คนไทยเมื่อไหร่จะมีเงินออม?

อ่านข่าวคนไทยมีหนี้ครัวเรือนเป็นอันดับต้นๆของโลก แถมเฉียดครึ่งประเทศมีรายได้ต่ำไร้เงินออมแล้วปวดตับ เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไงเนี่ย!?!

ทำไมยิ่งพัฒนาคนยิ่งเป็นหนี้ ประเทศก็ยิ่งเป็นหนี้ เราอยากจะวิ่งตามคนอื่นเขาให้ทันโดยไม่ได้พิจารณาศักยภาพหรือความถนัดของตัวเอง หรือเราเดินผิดทาง

สถิติที่นิด้าเก็บมาล่าสุดบอกว่าคนไทยเกือบครึ่งรายได้พอๆกับรายจ่าย หมุนเดือนชนเดือน ภาษาบ้านๆเรียกว่า “ชักหน้าไม่ถึงหลัง” ก็ได้

น่าเห็นใจพี่น้องบ้านเราหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่เพิ่งเริ่มทำงานได้ไม่นาน เงินเดือนยังไม่มาก แต่ตัดสินใจออกรถเพราะคิดว่าไม่สามารถพึ่งบริการรถสาธารณะได้ ต้องรับผิดชอบเงินผ่อน แถมมีค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ค่าประกัน และค่าดูแลรถตามระยะทาง กลายเป็นภาระที่หนักอึ้งก่อนวัยอันควร

ส่วนประเภทที่ตกเป็นทาสบัตรเครดิต เพราะขยันรูดไปเที่ยวบ้าง กินดื่มบ้าง ซื้อของฟุ่มเฟือยให้ทัดหน้าเทียมตาคนอื่น อันนี้ไม่เห็นใจ

สุดท้ายพอตกอยู่ในวงจรอุบาทว์คือทำงานถึงทุกสิ้นเดือน รายจ่ายมากกว่ารายได้ บัญชีส่วนตัว“ติดลบ”ต้องวิ่งไล่ตามทุกเดือน ชีวิตตกอยู่ในความเครียด ไม่มีอิสระทางการเงินใดๆทั้งสิ้น

เชื่อว่าผู้ที่อ่านอยู่นี้หลายท่านอาจจะเคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ผมเองก็เคย วัยรุ่นใช้เงินเก่ง แต่ยังดีที่ชอบทำงานพิเศษ พออายุขึ้นเลขสาม รายได้ก็เริ่มไล่แซงรายจ่าย สิ่งสำคัญที่สุดก็คือต้องมีวินัยในการใช้เงิน และวางแผนการใช้จ่ายในแต่ละเดือนอย่างละเอียด

บางคนเขาละเอียดถึงขนาดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายของตัวเองในแต่ละเดือนกันเลยทีเดียว นั่นก็ยิ่งเป็นเรื่องดี ถ้าจำได้สมัยก่อนมีอยู่ช่วงหนึ่งทางการเราก็เคยรณรงค์ให้ประชาชนทำบัญชีส่วนตัวในแต่ละเดือน จะได้รู้แต่ละเดือนตัวเอง ใช้จ่ายอย่างไรบ้าง

เพื่อนรุ่นน้องผมคนหนึ่งก็เคยใช้สูตรนี้ครับ เผยว่าแรกๆทำลำบากมาก แต่พอเริ่มเห็นเงินเก็บในบัญชีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คราวนี้เริ่มกลายเป็นเสพติดการออมเงิน ประกอบกับเป็นคนขยันหา เดี๋ยวนี้เลยสบายมีเงินเก็บเป็นล้านไปแล้ว โชคดีที่กลับตัวทัน

การออมเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นทั้งหลักประกันในชีวิตและเครดิตทางการเงินที่ดี จะทำอะไรต่อก็ง่าย ไม่ว่าระดับครอบครัวหรือระดับประเทศก็ควรสอนให้คนเริ่มต้นด้วยการออมก่อนที่จะทำการกู้เพื่อซื้อของต่างๆเช่น รถและบ้าน ถึงเวลาจะได้ไม่ต้องกู้หนี้ยืมสินดอกเบี้ยแพงๆนอกระบบ เพื่อมาใช้ดอกหนี้เก่าอีกทีวนเวียนกันเป็นวงจรอุบาทว์

เกิดกรณีฉุกเฉินเดือดร้อนขึ้นมา ไม่มีอะไรมีคุณค่ามากไปกว่าเงินสดที่คุณเก็บไว้อีกแล้ว ฝรั่งเขาถึงมีประโยคที่ว่า “Cash is King” ไงครับ.