
ไม่รู้ว่ามีใครรู้สึกเหมือนกันบ้างหรือไม่ ว่าช่วง 4-5 เดือนมานี้ Netflix ถือลิขสิทธิ์ซีรีส์ใหม่ ๆ ที่น่าดูเอาไว้เกือบหมดเลย ในขณะที่ Disney+ Hotstar ก็เริ่มมาแรงตีคู่ขึ้นเรื่อย ๆ แบบว่าซีรีส์เกาหลีซับไทยที่มาใหม่ ถ้าไม่ลง Netflix ก็ลง Disney+ ส่วนเจ้าอื่นก็พอมีประปราย แอปฯ สตรีมอื่นก็ไม่ถึงขั้นร้างคอนเทนต์ใหม่ขนาดนั้นหรอก แต่สัดส่วนก็น้อยกว่าเมื่อเทียบกับพี่ Netflix
ไม่ใช่อะไรหรอก Netflix น่ะรำคาญความที่มันแคปหน้าจอไม่ได้ เวลาที่ในเรื่องมีบทพูดที่ลึกซึ้งกินใจ หรือบทสนทนาดี ๆ ที่ดูแล้วอยากแคปเก็บไว้ จะไปหาดาวน์โหลดแอปฯ ตัวช่วยแคปหน้าจอมาใช้ก็ใช่เรื่อง เลยต้องจำออกมาพิมพ์เก็บไว้บ้าง หรือปล่อยมันผ่านไปบ้าง ถ้าอยากได้แพชชันหรือกำลังใจก็ไว้ค่อยย้อนกลับมาดูอีกที
สำหรับซีรีส์ในสัปดาห์นี้ก็ยังคงวนเวียนหากินอยู่ใน Netflix นี่แหละ เพราะเมื่อช่วงต้นเดือนมีซีรีส์ใหม่เข้าเพียบเลย แต่ตาก็มีอยู่แค่ 2 ตา กับเวลา 24 ชั่วโมงที่มีงานการทำ ก็เลยไม่ค่อยมีเวลาให้ซีรีส์เท่าไรนัก ทำได้แค่เก็บเข้าคลังไว้ก่อน ซีรีส์เรื่อง Once Upon a Small Town หรือชื่อภาษาไทยว่า บันทึกรักในเมืองเล็ก เป็นเรื่องที่ตั้งใจว่าจะต้องดูให้ได้ตั้งแต่ที่เห็นว่าใครมารับบทนำในเรื่องบ้าง แค่นางเอกได้ “น้องจอย Red Velvet” มาก็น่าดูแล้ว ส่วนพระเอกเรื่องนี้ “ชูยองอู” ก็ขยับขึ้นมาจากบทพระรองได้เสียที เชียร์มานานแล้ว ส่วนพระรองของเรื่องนี้ “แบคซองชอล” ก็คาดหวังว่าจะได้ขึ้นมาเป็นพระเอกเต็มตัวในเร็ว ๆ นี้เสียที

Once Upon a Small Town เป็นซีรีส์แนวโรแมนติกฟีลกู๊ด เล่าถึงเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวที่เกิดขึ้นในชนบทเล็ก ๆ ฉากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ในชนบท เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อสัตวแพทย์หนุ่มประจำคลินิกใหญ่ในกรุงโซล ได้รับโทรศัพท์จากสายปริศนา ดูเหมือนว่าปลายสายจะแจ้ง “ข่าวร้าย” ให้เขาได้ยิน เขาจึงรีบขับรถบึ่งจากเมืองหลวงมุ่งหน้าหมู่บ้านฮีดง ซึ่งอยู่ในเขตชนบทโดยทันที
ทว่าเมื่อเดินทางไปถึงที่นั่น เขากลับพบว่าคนที่เจอข่าวร้ายเข้าจัง ๆ มันคือตัวเขาเองต่างหาก เพราะงานนี้เขาเสียรู้คุณปู่ที่ตั้งใจหลอกให้เขามาดูแลโรงพยาบาลสัตว์ประจำหมู่บ้านแทน ในระหว่างที่คุณปู่ท่านลาพักร้อนเพื่อพาคุณย่าไปล่องเรือสำราญเที่ยวรอบโลกเพื่อฉลองวันครบรอบการแต่งงาน 50 ปี คุณปู่ที่ทำแต่งานจนละเลยครอบครัว อยู่มาวันหนึ่งก็เริ่มคิดได้ว่าตัวเองและภรรยาแก่ตัวขึ้นทุกวัน จะใช้ชีวิตแบบรอกันไปรอกันมาแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว แต่จะให้ปิดโรงพยาบาลเลยก็ทำไม่ได้ หมู่บ้านที่ทำการเกษตรและปศุสัตว์เป็นหลักแบบนี้ มีปัญหาเรื่องสัตว์เจ็บป่วยเป็นประจำ การที่ไม่มีหมอสัตว์ ชาวบ้านต้องเดือดร้อนอย่างแน่นอน แต่ถ้าจะให้ขอร้องดี ๆ หลานชายก็คงไม่ยอมมา

