นับถอยหลังเวิลด์คัพ 2022 ใกล้จะเริ่มต้นขึ้นทุกที หนึ่งในทีมขวัญใจมหาชนชาวไทยนั่นคือ “สิงโตคำราม” คงไม่ต้องย้ำหรอกนะครับ ทีมชาติอังกฤษนั้นรอคอยแชมป์ฟุตบอลโลกมาอย่างยาวนานขนาดไหน นับตั้งแต่ปีค.ศ.1966 เกินกว่าครึ่งศตวรรษเข้าไปแล้วนั่นล่ะ เที่ยวนี้ได้รับการอุปโลกน์ให้เป็นเต็ง 3 ร่วมกับอาร์เจนตินา แต่พวกเขาพร้อมแค่ไหนสำหรับเวิลด์คัพหนนี้?
ที่ผ่านมาทีมผู้ดีทำได้แค่ใกล้เคียง ครั้งล่าสุดปี 2018 ของแกเร็ธ เซาธ์เกตต์ทำเซอร์ไพรส์สุด แต่สุดท้ายก็ต้องพลาดท่าเสียทีให้กับโครเอเชีย ไม่รู้เป็นอย่างไรพอเจอทีมแทคติคดีและมีกลยุทธ์ลึกล้ำทีไร “สิงโตคำราม” มักจะตกม้าตายทุกที เช่นเดียวกับนัดชิงยูโรฯ ปีที่แล้วซึ่งพลาดท่าให้กับอิตาลี
แน่นอนการเดินทางไปกาตาร์ครั้งนี้ แฟนบอลคาดหวังเอาไว้เยอะ แม้ประกาศรายชื่อ 26 คนสุดท้ายออกมา กุนซือจะถูกวิพากษ์วิจารณ์พอสมควร
จุดแรกคือที่เกมรับ ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันไม่ค่อยจะเข้ารูปเข้ารอย มีนักเตะฟอร์มตกกันหลายคน ตั้งแต่ แฮร์รี่ แม็คไกวร์, จอห์น สโตนส์ รวมทั้ง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ที่อุตส่าห์ติดไปด้วย ทั้ง ๆ ที่การเล่นกับต้นสังกัดในเกมป้องกันยังมั่วซั่วเหลือเกิน
แถมนายใหญ่ยังเลือกแบ็กขวาไปตั้ง 4 คนคือ เคียแรน ทริปเปียร์, เทรนต์, ไคล์ วอล์คเกอร์ และเบน ไวท์ แต่แบ็กซ้ายดันหนีบเอา ลุค ชอว์ ไปเพียงแค่รายเดียวเท่านั้น
เดี๋ยวฉุกเฉินต้องดึงปีกอย่าง ซาก้า ลงไปเล่นวิงแบ็กให้โดนด่ากันอีก!
อีกประเด็นคือการเอาผู้เล่นที่ไม่สมบูรณ์ ไม่ค่อยได้เป็นตัวจริงกับสโมสรอย่าง คาลวิน ฟิลลิปส์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และแฮร์รี่ แม็คไกวร์ ติดทีมไปด้วย อาจเป็นบุญเก่าหรือเพราะ เซาธ์เกตต์ ไม่กล้าตัดสินใจ
น่าเห็นใจเพราะบอลลีกอังกฤษนั้นแข่งขันกันในสไตล์ดุเดือด เล่นแบบรวดเร็วกว่าลีกอื่น ๆ หนำซ้ำโปรแกรมนอกจากบอลถ้วยยุโรปแล้วยังมีบอลถ้วยที่ 3 ภายในประเทศอย่างลีกคัพ เข้ามาแทรกด้วย เรียกว่านักเตะต้องกรำศึกกันตั้งแต่ต้นฤดูกาลจนระบมไปหมด
รอบแรก “สิงโตคำราม” อยู่ในกลุ่มบีร่วมกับอิหร่าน, เวลส์, สหรัฐอเมริกา หวังว่าจะผ่านเข้ารอบแบบสบาย ๆ ไม่บอบช้ำ เพื่อให้เซาธ์เกตต์และลูกทีมมีเวลาตั้งตัวก่อนจะเข้าไปสู่รอบลึก ๆ ซึ่งต้องโรมรันพันตูใช้พลังงานมหาศาลกับทีมระดับโลกชนิดมียืดเยื้อ
นั่นคือรวม ๆ ที่ถูกตั้งประเด็น แต่อย่าลืมว่าอังกฤษก็ยังมีจุดแข็ง นั่นคือความหวังตลอดกาลอย่างแฮร์รี่ เคน ยอดดาวซัลโวที่ยังยิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง เซาธ์เกตต์ ยังมีเพลย์เมกเกอร์หรือปีกตัวเปิดป้อนทั้ง แจ็ค กรีลิช, ฟิล โฟเด้น, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, บูกาโย่ ซาก้า และเมสัน เมาท์ ซึ่งอันตรายและมากมายกว่าทีมอื่นนัก แถมด้วยมิดฟิลด์ดี ๆ ซึ่งขยันและตัดเกมได้ดีอย่าง เดแคลน ไรซ์ กับ จู๊ด เบลลิ่งแฮม
สำคัญว่าถึงเวลาจริงแล้วจะเอาจุดเด่นเหล่านี้มาจัดการคู่ต่อสู้ได้ขนาดไหน? ขึ้นอยู่กับ แกเร็ธ เซาธ์เกตต์ ผู้จัดการทีม คราวนี้ควรเอาแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่ต้องยืดเยื้อไปล่อเป้าดวลโทษกับใครอีก
แฟนสิงโตไม่อยากช้ำใจเพราะการดวลจุดโทษอีกแล้วครับ!