เคล็ดลับวางแผนลดหย่อนภาษี มีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น

สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อเราเป็นผู้ที่มีเงินได้ในระหว่างปีที่ผ่านมาคือ “การเสียภาษี” อย่างที่ทราบกันดีว่ามนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ประจำทุกปี จะต้องยื่นเรื่องเสียภาษี ซึ่งในแต่ละปีสิทธิพิเศษเพื่อลดหย่อนภาษีแตกต่างกันออกไปและต้องอัปเดตใหม่เป็นประจำทุกปี ว่าสามารถใช้สิทธิลดหย่อนอะไรได้บ้าง เพื่อที่จะได้วางแผนและใช้สิทธิให้ตรงกับความต้องการ วันนี้เรามีเคล็ดลับวางแผนภาษีให้เหมาะสม ด้วยการลงทุนเพื่อสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นในอนาคต

สิ่งที่อยากเห็นคือ คนไทยมีความรู้เรื่องของการเงินและมีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้นและปฏิเสธไม่ได้ว่าการวางแผนลดหย่อนภาษี จะสามารถช่วยให้มีเงินเก็บมากขึ้น หากนำเงินนั้นมาลงทุนในกองทุนรวมก็มีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อ และมีเงินเก็บซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตทางการเงินที่ดีในอนาคต

“การวางแผนภาษี” ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ผู้มีรายได้ก็ต้องมีหน้าที่เสียภาษี โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือน ซึ่งปัจจุบันมีเพียงไม่กี่ช่องทางเท่านั้นที่จะสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ไม่ว่าจะเป็น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุน SSF และกองทุน RMF รวมไปถึงประกันชีวิต การวางแผนภาษีได้อย่างเหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญ

วางแผนภาษี Unseen ทุกเม็ด ไม่มีกั๊ก 

ในปีนี้เป็นปีที่จะต้องวางแผนภาษีและบริหารจัดการเงินอย่างเหมาะสม ในความเป็นจริงแล้วการวางแผนการลดหย่อนภาษีควรเริ่มตั้งแต่ช่วงต้นปีจะดีกว่าช่วงปลายปี นอกจากนี้ กฎระเบียบใหม่ของสรรพากรที่ให้ทาง บลจ. ส่งข้อมูลตรงให้กับทางสรรพากรนั้น ยังคงต้องขอความยินยอมจากลูกค้าก่อน แต่เชื่อว่าในปีหน้าน่าจะเห็นข้อมูลส่วนนี้ในระบบ เช่นเดียวกันกับรูปแบบของเงินบริจาค และในระยะยาวจะไม่ต้องเก็บใบหลักฐานเนื่องจากข้อมูลได้ถูกส่งไปในระบบแล้ว สิ่งสำคัญ

การวางแผนและทำความเข้าใจทั้งเรื่องของภาษีและการบริหารพอร์ตการลงทุน เมื่อเลือกซื้อกองทุนใดก็ตามให้มองอีกมุมว่าซื้อไปแล้วได้อะไร เหมาะสมกับเราหรือไม่ ได้ผลตอบแทนที่ต้องการหรือไม่ เพราะควรได้มากกว่าการลดหย่อนภาษี เลือกวางแผนการลงทุนในสิ่งที่เหมาะสมกับเป้าหมายชีวิตของเรามากที่สุด ซึ่งอาจต้องพิจารณาปัจจัยแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นคนข้างหลัง หรือคนที่เราต้องรับผิดชอบชีวิตในอนาคตด้วยเช่นเดียวกัน

วางแผนภาษีด้วยกองทุน เริ่มต้นได้ ง่ายนิดเดียว  

การวางแผนในเรื่องของกองทุนมีข้อได้เปรียบอย่างไรเมื่อเทียบกับการลงทุนในรูปแบบอื่น โดยส่วนตัวแล้วมองว่ากองทุนมีประโยชน์ในแง่ของเงื่อนไขภาษีของกองทุน ซึ่งเป็นเงื่อนไขระยะยาว หากเรามีงบจำกัดและต้องเลือกว่าจะลดหย่อนภาษีด้วยรูปแบบใดนั้น ถ้ามองในแง่ผลตอบแทนอย่างเดียวกองทุนดูมีเสน่ห์ แต่ประกันชีวิตมีในเรื่องของความคุ้มครองที่กองทุนให้ไม่ได้

ดังนั้น หันกลับมามองเป้าหมายการเงินว่าต้องการสิ่งใด ถ้าอยากได้ในเรื่องของผลตอบแทน มองว่ากองทุนสามารถตอบโจทย์ได้ แต่ถ้ามองในเรื่องของผลตอบแทนและความคุ้มครองแล้ว ประกันชีวิตก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นเดียวกันและตอบโจทย์มากกว่า

ส่วนวิธีการเลือกกองทุนนั้น ไม่มีกองทุนใดที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด แนะนำว่าให้กระจายการลงทุน และเอาผลค่าเฉลี่ยออกมาจะได้ค่าเฉลี่ยที่อยู่ตรงกลาง โดยอาจมองหากองทุนที่มีนโยบายที่ดีช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องของการลงทุนได้ ซึ่งกองทุนที่ดีจะมีการลงทุนที่สม่ำเสมอและสามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานได้ ส่วนเป้าหมายก็นับว่าเป็นสิ่งสำคัญ หากมีความรู้ความเข้าใจการลงทุนในระยะยาวก็สามารถตอบโจทย์การลงทุนที่เหมาะกับตัวเองได้

