนใจ”
สิ่งที่คาเรน กล่าวไว้ไม่ได้ผิดจากความเป็นจริง เห็นได้ชัดจากทีมชาติญี่ปุ่นที่พัฒนาฝีเท้ามาได้อย่างน่าทึ่งในการเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย หลังจากเอาชนะนอร์เวย์ 3-1 ประตู ขณะที่แชมป์เก่าอย่างสหรัฐอเมริกา ในปีนี้พวกเธอต้องเจองานหนักตั้งแต่รอบแรก และมาพ่ายให้กับสวีเดนไปในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เป็นความพ่ายแพ้ที่จะบอกว่าทีมสาวอเมริกันปีนี้ใช้ผู้เล่นหน้าใหม่ก็คงจะประเมินความสามารถพวกเธอต่ำไป เพราะถ้าพิจารณาแล้ว ทั้ง 32 ทีมที่เข้ารอบสุดท้ายปีนี้พัฒนาฝีเท้าและเทคนิคไปมากกว่าเดิมน่าจะเห็นเหตุผลที่ดีกว่า
เห็นพัฒนาการของฟุตบอลหญิงในระดับโลกแล้วรู้สึกดีใจไม่น้อย เพราะที่ผ่านมา ฟุตบอลหญิงถูกลดคุณค่าเพราะการแข่งขันของฝั่งผู้ชายที่ได้รับความนิยมมากกว่า และถึงขนาดมีคนใจแคบหลายคนให้นิยามว่าฟุตบอลหญิงได้รับความนิยมเฉพาะในสหรัฐอเมริกา เพราะในอเมริกา พวกเขาเรียกฟุตบอลว่า ซอกเกอร์ และฟุตบอล หมายถึง อเมริกันฟุตบอล แต่การเดินทางของฟุตบอลหญิงที่มาจนถึงวันนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เกมลูกหนังไม่ใช่กีฬาของผู้ชายเพียงฝ่ายเดียว แต่เป็นเกมกีฬาที่เล่นกันได้ทุกเพศ ทุกวัย จริง ๆ และนักฟุตบอลหญิงก็ทำให้เห็นแล้วว่าเกมของพวกเธอนั้นพัฒนามามากขนาดไหน
ส่วนฟุตบอลหญิงในเมืองไทย เรามีลีกอาชีพนะคะ ปีที่แล้วเคยมีการถ่ายทอดสดผ่านแอปพลิเคชันสตรีมมิ่งอย่าง Eleven Sports แม้ปีนี้การแข่งขันก็ยังมีเช่นเดิม แต่จะได้รับชมกันเหมือนเมื่อปีที่แล้วหรือไม่นั้น ถ้าเอาตามสถานการณ์ในเวลานี้เชื่อว่าคงไม่มี เพราะแม้แต่บอลลีกชาย ยังถ่ายทอดสดกันแบบขอความเอื้ออาทรจากแฟนบอล
มันเป็นเรื่องน่าเบื่อนะคะ ที่เราต้องมาฟังคำโกหกซ้ำซากประเภท “เราทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ” ที่มักออกมาจากผู้บริหารองค์กรกีฬาและการเมือง เพราะเอาเข้าจริงทุกคนต่างรู้ว่าพวกเขา “ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง” ท้ายที่สุดสิ่งที่ทีมฟุตบอลหญิงไทยจะถูกจดจำในวงการฟุตบอลหญิงโลก ก็เห็นจะหนีไม่พ้นความพ่ายแพ้อย่างยับเยินต่อทีมชาติสหรัฐฯ ในปี 2019 เหมือนที่คาเรน เขียนไว้ในคอลัมน์ของเธอ (รับสภาพกันไปค่ะ)
แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า