นั่นหมายความว่าหนุ่มเมืองกรุงจำต้องมารับภาระเป็นหมอใหญ่ (เพราะมีหมอเพียงคนเดียว) ประจำหมู่บ้านแห่งนี้ชั่วคราว ชั่วคราวที่แปลว่านานระยะหนึ่งเลย ระหว่างนั้นก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ในชนบทให้ได้ พื้นที่กันดารไม่เท่าไร รักษาสัตว์ก็เป็นงานอยู่แล้ว แต่รับมือคนในหมู่บ้านนี่สิหนักกว่า โดยเฉพาะกับตำรวจสาวท่โผล่หน้ามาให้เขาเห็นทุกวันวันละหลาย ๆ ครั้ง ไปที่ไหนก็เจอ แบบนี้ไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว!
ตัวซีรีส์จะพาคนดูอย่างเราหลบหนีออกจากเมืองกรุงมุ่งสู่ชนบทกันอีกครั้ง ไปใช้ชีวิตที่คึกครื้นตามประสาชาวบ้านที่รู้จักกันทั้งหมู่บ้าน สัมผัสบรรยากาศแสนอบอุ่นในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เงียบสงบห่างไกลแสงสีของเมือง กับเรื่องราวที่น่าประทับใจอีกมากมาย
ถ้าคุณบอกปัดว่าไม่ต้อง เราจะให้ แต่ถ้าคุณขอมา เราจะให้มากกว่าที่ขอ
คุ้น ๆ กับพล็อตเรื่องแนวหนุ่มเมืองหลวงสาวบ้านนากันใช่ไหม กลิ่นอายของซีรีส์เรื่องนี้มาแนวเดียวกันกับซีรีส์เรื่อง Hometown Cha-Cha-Cha ที่เพิ่งจบไปได้ประมาณหนึ่งปีพอดีเลย ที่คล้ายกันอีกอย่างก็คือตัวละครที่ต้องระหกระเหินมาอยู่บ้านนา ประกอบอาชีพเป็น “หมอ” เหมือนกัน เพียงแต่เป็นหมอคนละแบบ นางเอกเรื่อง Hometown Cha-Cha-Cha เป็นทันตแพทย์ รักษาฟันให้คน ส่วนพระเอกเรื่องนี้เป็นสัตวแพทย์ ลูกค้าโดยตรงของเขาเป็นเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ที่พูดจาไม่ได้ ดังนั้นที่น่ารำคาญและน่าอนาถใจสำหรับเขา จึงเป็นบรรดาเจ้าของสัตว์ทั้งหลายมากกว่า

เห็นความแตกต่างและความขัดแย้งกันระหว่างชีวิตสองรูปแบบแล้วใช่ไหม นั่นแหละ เริ่มเรื่องมาก็เป็นปัญหาหยุมหัวกันในทันที หนุ่มเมืองหลวงที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในชนบทที่เขาไม่คุ้นเคย ไม่คุ้นที่ยังไม่เท่าไร แต่ความอึดอัดลำบากใจนี่สิที่แย่กว่า เขาต้องรับมือกับวิถีชีวิตแบบชนบท ที่ปกติทำอะไรสบาย ๆ ไม่พิธีรีตอง มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน และออกจะจุ้นจ้านเรื่องของคนอื่นอยู่ไม่น้อย เพราะอยู่กันแบบรู้จักกันทั้งหมู่บ้าน เห็นเป็นครอบครัว นี่จึงเป็นเรื่องที่ชวนอึดอัดของคนเมืองมากจริง ๆ เพราะสังคมเมืองเป็นสังคมแบบตัวใครตัวมัน การยุ่มย่ามก้าวก่ายเรื่องคนอื่นเป็นเรื่องน่ารังเกียจ ไม่ได้ดูมีน้ำใจหรือมิตรภาพใด ๆ ไม่มีบรรยากาศทางสังคมที่มีการไปมาหาสู่กัน ถ้าคุณหมอจะรับไม่ได้ก็คงไม่แปลก
