วันหยุดที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้นั่งคุยกับเพื่อนๆที่อยู่ในแวดวงราชการซึ่งบางคนได้ดิบได้ดี บางคนอึดอัดกับระบบ บ่นให้ฟังถึงความไม่เท่าเทียมที่มีทุกหย่อมหญ้า ก็ได้แต่ปลอบใจไปว่าเห็นมีทุกวงการไม่ใช่หรือ แต่สิ่งที่รับไม่ได้เท่าที่คุยกันเห็นจะเป็นการซื้อขายตำแหน่ง
การซื้อขายตำแหน่งนั้น ผมมองว่าเป็นการคอรัปชั่นร้ายแรงที่สุด เพราะนอกจากจะเป็นการทุจริตแล้วยังเป็นการทำลาย Merit System หรือระบบคุณธรรมที่วัดกันด้วยความสามารถหรือฝีมือที่แท้
หากระบบนี้ถูกมองข้าม นอกจากองค์กรจะได้คนที่ไม่เก่งจริงไปทำงานในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมแล้ว ยังทำให้คนดีคนเก่งที่มีความสามารถมากกว่าต้องหมดโอกาสเพราะโดนข้ามหัว นานๆเข้าก็จะท้อถอย เลิกตั้งใจทำงานไปโดยปริยาย นี่คือเรื่องสำคัญ
ทุกวันนี้ระบบที่วัดกันด้วยการสอบก็เริ่มน้อยลงไปเรื่อยในสังคมไทย จริงๆถ้ามองกันให้ชัดมันก็ซื้อตำแหน่งกันตั้งแต่เรียนแล้ว ปลูกฝังกันมาตั้งแต่เด็กเพราะโรงเรียนใหญ่ๆ คุณครูดีๆ ใครอยากเข้า ก็ต้องเฉพาะคนมีสตางค์เสียค่าแป๊ะเจี๊ย หรือมีเส้นมีสาย จนเกิดเรื่องราวอื้อฉาวกันมาแล้ว
ถ้าปล่อยอย่างนี้ให้มีมากขึ้นเรื่อยๆ เด็กต่างจังหวัดฐานะไม่ร่ำรวย แถมยังอยู่ไกลความเจริญ ห่างไกลข่าวสาร จะไปมีโอกาสเข้ามาเรียนโรงเรียนดีๆในกรุงเทพฯได้อย่างไร เด็กไม่มีฐานะเกิดมาด้วยความเสียเปรียบอยู่แล้ว โตขึ้นมาระบบยังจะทำให้ “เหลื่อมล้ำ” ยิ่งขึ้นไปอีก
นี่คือความ “ไม่เท่าเทียม” ที่น่ากลัวยิ่งกว่าการกระจายความเจริญด้านวัตถุที่ไม่สมดุลเสียอีก เพราะเป็นการปิดกั้นโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรของคนในชาติ ถ้าจะปฏิรูปการศึกษาก็ต้องคิดถึงตรงนี้ด้วย
“โอกาส” คือสิ่งที่พวกเขาควรจะได้รับ เพื่อสร้างระบบการแข่งขันที่แท้จริงให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอีกครั้ง
สังคมที่ไม่ได้วัดกันด้วย “ความดี” และ “ฝีมือ” ตรรกะก็เริ่มจะผิดเพี้ยน อะไรดี อะไรไม่ดี อะไรถูก อะไรผิด ตัดสินกันไม่ได้ แถมทุกคนอยากจะเป็น Somebody หรือคนสำคัญกันหมด เพราะมองว่าเป็นง่าย แค่มีเงินซื้อของหรูๆ ทำตัวให้มันแปลกเข้าไว้ เดี๋ยวคนสนใจ พอจะทำงานก็ต้องคอยมานั่งเกรงใจว่า ลูกใครหลานใคร ขับรถอะไร ถือกระเป๋าอะไร
สุดท้ายหากไม่มีการแข่งขันบนพื้นฐานของความยุติธรรมในระดับหนึ่งแล้ว ใยประสิทธิภาพจะเกิดขึ้นได้ ข้างในประเทศยังไม่เกิดขึ้น แล้วใยจะไปแข่งกับต่างประเทศเขาได้
ย้ำว่านี่คือมะเร็งร้ายหรือปัญหาระยะยาวที่จะต้องแก้ให้หมดไป หรือเหลือน้อยที่สุดในสังคมไทยครับ.