สัปดาห์แรกของการใช้ชีวิตหลังเปลี่ยนศักราชใหม่ ใครหลายคนรู้สึกว่ามันเปรียบเป็น “จุดเริ่มต้น” ที่ดี ที่ทำให้อยากลุกขึ้นมาทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ พัฒนาและเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นจากปีก่อน พูดง่าย ๆ ว่าแค่พลิกปฏิทินก็มีพลังมหาศาล ยังรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้คิดว่าจะเริ่มทำสิ่งนั้นสิ่งนี้เสียที ราวกับว่าปาฏิหาริย์ทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้ชั่วข้ามคืน แค่สิ้นเสียงพลุเฉลิมฉลองปีใหม่ ฉันก็เหมือนได้สมุดเล่มใหม่ที่ว่างเปล่า ทีนี้ฉันจะตั้งใจเขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปีนี้อย่างจริงจัง ไม่ให้พังแบบปีที่ผ่านมา
แต่ความรู้สึกที่ว่าจะอยู่กับคุณไปได้นานแค่ไหนกันเชียว หลังจากที่ควันหลงช่วงเทศกาลค่อย ๆ จางหายไป ความเห่อปีใหม่ลดลง บางคนอาจจะกลับเข้าสู่โหมดเดิม คือใช้ชีวิตแบบที่เคย ๆ แล้วบอกว่า “ไว้เริ่มปีหน้าแล้วกัน” บอกเลยว่าถ้าคุณเป็นคนประเภทนี้ ปีหน้าไม่มีอยู่จริงสำหรับคุณหรอก คุณจะผัดวันประกันพรุ่ง ถามหาปีใหม่ต่อไปเรื่อย ๆ และเฝ้าฝันลม ๆ แล้ง ๆ ว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยไม่ลงมือทำจริง ๆ จัง ๆ เสียที
ถึงอย่างนั้น บางคนอาจไม่ถึงขั้นล้มเลิกความตั้งใจ เพียงแต่ไฟแห่งความแน่วแน่มันไม่แรงแบบช่วงเริ่มต้นปีใหม่ หลังผ่านสัปดาห์แรกของปีใหม่ไป คุณจะพบว่าปณิธานที่ตั้งไว้มันดูไม่น่าตื่นเต้นอีกแล้ว ที่บอกว่าปีนี้จะเป็นปีของคุณที่คุณจะไฉไลกว่าเดิม คุณก็เริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วล่ะ
แน่นอนว่าจำนวนวันทั้ง 365 วัน ไม่มีทางที่จะเป็นวันของคุณได้ตลอดทั้งปี แต่คุณจะทำอย่างไรดีเพื่อให้สมุดเล่มปี 2023 ของคุณที่คุณคาดหวังไว้มากมายไม่ถูกขีดเขียนเละเทะแบบเมื่อปีที่ผ่านมา ไม่ลืมความตั้งใจแรกหลังเข็มนาฬิกาบอกเวลาว่าหมดปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่ “สมุดเล่มใหม่ปี 2023 ฉันจะตั้งใจเขียนให้ดี” ปีใหม่ผ่านไปแล้ว ที่เหลืออยู่คือปีนี้ จำไว้ว่าทุกอย่างมันต้องเริ่มที่ตัวคุณ ไม่ว่าจะยากหรือง่ายก็ตาม คุณต้องเป็นคนควบคุมทุกอย่างเอง
เริ่มจากการเปลี่ยนทัศนคติก่อน
ชีวิตของคุณจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้ หากความคิดและวิธีการมองโลกของคุณยังคงเหมือนเดิม เพราะคุณก็จะไม่หลุดออกจากกรอบที่คุณใช้ครอบงำตัวเอง ติดอยู่ในกับดักเดิม ๆ ไปตลอดชีวิต ทำอะไรก็จะวนอยู่แต่ความคิดความเชื่อแบบเดิม ไม่มีอะไรเติบโต ไม่มีอะไรที่พัฒนา คุณต้องรู้ว่าการมีทัศนคติที่ดีนั้นมีชัยไปกว่าครึ่ง แค่ปรับเปลี่ยนความคิด ความเชื่อ และการมองโลกนี่แหละ มองโลกให้บวกขึ้น คิดให้บวกขึ้น แต่ต้องไม่ลืมโลกของความจริง จะนำพาไปสู่การพัฒนาตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ จะส่งผลให้มีพลังบวกเกิดขึ้นรอบตัวคุณและดึงดูดแต่สิ่งที่ดีเข้าหา ดังนั้น คุณต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดบางอย่างเพื่อตัวเองได้แล้ว เพื่อที่จะได้กล้าที่จะลงมือทำมากขึ้นด้วย
หัดที่จะรักตัวเอง