อย่างการที่จู่ ๆ ก็แห่กันบุกเข้าบ้านคนอื่นโดยที่ไม่ขออนุญาต หรือเปิดประตูรั้วที่เขาปิดไว้ดี ๆ เพื่อเข้าไปเก็บของที่ข้ามรั้วเข้าไป กิริยาอาการที่ถึงเนื้อถึงตัวราวกับสนิทสนมกันมาก มันเป็นเรื่องชวนช็อกสำหรับคนเมืองที่ส่วนใหญ่ที่รักความเป็นส่วนตัวมาก ต่างคนต่างอยู่ไม่จุ้นจ้าน ไม่วุ่นวาย ไม่ยุ่มย่ามกัน แบบที่พระเอกบอกเลย ว่าถ้าทำแบบนี้ที่โซลคงโดนเรียกตำรวจมาจับไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายชาวบ้านลุง ๆ ป้า ๆ ก็ไม่ได้พยายามเข้าใจพระเอกสักเท่าไร มองว่ามันเป็นความเยอะ ความดัดจริตของคนเมืองมากกว่า พวกเขาเคยชินที่อยู่กันแบบนี้ คุณหมอก็ต้องอยู่ไปแบบนี้

ส่วนชาวบ้านทั้งหลายก็ต้องมารำคาญความเยอะของคนเมืองที่มันช่างขัดหูขัดตา ด่วนตัดสินพระเอกว่าเขาคงอยู่ไม่ได้เพราะรังเกียจบ้านนอก แค่เพียงเพราะพระเอกมีกำแพง มีเส้นกั้นที่จะรักษาพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองก็เท่านั้น ก็ยังจะพยายามปีนป่ายกันล้ำเส้นกันเสมอ แถมยัง Gaslighting ใส่ว่าคุณหมอนั่นแหละผิด ที่ปรับตัวเข้ากับสังคมแบบชนบทไม่ได้ ทั้งที่เขาเพิ่งมาถึงหมู่บ้านนี้แค่วันเดียวเท่านั้น เจอหน้ากันครั้งแรกก็มีเรื่องร้อยแปดพันเก้า แต่ไม่ให้เวลาเขาได้ปรับตัวเลย พยายามจะให้พระเอกเป็นคนผิดที่แสดงมารยาทขีดเส้นแบ่งใส่พวกผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน
คร่าว ๆ เรื่องมันก็ออกจะวุ่นวายประมาณนี้แหละ สัตวแพทย์ที่ต้องมาทำงานในต่างแดนชั่วคราว เหล่าชาวบ้านที่มีปัญหาสารพัด และเรื่องราวความรักที่ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ แต่เพราะเป็นซีรีส์สั้น 12 ตอนจบ แต่ละตอนก็ฉายเพียง 30-40 นาที เรื่องก็เลยเดินค่อนข้างเร็ว พระเอกดูจะเริ่มปรับตัวได้แล้วกับวิถีชีวิตที่อยู่กันแบบพึ่งพาอาศัยกันของคนชนบท ที่แม้ว่าจะจุ้นจ้านล้ำเส้นไปบ้าง แต่ก็สัมผัสได้ถึงความจริงใจที่พร้อมจะช่วยเหลือ ที่ต่อให้อีกฝ่ายจะปฏิเสธก็ยังพร้อมที่จะช่วยเหลือ แต่ถ้าอีกฝ่ายเอ่ยปากขอความช่วยเหลือเมื่อไร ก็ยิ่งพร้อมที่จะความช่วยเหลือมากกว่าที่ขอไป
การยืนยันคุณค่าในตัวเองด้วยการช่วยเหลือคนอื่น ไม่ดีต่อกายและใจคุณเอง
ไหน ๆ ก็เอ่ยถึงซีรีส์เรื่อง Hometown Cha-Cha-Cha ขึ้นมาแล้ว ยังจำหัวหน้าฮง ผู้ที่เป็นทุกอย่างในหมู่บ้านเล็ก ๆ ริมทะเลได้หรือไม่ ในซีรีส์เรื่อง Once Upon a Small Town ก็มีตัวละครแบบหัวหน้าฮงเหมือนกัน ต่างกันตรงที่เรื่องนี้ บทนางเอกเป็นตัวละครที่เป็นทุกอย่างให้คนในหมู่บ้าน แล้วเธอก็ไม่ได้ทำงานไปทั่วเพื่อรับค่าแรงขั้นต่ำแบบที่หัวหน้าฮง เธอมีอาชีพเป็นหลักเป็นแหล่ง โดยเธอเป็น “ตำรวจ” ที่ทำงานได้ครอบจักรวาล

