
จากกรณีดราม่าที่มีผู้โดยสารจำนวนมากแออัดอยู่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ของท่าอากาศยานดอนเมือง สืบเนื่องจากมีเที่ยวบินล่าช้าถึง 13 เที่ยวบิน ทำให้มีผู้โดยสารหนาแน่นในช่วงระหว่าง 23.00-05.00 น. และต้องติดอยู่ตรงตม.นานเกือบ 5 ชั่วโมงนั้น
ประเด็นดังกล่าวทำให้มีคำถามตามมาถึงการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานตม. ซึ่งท่าอากาศยานดอนเมืองชี้แจงในภายหลังว่า ช่วงเวลาที่เกิดปัญหาจากเที่ยวบินดีเลย์ส่งผลให้มีเที่ยวบินเข้าประเทศมากถึง 25 เที่ยวบิน จึงมีผู้โดยสารแออัดบริเวณตม.กว่า 9,000 คน ขณะที่เคาน์เตอร์ให้บริการมีเจ้าหน้าที่เพียง 15 คนเท่านั้น และแม้จะจัดเจ้าหน้าที่เพิ่มเฉพาะกิจอีก 5 คน ก็ยังไม่เพียงพอต่อการระบายผู้โดยสารอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม จากปัญหาที่เกิดขึ้น ทางบริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) เตรียมปรับพื้นที่ตรวจคนเข้าเมืองใหม่ เพื่อเพิ่มปริมาณการรองรับผู้โดยสารให้มากขึ้นแล้ว ซึ่งคาดว่าในเดือนกันยายนนี้ จะเริ่มต้นขยายจุดตรวจคนเข้าเมืองเพิ่มอีก 8 จุด และเพิ่มบุคลากรให้บริการอีก 48 คน
โดยคาดว่าจะเพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารได้มากขึ้นอีก 80 เปอร์เซ็นต์ จาก 1,0000 ต่อชั่วโมง เป็น 1,800 คน ต่อชั่วโมง พร้อมกันนี้ ทอท. ยังขอความร่วมมือผู้โดยสารให้ไปใช้บริการที่ช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติเพื่อความรวดเร็วด้วย ซึ่งปัจจุบันมีให้บริการอยู่ 4 ช่อง แต่มีผู้โดยสารคนไทยใช้บริการน้อยมาก

อันที่จริงแล้ว เครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติถือเป็นช่องทางที่ช่วยระบายคนได้เป็นอย่างดี เพียงแต่ปัจจุบันระบบของเครื่องที่ให้บริการยังไม่เสถียร ไม่อ่านเล่มพาสปอร์ตอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ผู้โดยสารหลายคนต้องเสียเวลากลับไปต่อคิวใหม่ที่เคาน์เตอร์ จึงไม่อยากเสี่ยงมาใช้บริการอีก
บ้างก็ไม่กล้าใช้บริการเพราะกลัวทำไม่ถูกต้องแล้วจะเสียเวลามากกว่าเดิม ขณะที่บางคนก็อยากได้ตราประทับลงในพาสปอร์ตเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก จึงเลือกไปต่อแถวตรงเคาน์เตอร์แทน
แต่หากดูประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ จะเห็นว่าแตกต่างจากบ้านเรามาก เพราะท่าอากาศยานนานาชาติชางงีที่ได้รับเลือกให้เป็นสนามบินที่ดีที่สุดของโลก นำอิเล็กทรอนิคส์เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารในแทบทุกจุด

โดยเฉพาะอาคารใหม่อย่าง Terminal 4 ที่เพิ่งเปิดให้บริการไปหมาดๆ เพราะนอกจากจะตกแต่งสวยงาม มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือเครื่องให้บริการเช็กอินอัตโนมัติจำนวนมากที่ติดตั้งไว้ตรงบริเวณโถงผู้โดยสารขาออก เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้โดยสารที่ไม่อยากไปต่อคิวที่เคาน์เตอร์

รวมถึงมีช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติไว้คอยให้บริการนับสิบๆ ช่อง อีกทั้งยังมีจอแอลอีดีความยาว 70 เมตร ติดตั้งไว้เหนือจุดตรวจสัมภาระ เพื่อให้ความบันเทิงกับผู้โดยสารที่ยืนรอคิวอยู่ด้วย ซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ช่วยย่นระยะเวลาให้ผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสร้างความประทับใจกลับไปให้กับผู้โดยสารด้วย


และนี่คือสนามบินที่ดีที่สุดในโลก 5 ปีซ้อนที่ยังไม่มีใครโค่นบังลังก์ลงได้ หากบ้านเรานำมาเป็นต้นแบบในการพัฒนาและยกระดับสนามบิน ด้วยการปรับปรุงระบบต่างๆ ให้เสถียรมากขึ้น และนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารมากขึ้น ก็น่าจะดีไม่น้อยหากคิดจะเตรียมเข้าสู่การเป็นประเทศไทย 4.0 ให้ได้อย่างที่วางนโยบายไว้