Love in Contract สัญญารักที่สุดจะวุ่นวายและป่วนหัวใจ

ชีวิตของคนวัยทำงานเนี่ยมักมีอะไรที่น่าตื่นเต้นและระทึกขวัญมาเซอร์ไพรส์ได้ทุกวันเลยว่าไหม? เพราะการใช้ชีวิตประจำวันทุกวันนี้ไม่ใช่แค่ทำงานจนโงหัวไม่ขึ้น ไปพร้อม ๆ กับการต้องอดรนทนอยู่กับคุณภาพชีวิตดี ๆ ที่ลงตัวทั้งเช้า-เย็นเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของ “ความสัมพันธ์” ในหลาย ๆ รูปแบบที่ชวนปวดหัวชะมัด วันดีคืนดีก็จะเจอเข้ากับคนที่รู้จักกันในรูปแบบหนึ่งมาถามว่า “มีแฟนหรือยัง เมื่อไรจะแต่งงาน” บอกตรง ๆ ว่าไม่ได้มีปัญหากับการที่จะตอบออกไปอย่างภาคภูมิใจว่า “ยังไม่มี ไม่เคยคิดจริงจังที่จะมี และชีวิตนี้ขอไม่แต่งงาน”

แต่จะมีปัญหาก็ตรงที่จะต้องมานั่งอธิบายขยายความคำตอบที่ตัวเองตอบออกไปมากกว่า ก็เข้าใจได้ว่าคนหลายคนอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีคนประเภทที่ไม่คิดจะมีแฟนหรือไม่อยากแต่งงานอยู่บนโลกใบนี้ด้วย แต่ทำไมเคราะห์กรรมถึงต้องมาตกอยู่กับคนกลุ่มนั้นที่จะต้องมานั่งแจงถึงเหตุผลนั้นด้วย เพราะว่าดูแปลกประหลาดกับความคิดและความต้องการแบบนั้นเหรอ ไม่มั้ง! เดี๋ยวนี้มีคนจำนวนมากเลยล่ะที่มีความคิดแบบนี้ โสดแบบเต็มใจไม่ใช่เรื่องแปลกซะหน่อยในยุคนี้สมัยนี้อะ

ภาพจาก FB : tvN drama

ก็นะ บางทีคนเราก็ยุ่งเรื่องของคนอื่นมากเกินไปหน่อย และด้วยความที่ยังมีคนมองว่าความโสดเป็นเรื่องผิดปกติ การไม่แต่งงานเป็นเรื่องแปลก ก็จึงมักจะคาดหวังให้ใครต่อใครเขาแต่งงานมีชีวิตคู่กัน ถ้าอย่างนั้นมันก็คงจะดีถ้าชีวิตจริงจะมีบริการ Love in Contract แบบในซีรีส์สัปดาห์นี้ดูบ้าง การแต่งงานปลอม ๆ มีสามีภรรยาหลอก ๆ แบบตัวละครในซีรีส์เรื่องนี้ มันคงจะดีไม่น้อยที่มีมืออาชีพแบบนางเอกของเรื่องที่มารับจ้างแต่งงาน การเป็นภรรยาปลอม ๆ ของเธอสามารถช่วยชีวิตหนุ่มโสดจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดได้มานักต่อนักแล้ว

ทว่าเวลานี้การทำงานของนางเอกเริ่มมีปัญหาใจ จากหนุ่มลึกลับลูกค้าเก่าที่ใช้บริการของเธอมาอย่างยาวนานถึง 5 ปีและมีสัญญาพิเศษระยะยาวในวันจันทร์ พุธ และศุกร์ กับลูกค้าใหม่ที่เป็นนักแสดงระดับซูเปอร์สตาร์ เขาก็ต้องการเซ็นสัญญาระยะยาวกับเธอเช่นกัน โดยเลือกวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ ซึ่งปกติเป็นเวลาสำหรับลูกค้าระยะสั้น แถมยังเป็นช่วงเวลาที่เธอจะวางมือจากอาชีพนี้แล้วด้วย มาดูกันว่าต่อจากนี้ เธอจะจัดการกับลูกค้าหนุ่มหล่อทั้งสองอย่างไร เธอจะควบคุมความสัมพันธ์โรแมนติกนี้ให้เป็นแค่เรื่องงานเท่านั้นได้นานแค่ไหน และสุดท้ายแล้ว วันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุดของเธอ เธอไม่เคยใช้ชีวิตร่วมกับใคร หนึ่งในสองหนุ่มจะต้องมาเปิดศึกชิงกันหรือเปล่า

