เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ปราการหลังจอมทระนง

ช่วงนี้ผมพอมีเวลาเรียบเรียงหนังสือออกมาได้เล่มหนึ่ง เป็นประวัติของปราการหลังจอมทระนงแห่งถิ่นแอนฟิลด์ที่ชื่อว่า เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ นั่นเอง การได้รับรู้เรื่องราวความสำเร็จของนักกีฬาระดับซูเปอร์สตาร์แต่ละคนนั้นถือเป็นความสนุกสนานที่มีคุณค่า ซึ่งผมมักจะหาโอกาสศึกษาอดีตของพวกเขาเหล่านี้เสมอ

ย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่เป็นจุดกำเนิดของโคตรกองหลังผู้นี้ มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย ตั้งแต่วันที่เขายังเป็นเด็กและฟูมฟักตัวเองอยู่กับโกรนิงเก้นในประเทศบ้านเกิด ก่อนจะมีคนเห็นแววและเริ่มเข้ามาขัดเกลาวิธีการเล่น และเริ่มเห็นการพัฒนาของอดีตดาวรุ่งผู้นี้ จนกระทั่งนำไปสู่การดึงตัวเขาไปอยู่กับ กลาสโกว์ เซลติค ในสกอตติชลีก และต่อมา เซาธ์แฮมป์ตัน ทีมนักบุญจากแดนใต้ในพรีเมียร์ลีก

ฟาน ไดค์ นั้น ถ้าใครยังไม่รู้เขาต้องผ่านอุปสรรคมากมายก่อนที่จะประสบความสำเร็จได้เช่นทุกวันนี้ ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นที่ครั้งหนึ่งเคยถูกมองข้าม ครั้งหนึ่งเคยมีปัญหาเรื่องสรีระการเติบโตช้า และครั้งหนึ่งเคยไม่สบายหนักจนเกือบเอาตัวไม่รอด

เบื้องหลังเบื้องลึกการเอาชนะปัญหาเหล่านั้น จนสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นมาเป็นกองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลก (ช่วงนั้น) 75 ล้านปอนด์คือตัวเลขที่ไม่ใช่น้อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำไปแลกกับผู้เล่นปราการหลัง ซึ่งปกติแล้วสโมสรฟุตบอลระดับโลกไม่ทำกัน แต่ลิเวอร์พูลในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจทำในวันที่ 1 มกราคมปี 2018! และต่อมาวันเวลาได้พิสูจน์ว่านั่นคือการซื้อที่ยอดเยี่ยมที่สุดและวีวีดีเองก็กลายเป็นผู้เล่นระดับตำนานของทีมในช่วงกาลผ่านไปไม่นาน 

หนังสือเล่มนี้ไม่พลาดที่จะมีเบื้องหลังการย้ายทีมประวัติศาสตร์ครั้งนั้นมาฝากด้วยอย่างแน่นอน!

ถามว่าถ้า คล็อปป์ พลาดการนำตัวปราการหลังดัตช์ผู้นี้เข้าสู่ชายคาแอนฟิลด์ ทีมจะสร้างความสำเร็จระดับนี้ได้หรือไม่ ทุกคนคงพอเดาคำตอบได้บ้าง

จะเห็นได้ว่าผู้เล่นกองหลังคนอื่นๆของ คล็อปป์ แทบจะหาใครที่สร้างความน่าเชื่อถือด้านเกมรับไม่มีเลย ไม่ว่าจะเป็น เดยัน ลอฟเรน (ในอดีต), โจ โกเมซ, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป หรือแม้กระทั่ง อิบราฮิม่า โคนาเต้ ในปัจจุบัน จุดเด่นอยู่ที่เกมรุกทั้งนั้น นั่นคือความสำคัญของเซ็นเตอร์ฮาล์ฟชาวดัตช์ผู้นี้

หนังสือเล่มนี้ยังไม่ลืมจะรวบรวมเรื่องราวของ ฟาน ไดค์ ในศึกฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งตัวเขารับตำแหน่งใหม่ เป็นกองหลังตัวกลางในระบบ 3 เซ็นเตอร์แบ็กให้กับทีมของ หลุยส์ ฟาน กาล จนพาเนเธอร์แลนด์ ทะลุไปได้จนถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายก่อนจะไปพลาดท่าให้กับ อาร์เจนตินา ซึ่งต่อมากลายเป็นแชมป์โลกในการดวลจุดโทษ

จะว่าไปแล้วความสำเร็จต่าง ๆ ของ วีวีดีนั้นมาค่อนข้างดีเลย์ แม้กระทั่งการได้ไปเล่นเวิลด์คัพครั้งแรกของเขานั้นก็ต้องรอจนถึงอายุ 31 ปี ดังนั้น ไม่แน่เหมือนกันว่าช่วงเวลาที่เหลือในอาชีพค้าแข้งของเขา อาจจะมีเกียรติยศอื่น ๆ รอคอยอยู่อีกมากก็เป็นได้

อยากให้ได้อ่านกันสำหรับหนังสือเล่มนี้ซึ่งแฟน “หงส์แดง” ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ใครหาซื้อตามแผงไม่ได้ สามารถสั่งทางออนไลน์ได้ที่ www.aladinonline.co.th นะครับ.