นางเอกเป็นตำรวจสาวประจำหน่วยลาดตระเวนประจำหมู่บ้าน ซึ่งเธอจะเป็นคนแรกที่ชาวบ้านเรียกหาเมื่อประสบเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ มีปัญหาต้องปรึกษาเธอ ตั้งแต่เรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง ห้ามศึกชาวบ้านตีกัน ฟังเรื่องเด็กน้อยอกหัก พายุเข้าบ้านหลังคาเปิด เป็นช่างซ่อม ช่วยงานไร่งานสวน ยันเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ในหมู่บ้าน ไม่ว่าจะปัญหาอะไรก็ต้องปรึกษาเธอ ซึ่งเธอก็รับที่จะช่วยเหลือทุกคนทุกงานด้วยความยินดีและเต็มใจ ไหนจะยังภาคภูมิใจกับการเป็นบุคคลวงในที่รู้ทุกซอกทุกมุมของชนบทแห่งนี้อีกต่างหาก
แต่จริง ๆ แล้ว มันมีเหตุผลนะที่นางเอกกลายเป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อคนอื่นจนลืมนึกตัวเองในบางครั้งแบบนี้ หลัก ๆ แล้วเธอรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่เธอต้องตอบแทน เพราะผู้หลักผู้ใหญ่ในหมู่บ้านต่างก็เป็นคนที่ช่วยเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความที่เธอเป็นเด็กที่ไม่มีพ่อแม่ อาศัยอยู่กับตายาย เธอก็เลยรู้สึกผูกพันกับทุกคนราวกับเป็นญาติสนิทในครอบครัว การได้ช่วยเหลือทุกคน การมีชีวิตอยู่เพื่อฟังคำที่ว่า “ขอบคุณนะ เพราะคุณช่วยแท้ ๆ” และได้รับความรักความเอ็นดูจากคนในหมู่บ้าน เป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงหัวใจเธอมาตั้งแต่เด็กจนโต มันทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า

ทว่าพระเอกกลับไม่เห็นด้วยเท่าไรที่เธอเป็นทุกอย่างให้คนหมู่บ้านขนาดนั้น เขายังเคยถามเธอเลย ว่าการที่เธอเป็นที่สมัครใจจะเป็นที่พึ่งให้กับทุกคนทุกเรื่องขนาดนั้น มันคือสิ่งที่เธอทำถูกแล้วจริง ๆ หรือเปล่า เวลาที่ทุกคนเดือดร้อน พวกเขาสามารถพึ่งพาเธอได้หมด แต่แล้วเวลาที่เธอเดือดร้อนล่ะ เธอหันหน้าไปพึ่งพาใครได้บ้าง การที่เธอพยายามที่จะยืนยันการมีคุณค่าของตัวเองมากขนาดที่ต้องเสี่ยงอันตราย ต้องเจ็บตัว มันคุ้มแล้วจริง ๆ ใช่ไหม และในเวลาที่เธอต้องรู้สึกเจ็บปวดกับการที่เธอไม่สามารถพึ่งพาคนที่เธอเคยช่วยเหลือได้เลย มันก็คงทุกข์ทรมานใจน่าดู
ชีวิตก็อย่างนี้แหละ มีช่วงเวลาที่เราอยากลืมมันไปอยู่แล้ว
จริง ๆ แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกกับนางเอกไม่ใช่การเจอกันครั้งแรกในตอนที่ต่างฝ่ายต่างโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทั้งคู่เคยเจอกันมาก่อนตอนเด็ก ๆ เพราะพระเอกมีเหตุจำเป็นที่ต้องมาศัยอยู่กับปู่และย่าที่หมู่บ้านนี้ช่วงเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ดี เขากลับจำนางเอกในทันทีไม่ได้ตอนที่พวกเขากลับมาเจอกันอีกครั้ง และคงจำไม่ได้จริง ๆ ถ้าไม่มีการเล่าเท้าความไปถึง เขาลืมรายละเอียดของเหตุการณ์ในสมัยเด็ก ๆ ที่เคยเป็นเพื่อนลับ ๆ กับนางเอกไปจนหมดสิ้น ที่จำได้มีแค่ว่าเคยมาอยู่ที่หมู่บ้านนี้ในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น