เขาเป็นทุกอย่างที่พ่อฝันอยากให้ลูกชายเป็น แต่เขารู้ว่าตัวเองเป็นเกย์

ถ้าจะมีใครสักคนที่จำเป็นต้องว่าจ้างให้นางเอกมาแต่งงานด้วย เราก็คงจะลืมคนกลุ่ม LGBT ไปไม่ได้หรอกถูกไหม ผู้ชายที่เราเห็นจากภายนอกว่าเขาเป็นผู้ชาย แต่ถ้าไม่รู้จักกันเราก็ไม่รู้ว่าจิตใจข้างในเขาเป็นอย่างไร การมีตัวตนอยู่ของคนกลุ่มนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเขายังต้องปกปิดมันไว้ จากทั้งสังคมและครอบครัว พูดง่าย ๆ ก็คือ ยังมีคนอีกเป็นจำนวนมากที่ต้องปกปิดเพศที่ตัวเองเป็นจากครอบครัว เพราะรู้ดีว่าครอบครัวจะรับไม่ได้ที่เพศสภาพภายนอกไม่ตรงกับเพศวิถีจากภายใน ซึ่งการเป็นลูกชายก็ต้องหาผู้หญิงมาแต่งงานเข้าบ้าน “สะใภ้” คือความคาดหวังของพ่อแม่

ภาพจาก FB : tvN drama

ปัญหาหนึ่งที่เราจะเห็นจากซีรีส์เรื่องนี้ก็คือ นางเอกมีอดีตลูกค้าคนหนึ่งที่เธออยากช่วยเหลือจริง ๆ ลูกค้าที่ทำให้เธอคิดได้ว่าเรื่องเงินก็ไม่ใช่ทุกอย่างเสมอไป เพราะลูกค้าคนนี้เป็น “ลูกชายคนเดียว” ในครอบครัวที่มีลูกสาวหลายคน พ่อที่คาดหวังจะได้ลูกชายมาตลอดแต่ก็มีแต่ลูกสาว มันคงเป็นความรู้สึกแบบหวังลม ๆ แล้ง ๆ ที่แย่พอสมควร จนในที่สุดก็มีเด็กผู้ชายมาเกิดเป็นสมาชิกคนสุดท้ายของครอบครัว ถึงขั้นที่ตั้งชื่อให้ลูกชายคนนี้ว่า “แสงสว่าง” แน่นอนว่าความฝันอันยิ่งใหญ่เป็นจริงแล้ว ก็คงไม่แปลกที่เด็กผู้ชายคนนี้จะได้รับความรักที่มาพร้อมความคาดหวังอย่างท่วมท้นมหาศาล เพราะพ่อแม่รอมานาน รอจนเคยคิดว่าชาตินี้จะไม่มีลูกชายแล้ว