กองทุนเพื่อการลดหย่อนภาษี แบบลงทุนง่าย สบายใจ 

หากเราประเมินภาพรวมการลงทุนในปีนี้นับเป็นปีที่ปราบเซียน ปัญหาที่นักลงทุนมือใหม่เจอ คือ มีกองทุนให้เลือกหลากหลายในตลาด แต่ไม่ทราบว่าจะลงทุนแบบใด สิ่งสำคัญ คือ การทำ Asset Allocation เนื่องจากเราไม่สามารถที่จะลงทุนในสินทรัพย์เดียวและสินทรัพย์นั้นจะดีที่สุดไปตลอด ทุกสินทรัพย์มีความผันผวน ซึ่งธนาคารมีกองทุน ttb smart port (TSP) ที่มาพร้อมกลยุทธ์ “คัด” คัดกองทุนทั่วโลกเข้ามาในพอร์ตให้เรา “จัด” จัดความเสี่ยงของแต่ละกองให้เหมาะกับความเสี่ยงของนักลงทุน “ปรับ” ปรับสัดส่วนการลงทุนกับกองทุนให้เข้ากับสภาวะตลาด ซึ่งเป็นผู้ช่วยให้สามารถบริหารจัดการเงินภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับผู้ที่กังวลเรื่องความเสี่ยงในการลงทุน โดยเฉพาะผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงได้อยากให้มองกองทุนหุ้นโลก ส่วนผู้ที่รับความเสี่ยงได้มากก็สามารถเลือกกองทุนตราสารหนี้โลก ซึ่งมีการกระจายความเสี่ยงได้ สิ่งสำคัญคือการจับจังหวะตลาด รวมถึงการจัดพอร์ต ซึ่งถือเป็นเข็มทิศของการลงทุน ไม่ว่าตลาดจะขึ้นหรือลงก็ตาม ให้คงสัดส่วนการลงทุนตรงนี้ไว้ ปัจจุบันตลาดเริ่มทรงตัวไม่ลงต่ำไปกว่าเดิม โดยในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ตลาดปรับลงมา 33 เปอร์เซ็นต์ และปัจจุบันอยู่ที่ 26-27 เปอร์เซ็นต์ สุดท้ายสิ่งที่อยากฝาก ไม่ว่าจะมองในเรื่องของการวางแผนเพื่อการลดหย่อนภาษีหรือในเรื่องของการลงทุน การวางแผนการจัดพอร์ตการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญมาก

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ขอแนะนำ ทีทีบี สมาร์ทพอร์ต เพื่อการลดหย่อนภาษี (SSF) จะเข้ามาเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ โดยประกอบด้วย 5 โมเดลให้เลือก ได้แก่ ผู้ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ (tsp1-preserver-SSF ลงทุนตราสารหนี้ 100 เปอร์เซ็นต์) ผู้ที่รับความเสี่ยงได้เพิ่มขึ้น (tsp2-nurturer-SSF ลงทุนตราสารหนี้ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ หุ้น 20 เปอร์เซ็นต์) ผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง (tsp3-balancer-SSF ลงทุนตราสารหนี้ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ มีหุ้น 50 เปอร์เซ็นต์) และผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง (tsp4-explorer-SSF ลงทุนตราสารหนี้ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ หุ้น 70 เปอร์เซ็นต์) และผู้รับความเสี่ยงได้สูงมาก (tsp5-gogetter-SSF ลงทุนหุ้นประมาณ 100 เปอร์เซ็นต์)

เนื่องด้วยปีภาษี 2565 กรมสรรพากรกำหนดให้ผู้ลงทุนในกองทุน RMF และ SSF ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ที่ต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีกองทุน SSF และ RMF ต้องแจ้งความประสงค์ขอใช้สิทธิลดหย่อนภาษีให้ บลจ. ที่ซื้อหน่วยลงทุนทราบ โดยหากไม่แจ้งความประสงค์ขอใช้สิทธิลดหย่อน ผู้ลงทุนจะเสียสิทธิในการลดหย่อนภาษี SSF/RMF ในปี 2565 โดยเมื่อ บลจ. ได้รับแจ้งจากผู้ลงทุนในเรื่องดังกล่าวแล้ว บลจ. จะนำส่งข้อมูลให้แก่กรมสรรพากรต่อไป สำหรับผู้ลงทุนที่ซื้อกองทุนรวม SSF/RMF ผ่านธนาคาร สามารถแจ้งความประสงค์ขอใช้สิทธิลดหย่อนผ่านทางช่องทางออนไลน์ โดยสามารถลงทะเบียนภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2565 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง https://www.ttbbank.com/mutual-funds/tax-amc

ชมงานสัมมนา วางแผนภาษี Unseen ไม่มีกั๊ก” ย้อนหลังได้ทาง https://www.ttbbank.com/taxunseen