กระทั่งพระเอกได้มีโอกาสพูดคุยกับชายชราคนหนึ่งที่เข้ามาขอความช่วยเหลือในเรื่องที่น่าสลดใจเกี่ยวกับวัวที่ป่วยของชายชรา เขาจึงค่อย ๆ ระลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตได้ทีละนิดว่ามันเคยมีรายละเอียดอะไรเกิดขึ้นบ้างในช่วงที่เขามาอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านชนบทแห่งนี้ เขาเอ่ยขอโทษชายชราตรงหน้าที่เขาจำไม่ได้ว่าเคยช่วยดูแลเขาในวัยเด็ก ทว่าชายชราไม่ได้ถือโทษโกรธอะไร กลับเข้าใจดีว่าในตอนนั้นมันมีเรื่องใหญ่ที่เขาต้องพยายามลืมมันไปให้หมดด้วย เพราะฉะนั้นรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเหตุการณ์นั้นจึงถูกลืมไปด้วย
“การสูญเสีย” เป็นเรื่องที่ใครหลายคนต้องพยายามลืมมันไปให้หมดถึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีชีวิตแบบปกติได้ทั้งที่จดจำได้หมดว่าตัวเองสูญเสียอะไรไปบ้าง ยิ่งในเวลานั้นพระเอกเป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ การจะรับมือกับความสูญเสียครั้งใหญ่จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ช่วงเวลาที่เลวร้ายไม่มีใครอยากจะจดจำเป็นความทรงจำให้ตามหลกหลอนไปทั้งชีวิต นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พระเอกลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่หมู่บ้านแห่งนี้ในวัยเด็กไปเกือบหมด ลืมนางเอกที่เคยเป็นเพื่อนเล่นอยู่พักหนึ่งไปด้วย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชายชราในวันนี้ ก็จะกลายเป็นเรื่องที่คุณตาต้องพยายามหลงลืมมันไปเช่นกัน ความสูญเสียที่พรากชีวิตหนึ่งไป แม้ว่าชีวิตนั้นจะยังคงสวยงามอยู่เสมอในความทรงจำของใครหลายคน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำใจกันได้ง่าย ๆ เลย ความสวยงามกับความทุกข์ทรมานที่ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยไม่มีชีวิตนั้นอยู่ด้วยกันแล้ว มันคงจะผสมปนเปกันไปหมด ต้องอาศัยเพียงเวลาเท่านั้นเพื่อให้ทุกอย่างมันดีขึ้น หรืออีกทางก็ต้องรีบลืมมันไป เพื่อให้หลุดพ้นบ่วงที่น่าเศร้านั้น
เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่หมู่บ้านแห่งนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป กับเนื้อเรื่องที่เหลืออีกแค่ 3 ตอนก็จะจบแล้ว สัปดาห์หน้าคงได้รู้กัน ส่วนตัวค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะจบดีตับไม่แตก เพราะเรื่องมันมาแนวฟีลกู๊ดชุบชูใจตั้งแต่ต้น ตัวละครไม่เยอะ ดราม่าไม่แรง ใครที่กำลังประสาทกินจากซีรีส์เรื่องอื่นที่เพิ่งจบไป กำลังฉายอยู่ หรือกำลังจะฉาย สามารถดู Once Upon a Small Town ขั้นจังหวะได้ ดูเพลิน ๆ เดี๋ยวเดียวก็จบแล้ว นางเอก พระเอก พระรอง สวยหล่อละมุนตา เนื้อเรื่องเบา ๆ แต่ไม่ไร้สาระ ซึ่งมันเยียวยาจิตใจ เติมเต็มพลังบวก และทำให้รู้สึกอบอุ่นใจได้เป็นอย่างดี💉🩺 🐂