ถ้าคุณเห็นความสำคัญของการรักตัวเอง คุณก็จะรู้ว่าทุกอย่างที่ตั้งเป้าหมายว่า “จะทำ” ไม่ใช่เพื่อใครอื่นเลย ประโยชน์ก็อยู่กับตัวคุณเองทั้งนั้น การรักตัวเองไม่ใช่การเห็นแก่ตัว แต่เป็นการปรารถนาที่จะให้ตัวเองสุขกายสบายใจโดยไม่เดือดร้อนเบียดเบียนคนอื่น อยากเห็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีขึ้นก็อยากเห็นเอง ไม่ได้ไปผูกติดความรู้สึกกับใครอื่นหรือคาดหวังว่าจะได้อะไรจากคนอื่นเป็นการตอบแทน จริงใจกับความรู้สึกตัวเอง ที่สำคัญ คือการไม่ทนอยู่กับสิ่งที่จะพาตัวเองไปอยู่ในจุดตกต่ำ ชีวิตของคุณจะมีเกียรติและมีคุณค่า ก็ต่อเมื่อคุณหยิบยื่นเกียรติและคุณค่าให้ตัวเองเป็นก่อน ถ้าคุณเริ่มให้ตัวเองได้ แล้วคุณจะรู้ว่าคุณสามารถอยู่อย่างมีความสุขได้ด้วยลำแข้งของตนเอง
รักษาความสม่ำเสมอ ด้วยการมีวินัย
การเปลี่ยนแปลงไม่ได้พึ่งแค่เวลาเพียงอย่างเดียว แต่ยังอาศัยความสม่ำเสมอด้วย เพื่อสร้างนิสัยใหม่ให้ตัวเองคุ้นชินและพาตัวเองเข้าใกล้กับเป้าหมายมากขึ้น ต้องจดจ่ออยู่กับเป้าหมายที่วางไว้ไปจนกว่าจะรู้สึกว่ามันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต รู้สึกว่าทำได้เองโดยอัตโนมัติ ไม่โอ้เอ้เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำ เช่น การออกกำลังกาย การอ่านหนังสือ การที่คุณจะเป็นแบบนี้ได้ คุณต้องมีวินัยในตัวเอง ใจแข็ง เด็ดขาดในการบังคับให้ตัวเองให้ลุกขึ้นมาเอาชนะสิ่งยั่วยุต่าง ๆ ไม่ใช่ทำจริงจังอยู่วันสองวันแล้วก็ล้มเลิกไป วันไหนนึกฮึดอยากจะทำอีกก็ลุกขึ้นมาทำ ไม่เป็นโล้เป็นพาย จำไว้ว่าถ้าคุณอยากบรรลุเป้าหมายให้ได้เร็ว ๆ คุณต้องพยายามอดทน มีวินัย สร้างให้ทุกอย่างมันอยู่ตัว แล้วคุณจะสบายขึ้น
ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง
คุณจะไม่มีวันได้เจอกับอะไรใหม่ ๆ หากยังย่ำอยู่ในกรอบเดิม ๆ ที่คิดว่าปลอดภัยสำหรับตัวเอง จนไม่กล้าก้าวข้ามออกมาจาก Comfort Zone แน่นอนว่าการเริ่มต้นมันอาจจะยากและต้องใช้ความพยายาม แต่ถ้าคุณเอาชนะมันได้ ก็แปลว่าคุณได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง พร้อมที่จะเรียนรู้และทะยานไปสู่เส้นชัยใหม่ เพราะฉะนั้น อย่าทำเฉพาะสิ่งที่ตัวเองถนัด แล้วเอาแต่ปฏิเสธสิ่งที่ไม่คุ้นเคย พอเสียทีกับการกลัวนั่นกังวลนี่ล่วงหน้าไปก่อนโดยที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท้าทายตัวเองด้วยการลองทำอะไรใหม่ ๆ เท่าที่จะลองได้ ทุกการเปลี่ยนแปลงจะทำให้คุณได้พบกับประสบการณ์ใหม่ ๆ เสมอ ไม่แน่ว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ อาจจะเปลี่ยนชีวิตคุณแบบก้าวกระโดดไปเลยก็เป็นได้
ไม่ต้องรีบหรือกดดันตัวเอง ทุกอย่างต้องใช้เวลา
ความสำเร็จมิได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน เป้าหมายพร้อม แผนพร้อมก็จริง แต่ลงมือทำปุ๊บจะถามหาความสำเร็จปั๊บเลยไม่ได้ ความเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา คุณจึงต้องให้เวลาตัวเองด้วย ถึงอย่างนั้นก็อย่าวางแผนว่า “จะทำ” อย่างเลื่อนลอยชนิดที่ว่าไม่รู้ว่าจะเริ่มเมื่อไร จะวัดผลลัพธ์เมื่อไร วิธีง่าย ๆ ให้คุณประเมินความสามารถของตนเองแล้วกำหนดกรอบระยะเวลาที่แน่นอนว่าจะให้เป้าหมายนี้เห็นผลภายในเวลาเท่าไร จะช่วยให้การวัดผลลัพธ์ชัดเจนขึ้น หากเป้าหมายใหญ่เกินไป ให้แบ่งย่อยเป็นทีละขั้นตอน ค่อย ๆ ไต่ระดับความสำเร็จไปทีละขั้น จะทำให้คุณเข้าใกล้และบรรลุเป้าหมายได้ง่ายกว่า ทั้งยังเลี่ยงความรู้สึกไม่สมหวังจากการไม่บรรลุเป้าหมายเสียที จนทำให้ล้มเลิกไปกลางคัน