ภาพจาก FB : tvN drama

เพราะเป็นลูกที่พ่อแม่รอมานาน เขาจึงเป็นคนที่ได้รับความสนใจจากพ่อแม่มากกว่าพี่สาว (จะมีฉากที่พ่อเอากรอบรูปของลูกสาว 3 คนที่ถ่ายตอนเป็นเด็กลง เพื่อเอาภาพของลูกชายคนเดียวมาวางแทน) เขาได้ทำทุกอย่างที่พ่อแม่คาดหวังอยากให้ลูกชายเป็น ทั้งเล่นเทควันโด เป็นลูกเสือ เล่นฟุตบอล ต่อยมวย และเป็นนาวิกโยธิน แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้ตัวเองว่าตัวเองเป็นเกย์ ซึ่งเขาก็ไม่เคยกล้าพอที่จะสารภาพออกมา เขาเลยจำเป็นที่จะต้องมาหาภรรยาแค่ในนาม เพื่อจัดงานแต่งงานให้พ่อแม่ได้ชื่นใจ และสมหวังกับการมี “สะใภ้” เพียงหนึ่งเดียวในบ้าน แม้ว่าในเวลานี้การแต่งงานหลอก ๆ ครั้งนั้นจะสิ้นสุดลงแล้ว และอดีตสามีภรรยาปลอม ๆ นี้จะเป็นเพียงรูมเมตกัน

แน่นอนว่าการเป็นคนที่มีความหลากหลายทางเพศไม่ใช่เรื่องผิดหรอก ในแง่ของการที่เป็นสิ่งที่คนเราเลือกที่จะมีชีวิตในแบบที่เราเป็นได้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้คนที่เขาไม่ยอมรับและมองว่ามันเป็นเรื่องผิดปกติจะยอมรับและเข้าใจได้ โดยเฉพาะครอบครัว มีคนหลายคนที่มีอันต้องตัดขาดจากครอบครัวเพราะพ่อแม่รับเรื่องนี้ไม่ได้ คนเป็นลูกก็เสียใจแต่ก็ไม่อยากโกหกตัวเอง คนเป็นพ่อแม่ก็เจ็บปวดที่ลูกเป็นอย่างที่ตัวเองคาดหวังไม่ได้ ถ้าเลือกที่จะไม่ยอมรับ ไม่เข้าใจ ปิดกั้นความจริงในสิ่งที่ลูกเป็น มันก็จะลงเอยด้วยความทุกข์ทรมานแบบนี้

การแต่งงาน ที่ไม่จำเป็นต้องมีความรัก มองให้มันเป็นธุรกิจอย่างหนึ่ง

โลกนี้มีธุรกิจอยู่มากมายหลายอย่างที่มีขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาให้กับคนที่มีปัญหา เพื่อให้ตอบโจทย์ชีวิตที่มีช่องโหว่จากเรื่องนั้น ๆ เช่นเดียวกันกับการแต่งงาน ที่แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้อยากแต่ง อาจจะไม่มีปัญหาที่ตัวเองต้องอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิตทั้งที่ไม่ได้แต่งงานด้วยซ้ำ แต่กลับเป็นปัญหาตรงที่คนอื่น ๆ คาดหวังให้พวกเขาต้องแต่งงาน การอยู่เป็นโสดของใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับตัวพวกเขาเอง แต่คนอื่นดันมีปัญหาที่พวกเขายังโสด

ภาพจาก FB : tvN drama

เป็นที่มาของพล็อตของซีรีส์เรื่องนี้ ที่ทำให้เกิดอาชีพแปลกใหม่ขึ้นมา นั่นก็คือ “อาชีพรับจ้างแต่งงาน” โดยนางเอกของเราก็รับบทเป็น “เจ้าสาวอาชีพ” ที่มีความเป็นมืออาชีพขั้นสุด เพื่อตอบโจทย์ชีวิตของชายโสดที่จำเป็นต้องมีภรรยาเฉพาะกิจ เธอจึงต้องสวมบทเป็นภรรยาปลอม ๆ ให้กับพวกเขาเหล่านั้น การแต่งงานหลอก ๆ นี้มีทั้งแบบที่รับจ้างรายครั้ง แค่สวบบทเป็นภรรยาเดินควงแขนให้โลกรู้ว่าชายผู้นี้มีภรรยาแม้กระทั่งการเข้าพิธีแต่งงาน สวมแหวนจดทะเบียนสมรส หรือจะเป็นแบบผูกสัญญาระยะยาวก็ได้ตามแต่ตกลงและกำลังทรัพย์ที่สามารถจ่ายค่าจ้างได้ หากจดทะเบียนสมรส ทะเบียนก็จะยังอยู่ตราบเท่าที่ผู้จ้างยังจ่ายเงิน

นางเอกเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ทำงานนี้มานานถึง 13 ปี จัดการเป็นธุรกิจนี้แบบมืออาชีพ (มีแหวนแต่งงานสำหรับลูกค้าแต่ละคน ซึ่งแสดงความเป็นมืออาชีพของเธอ) รู้จักบริหารผลตอบแทนให้เป็นธุรกิจที่ได้กำไรสูงปรี๊ดแต่ความเสี่ยงต่ำ ตัวเธอก็ได้ค่าจ้างตามสัญญา ส่วนลูกค้าก็แฮปปี้จากการที่มีภรรยาอย่างเธอเข้ามาช่วยเขาให้ผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากได้สำเร็จโดยดี หากแต่ความเสี่ยงในธุรกิจนี้ก็มีเพียงแค่ชีวิตส่วนตัวของเธอเท่านั้นเอง เธอจึงกลายเป็นผู้ช่วยมากความสามารถและเชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้กับเหล่าชายโสดที่ต้องการภรรยาในสถานการณ์ต่าง ๆ “ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ก็มีชายโสดจำนวนมากที่ต้องการภรรยา”

ภาพจาก FB : tvN drama

แต่เวลานี้อายุเธอเข้าสู่เลข 3 แล้ว จนเริ่มมีความคิดว่าพอใจกับชีวิตตัวเองแล้ว และคิดที่จะเกษียณตัวเองจากงานนี้เสียที การที่ได้เอกสารที่แสดงว่าผ่านการหย่ามาถึง 12 ครั้งทั้งที่อายุเพียงยี่สิบปลาย ๆ มันก็เป็นเหมือนกับสมุดรายงานผลการเรียน ที่แม้จะไม่มีความหมายอะไร แต่มันก็ทำให้เธออารมณืไม่ดีได้เรื่อย ๆ แถมยังเจอกับคนที่ชอบยุ่งเรื่อชาวบ้านที่จำหน้าเธอได้ จึงถึงเวลาแล้วที่เธอต้องเกษียณตัวเอง ถึงอย่างนั้น ลูกค้าหลักที่เธอแต่งงานด้วยมานานถึง 5 ปี ก็ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองได้ผ่อนคลายที่สุดในบรรดาลูกค้านับร้อยคนที่เธอแต่งงานด้วย และในเวลานี้เธอจำเป็นต้องบอกเขาเรื่องยกเลิกสัญญา เพราะเธอก็อยากจะมีชีวิตเป็นของตัวเองอีกครั้งเหมือนกัน

ประตูค่ะที่มันพัง แต่ห้องน่ะปกติดี เพราะเห็นว่าประตูมันพัง ผู้คนเลยพากันหนี

ด้วยความที่ซีรีส์มันจั่วหัวมาแต่แรกว่าเป็นแนวโรแมนติกคอเมดี้อะเนอะ คนดูก็คงคาดหวังเรื่องความฮามาเป็นที่ 1 อยู่แล้ว ยิ่งได้พัคมินยอง ที่ใคร ๆ ก็เรียกนางว่าเป็นเจ้าแม่รอมคอมมาเป็นนางเอกด้วย ตัวซีรีส์มันก็ดูจะฮาในตัวเอง ดูแล้วไม่ต้องนั่งกำกระปุกพาราเหมือนซีรีส์ล็อตก่อน ๆ ที่เพิ่งจบไป แต่เอาเข้าจริงนี่กลับคิดว่าประเด็นดราม่าของเรื่องก็ไม่ได้เบาเลยนะ การผูกโยงตัวละครต่าง ๆ เข้ากันไว้มันดูเป็นคอเมดี้ก็จริง แต่น่ากลัวว่าช่วงที่ดราม่านำจะขำกันไม่ออกน่ะสิ

