“คุณจะตอบคำถามลูกสาวของคุณอย่างไร เมื่อคุณนำเอา พีจีเอทัวร์ ไปรวมกับ LIV Golf ทัวร์นาเมนต์กอล์ฟอาชีพที่มีทุนจากซาอุฯ หนุนหลัง ทุนที่มาจากประเทศซึ่งจำกัดสิทธิสตรี” เป็นคำถามจากนักข่าว วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ที่ส่งตรงให้ เจย์ โมนาฮาน กรรมการผู้อำนวยการของ พีจีเอทัวร์ และทำให้เจ้าตัวถึงกับต้องนึกคำตอบอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะพูดออกมาว่า “ก่อนจะไปถึงตรงนั้น ผมต้องคิดถึงนักกอล์ฟทุกคนใน พีจีเอทัวร์และยูโรเปียนทัวร์ รวมไปถึงทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขัน อันหมายถึงทุกคนในห้องนี้ด้วย”
วันอังคารที่ 6 มิถุนายน น่าจะเป็นวันที่ เจย์ โมนาฮาน น่าจะรู้สึกกระอักกระอ่วนมากที่สุด นับตั้งแต่อยู่ในวงการกอล์ฟอาชีพมาเกือบสองทศวรรษ หลังจากมีการประกาศควบรวมกันระหว่าง พีจีเอทัวร์ (รวมยูโรเปียนทัวร์) กับทาง LIV Golf ทัวร์นาเมนต์อาชีพที่ก่อตั้งเมื่อปี 2565 โดยทุนจากกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย (PIF) ซึ่งมีผู้สนับสนุนใหญ่คือ เจ้าชายฮัมมัด บิน ซัลมาน มกุฏราชกุมาร และรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหมของ ซาอุดิอาระเบีย
ก่อนหน้าที่จะเกิดการเจรจาที่ทำให้การรวมทัวร์นาเมนต์กอล์ฟอาชีพ ระหว่าง PGA และ LIV ประสบความสำเร็จนั้น ทางพีจีเอทัวร์ได้เปิดศึกกับ LIV มาได้หนึ่งฤดูกาล และมีบทลงโทษนักกอล์ฟจากพีจีเอและ ยูโรเปียนทัวร์ ที่เข้าร่วมการแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ของ LIV แต่ท้ายที่สุดเงินรางวัล และการอำนวยความสะดวกที่ทาง LIV มอบให้กับนักกอล์ฟที่เข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ ได้ดึงให้เหล่านักกอล์ฟชื่อดังทั้งจากพีจีเอทัวร์และยูโรเปียนทัวร์ ตัดสินใจเข้าร่วมกับทัวร์นาเมนต์ใหม่มาดอย่าง LIV Golf
เมื่อสถานการณ์ชักจะไปกันใหญ่ และดูเหมือนว่าทาง LIV Golf พร้อมจ่ายไม่อั้นชนิดที่ เจย์ โมนาฮาน กล่าวผ่านสื่อว่า “ถ้านี่คือการแข่งขันที่สาดกระสุนใส่กัน และอาวุธเดียวที่ใช้ยิงโต้ตอบกันคือ ‘เงิน’ ทางพีจีเอทัวร์ไม่มีทางสู้ได้” และโมนาฮานยังได้กล่าวถึงพลังเงินอันแข็งแกร่งของ PIF ไว้ด้วยว่า “พีไอเอฟนั้นมีงบประมาณที่ไม่จำกัดที่จะดึงเอานักกอล์ฟจากพีจีเอทัวร์ไปร่วมกับทัวร์นาเมนต์ใหม่ สิ่งที่ LIV Golf มีนั้นสามารถสร้างทัวร์นาเมนต์ได้ภายในหนึ่งเดือน ขณะที่ พีจีเอทัวร์ต้องใช้เวลานับสิบปีในการสร้างทัวร์นาเมนต์ขึ้นมา”
จากสถานการณ์ดังกล่าวดูเหมือนว่าทาง พีจีเอทัวร์จะไม่เสียเงินและรักษาทัวร์นาเมนต์ของตนเองเอาไว้ แม้จะต้องเสียความเป็นตัวเองลงไปบ้าง แต่สุดท้ายแล้ว สงครามที่สาดใส่กันด้วยเม็ดเงินจะได้ยุติ และทำให้นักกอล์ฟอาชีพเกิดความสบายใจที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน เหนืออื่นใดนี่คือกลยุทธ์สำคัญในการบริหารที่ยอมลู่ไปตามลม ชนิดสู้ไม่ได้ก็เข้าพวกไปก่อน
แม้ว่าจะมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับความเหมาะสมและ ศีลธรรม เพราะเงินจากซาอุฯ มีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีนักในแง่กดขี่สิทธิสตรีและละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจทั่วทั้งโลกกำลังถดถอย ข้อเสนอของทางซาอุฯ ก็เปรียบเสมือนสายป่านที่จะทำให้พีจีเอทัวร์และยูโรเปียนทัวร์ยังคงอยู่ต่อไปได้
ขณะเดียวกัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในการแผ่อิทธิพลของ PIF ในวงการกีฬา ก่อนหน้านี้ การเข้าซื้อสโมสรนิวคาสเซิล หรือเป็นเจ้าภาพในการแข่งขันฟอร์มูล่าวันสนามซาอุดีอาระเบียกรังด์ปรีซ์ ก็นับเป็นการแสดงให้เห็นศักยภาพของซาอุฯ ที่กำลังก้าวเข้าสู่สนามการแข่งขันอย่างเต็มตัว เหมือนดังเช่นที่กาตาร์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เคยใช้แนวทางนี้ในการเปิดประเทศและประสบความสำเร็จมาแล้ว
จากนี้เราน่าจะได้เห็นข่าวกลุ่มทุน PIF จากซาอุดีอาระเบีย ในการเข้ามามีส่วนร่วมในกีฬามากขึ้น และทำให้เห็นว่าในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังตกสะเก็ด หากแต่ทุนจากตะวันออกกลางไม่ได้แผ่วลงเลย เช่นเดียวกับทุนจากจีน ที่ยังคงแข็งแกร่งมากกว่าฟากอเมริกาหรือยุโรป
ยิ่งติดตามอิทธิพลของกองทุน PIF มากเท่าใด ก็ทำให้นึกถึงโควทของ ซินดี้ ลอเปอร์ นักร้องสาวคนดังแห่งยุค 90’s ที่เคยกล่าวไว้ว่า “เงินไม่ใช่ทุกสิ่ง แต่สามารถเปลี่ยนได้ทุกสิ่ง” หรือคุณผู้อ่านว่าไม่จริง
แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