ถ้าถามแฟนบอลรุ่น 80 ว่าใครคือนักฟุตบอลที่เก่งกาจสุดในโลกลูกหนัง? คำตอบคงไม่แคล้ว ดิเอโก้ มาราโดน่า “หัตถ์พระเจ้า” แห่งอาร์เจนตินาเกินครึ่ง ที่เหลืออาจมีชื่อ เปเล่ “ไข่มุกดำ” ตำนานจากบราซิลโผล่ขึ้นมาบ้าง ก็แล้วแต่ว่ายุคใครยุคมัน แต่หากถามตอนนี้ ใครจะกล้าปฏิเสธความยิ่งใหญ่ของ ลิโอเนล เมสซี่ ผู้ซึ่งเพิ่งคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาหมาด ๆ
ความสำเร็จของ “ลีโอ” นั้น คือปรากฏการณ์ของโลกฟุตบอลใบนี้ เช่นเดียวกับคู่แข่งตัวฉกาจของเขาอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในวงการไม่เคยมีปรากฏการณ์นักเตะที่เก่งกาจฝีเท้าระดับโลกพร้อม ๆ กันถึงสองคน และประคองความสำเร็จให้ทอดยาวได้นานขนาดนี้นะครับ
ยกตัวอย่างดาวเตะจากอาร์เจนตินา คว้าเกียรติยศให้ตัวเองครั้งแรกเมื่อปี 2005 แชมป์ยู 20 โลก ด้วยวัยเพียง 18 ต่อมาพออายุได้ 21 ปี ก็ได้เหรียญทองโอลิมปิกกับทัพฟ้า-ขาวปี 2008 ส่วนความสำเร็จล่าสุดคือแชมป์เวิลด์คัพ 2022 บนวัย 35 กะรัต (ไม่แน่ว่าจะเป็นโทรฟี่สุดท้ายกับทีมชาติจริงหรือไม่?)
สังเกตว่าทั้งสองครั้งของเมสซี่ ทิ้งช่วงเวลาห่างกันเกือบ 20 ปี โดยระหว่างทางนั้นเขาพัฒนาฝีเท้าจนกวาดโทรฟี่กับบาร์เซโลนามาหมดทุกสิ่งอย่าง จนกระทั่งถึงจุดอิ่มตัวแล้วย้ายมาอยู่กับ สโมสรปารีส แซ็ง แชร์กแมงในเมืองหลวงของฝรั่งเศส ส่วนเกียรติยศส่วนตัวนั้น คือการได้รับเลือกให้คว้ารางวัลบัลลงดอร์มาแล้วถึง 7 สมัย คือในปี 2009, 2010, 2011, 2012, 2015, 2019, 2021 จะรวมปีนี้อีกสมัยหรือไม่ จากดีกรีแชมป์โลกเมื่อปีที่แล้ว อันนี้ต้องติดตามกัน แต่แค่เพียง 7 หนก็ยากที่จะหาใครตามทันแล้วครับ
นี่ขนาดโชคร้ายเกิดในยุคเดียวกับฮีโร่โปรตุเกส โดนโรนัลโด้ปาดหน้าเค้กไป 5 หนแล้วนะครับเนี่ย 2008, 2013, 2014, 2016, 2017 เรียกได้ว่า 15-16 ปีหลัง ทั้งสองราชาลูกหนังผลัดกันครองความยิ่งใหญ่กับรางวัลนี้ โดยปล่อยให้ ลูก้า โมดริช (2018) กับคาริม เบนเซม่า (2022) แทรกขึ้นมาได้เพียงสองคนเท่านั้น
ถ้าทำใจให้เที่ยงธรรมและเทียบกันจริง ๆ แล้ว เมสซี่นั้นกวาดความสำเร็จตลอดกาลและทอดยาวได้มากกว่า มาราโดน่ามากมายนะครับ ในระดับสโมสรเขาได้ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกถึง 4 สมัย แชมป์สโมสรโลก 3 ครั้ง แชมป์ ลาลีกา อีก 10 หน แถมยังทำสถิติยิง 474 ประตูสูงสุดตลอดกาลในลีกสเปนเอาไว้อีกด้วย
ส่วนการร่วมชิงชัยในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายนั้น มาราโดน่า ได้ไปเตะ 4 สมัยคือปี 1982, 1986, 1990, 1994 เป็นแชมป์ 1 หน รองแชมป์ 1 หน ส่วน เมสซี่ 5 ครั้ง คือปี 2006, 2010, 2014, 2018, 2022 ได้แชมป์ 1 รองแชมป์ 1 เช่นเดียวกัน
สรุปแล้วโลกฟุตบอลอยู่ภายใต้ฝ่าเท้าความยิ่งใหญ่ของผู้เล่นทั้งสองคนนี้มาเกือบสองทศวรรษ ถึงเวลาจะต้องพลิกหน้าต่อไป ไปสู่นักฟุตบอลดาวรุ่งคนอื่น ๆ ที่จะก้าวขึ้นมาสืบทอด ไม่ว่า คิลิยัน เอ็มบัปเป้ หรือ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์
ส่วนเส้นทางของ เมสซี่ ก็คงเป็นช่วงแลนดิ้งใกล้แขวนสตั๊ด เมื่อหมดสัญญากับเปแอสเช สิ้นสุดฤดูกาลนี้คงได้เดินทางไปค้าแข้งในตะวันออกกลางอีกสัก 2 ปี หรือไม่ก็กลับไปเล่นกับ บาร์ซาในสเปน และสุดท้ายลุงแกอาจนึกครึ้มกลับไปเล่นให้ทีมบ้านเกิดอย่าง นีเวล์ส โอลด์ บอยส์ หรือไม่ไม่แน่ใจ
แต่ถ้าแกกลายเป็นวัตถุคงกระพันอยู่ถึงปี 2026 ลงเล่นฟุตบอลโลกสมัยที่ 6 อันนี้คงต้องกราบคารวะอย่างงาม ๆ ด้วยความทึ่งกันเลยทีเดียว.