ภาพจาก FB : tvN drama

ในอีพีที่ 4 ตัวละครหลักเผยปมเบื้องหลังของตัวเองออกมาหมดแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องปัญหาในการเข้าสังคมของพระเอกที่น่าจะมีที่มาจากบาดแผลในใจ ความเป็นมาในอดีตของนางเอก ผู้ซึ่งดูเป็นลูกคุณหนูและถูกเลี้ยงมาเพื่อให้เป็นเจ้าสาวของใครสักคน แต่กลับมาทำงานหาเลี้ยงตัวเองแบบนี้ และพฤติกรรมของพระรองที่พยายามจะตัดขาดจากครอบครัวตระกูลแชโบล (ตระกูลมหาเศรษฐีที่มีกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ มีอิทธิพลด้านการเงิน การค้า และการลงทุน) ของตัวเองมาใช้ชีวิตในฐานะนักแสดงธรรมดา ๆ กับแมวหนึ่งตัวที่ไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้ ไม่คิดเหมือนกันเหรอว่าตอนเฉลยปมทั้งหมดนี่ก็น่าจะหน่วงไม่ใช่เล่น

อย่างล่าสุด พระเอกมีอันต้องเปิดเผยความลับของตัวเองต่อหน้านางเอก ภรรยาสัญญาจ้างกว่า 5 ปีของเขาด้วยสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะโอเคเท่าไร เรียกว่าจังหวะนรกเลยก็ได้ เมื่อเขาบังเอิญเจอเข้ากับเจ้านายที่ที่ทำงานในสถานที่ที่ไม่ใช่ที่ทำงาน ผู้ซึ่งคอยกังวลและตำหนิเกี่ยวกับบุคลิกภาพของเขาที่ไม่ค่อยจะสนใจผู้คนรอบตัวเท่าไรนัก การเข้าสังคมแบบที่ไม่สนใจสังคมจนดูเหมือนพวกที่มีบุคลิกต่อต้านสังคม อันที่จริง เขาแค่ไม่ถนัดที่จะ “แสดง” เพื่อปรับตัวเข้าหาคนอื่น หรือมันมีเรื่องเบื้องลึกเบื้องหลังที่เป็นแผลในใจอยู่กันแน่

ภาพจาก FB : tvN drama

สำหรับนางเอกที่ทำงานเป็นภรรยาสัญญาจ้างให้พระเอกมานานถึง 5 ปี ก็ไม่เคยรู้เรื่องเบื้องหลังอะไรของเขาเท่าไร จนกระทั่งเริ่มรู้สึกว่ากับเขาไม่เหมือนกับลูกค้าคนอื่น ๆ ของตัวเอง จึงเริ่มที่จะสนใจในตัวพระเอกทีละนิด ๆ อยากรู้เรื่องราวในชีวิตของเขาให้มากกว่าสิ่งที่เขาอยากให้รู้ แต่จากการนั่งกินมื้อเย็นกับเขาสัปดาห์ละ 3 วันมานาน 5 ปี เธอก็ตระหนักว่าเขามีปัญหาที่บุคลิกภาพภายนอกมากกว่าบุคลิกภาพภายใน นางเอกจึงเรียกมันว่า “ประตู” ประตูที่พัง เป็นเหตุให้ผู้คนพากันหนี โดยไม่มีใครคิดที่จะ “เปิดประตู” เข้าไปดูว่าในห้องมันก็ปกติดี

เพราะคนเราที่เดินสวนกันไปมา เห็นกันได้ชัดเจนที่สุดก็คือภายนอกนี่แหละ โดยเฉพากับคนแปลกหน้า ถ้าภายนอกดูเป็นปัญหา ก็โดนตัดสินกันได้ง่าย ๆ ที่ภายนอกนี่แหละ จริง ๆ แล้วมันอาจไม่ใช่เรื่องของการเหยียด การบูลลี่ หรือการดูถูกอะไรหรอก แต่มันเป็นสัจธรรม มันเป็นเรื่องของกำแพงที่คนเราสร้างขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองรู้สึกปลอดภัย ถ้าเจอเข้ากับคนที่บุคลิกภายนอกดูไม่น่าไว้ใจ คนเราก็เลือกที่จะปกป้องตัวเองอยู่แล้ว เพราะมนุษย์เราชอบในสิ่งที่ตนเองควบคุมได้ สิ่งแวดล้อมรอบข้างก็เป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องการควบคุมเช่นกัน กับคนที่ดูแล้ว “ประตูพัง” เป็นใครก็หนีไว้ก่อน

จริงอยู่ที่ว่าคนเราไม่ควรจะตัดสินใครต่อใครที่ภายนอก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ใช่ไหมล่ะว่าทุกคนต่างก็มองกันที่บุคลิกภายนอกก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งถ้าไม่เชิญชวนให้ประทับใจ ก็ไม่มีใครอยากจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงไปมากกว่านี้ “ประตูที่พัง” ทำให้ผู้คนไม่กล้าลองเปิดเข้าไปดูข้างใน และก็จะไม่มีใครรู้ว่าข้างในมันก็ปกติธรรมดาดีทุกอย่าง ถ้าพระเอกยังคงสร้างกำแพงหนาโดยมีแค่ประตูพัง ๆ ให้เปิดเข้าไป ก็จะไม่มีใครกล้าเสี่ยง เขาก็จะอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ต้องเริ่มที่จะ “ซ่อม” ประตูก่อน ดูเหมือนว่านางเอกจะทำให้เขาเปิดใจที่จะซ่อมประตูแล้ว

ภาพจาก FB : tvN drama

แต่จะว่าไป ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่าสถานการณ์ (จริง ๆ) ของพัคมินยองจะไม่มีปัญหาอะไรตามมาจนทำให้ซีรีส์ Love in Contract นี้โดนระงับฉายกลางคัน แต่คิดว่าเรื่องไม่ได้มีอะไรน่าห่วงขนาดนั้น เพราะสถานการณ์ล่าสุดต้นสังกัดก็ออกมาปฏิเสธแล้วและเธอก็กำลังโฟกัสอยู่กับการถ่ายซีรีส์เรื่องนี้ด้วย อ้อ! ถ้าใครยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ลองไปตามข่าวดูก่อนได้ ก็จะรู้ว่าล่าสุดนางเอกของเราเจอเข้ากับเรื่องไม่สู้ดีเท่าไรนักในชีวิตจริงของเธอ

ดังนั้น ถ้าถามว่าซีรีส์เรื่องนี้คุ้มค่าแก่การดูไหม เพราะคอซีรีส์จำเป็นต้องหาโหลดแอปฯ ใหม่ (Amazon Prime Video) มาใช้กันอีกแล้ว ราคาก็แอบแรงด้วย มีให้ใช้ฟรี 7 วัน ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายสมัครทิ้งไว้เลยก็ได้น่าจะได้ใช้อีกเร็ว ๆ นี้ เดี๋ยวก็มีเรื่องอื่น ๆ มาลงตาม ส่วนซีรีส์น่ะ ส่วนตัวคิดว่าดูเถอะสนุกและน่ารักดี แม้ว่ามันจะเป็นซีรีส์รอมคอม แต่มันก็ให้อะไรหลายอย่างในเวย์ของมัน โดยเฉพาะเรื่องราวที่มันเชื่อมโยงกับชีวิตจริงของใครหลายคนที่อายุเข้าสู่ช่วงที่ควรแต่งงานได้แล้ว ได้มุมมองและข้อคิดหลายเลย เอาดี ๆ นะแค่เข้าไปดูความสวยแบบฟุ่มเฟือยของพัคมินยองก็คุ้มแล้ว ผู้หญิงด้วยกันยังมองว่าเธอเป็นคนที่สวยจัดเลย👰