Jinxed at First ชายหนุ่มดวงซวยกับเทพธิดาแห่งโชคลาภ

ภาพจาก Facebook : KBS 한국방송

“นี่ ๆ มึ_ได้นอนบ้างไหมเนี่ย” เป็นคำทักทายจากเพื่อนสนิทที่มักจะนัดเจอกันบ่อย ๆ ที่ร้านปิ้งย่างประมาณเดือนละครั้ง (บ่อยแหละ ก็บ่อยกว่าคนอื่นที่ไม่ได้เจอกันสามชาติเศษ) เพราะการออกไปเจอเพื่อนผู้หญิงด้วยกันไม่จำเป็นต้องแต่งหน้า สภาพหนังหน้าที่เพื่อนเห็นจึงเป็นของจริงที่ไม่ได้โบกรองพื้น ไม่ได้ป้ายคอนซีลเลอร์ ไม่มีสีสันจากบลัชออนและอายแชโดว์ ทาแค่แป้งเด็กที่เทจากกระป๋องเท่านั้น เข้าใจว่ามันก็น่าจะคุ้นเคยกับหน้าสดเพื่อนดี แต่เพราะช่วงนี้พักผ่อนน้อยจริง ๆ เลยทำให้มันกล้าทักแบบนั้น

พูดตามความเป็นจริงนะ ที่อดหลับอดนอนทุกวันนี้ก็ไม่ได้เพราะดูซีรีส์อย่างเดียวหรอกย่ะ ชีวิตมีการมีงานทำเหมือนกัน ช่วงนี้มีอะไรให้ทำเยอะแยะไปหมด ซีรีส์ที่มีอยู่เต็มกระบุงก็ไล่ดูไม่ทัน พยายามจะตามเก็บให้ครบทุกเรื่องเพราะกลัวพระเอกพระรองเรื่องที่ข้ามไปจะน้อยใจ แต่มันไล่ไม่ทันจริง ๆ เลยต้องเลือกเก็บบางเรื่องก่อนเพราะต้องใช้ในคอลัมน์นี้ด้วย อย่างช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เลือกมาแต่ซีรีส์พล็อตหนัก ๆ เครียด ๆ เพราะฉะนั้นสัปดาห์นี้ขอฉีกออกไปเป็นแนวรอมคอมเลยดีกว่า เบาสมองตัวเองดีด้วย แต่ความจริงแล้วแค่ชื่อพระเอกนางเอกก็ไม่กล้าเลื่อนข้ามแล้วเหอะ!

Jinxed at First เป็นซีรีส์แนวโรแมนติก-คอเมดี้-แฟนตาซีที่สร้างจากเว็บตูนในชื่อเดียวกัน โลกในความเป็นจริงของชายหนุ่มอับโชค ความตลกร้ายคือใคร ๆ ก็ตราหน้าให้เขาเป็นตัวซวยประจำตลาด เพราะแผลงฤทธิ์ความซวยให้คนอื่นถ้วนหน้าตั้งแต่ครั้งแรก ๆ ที่รู้จักกัน ชาวแก๊งในตลาดเลยไม่อยากจะทักทายเขาในช่วงเช้าของวัน โดยเฉพาะเช้าที่ยังขายของไม่ได้ จะไม่ยอมให้พระเอกเป็นคนเจิมเด็ดขาด แต่ตัวเขาก็พยายามใช้ชีวิตอยู่ต่อไปแบบคนคิดบวก มองโลกในแง่ดี แถมออกจะมองเป็นเรื่องขำขันเมดมายเดย์ซะมากกว่า เขารู้ดีว่าชีวิตเขาเริ่มอับโชคเพราะอะไร

ในอีกฟากหนึ่งเป็นโลกแฟนตาซี ที่ถ่ายทอดออกมาเหมือนเทพนิยาย นางเอกคือหญิงสาวแสนสวยที่มีชีวิตอยู่เหมือนคนต้องคำสาป เธอถูกกักขังให้อยู่ในห้องลับในโรงแรมหรูแห่งหนึ่งตั้งแต่เกิด มีชีวิตเหมือนเจ้าหญิงที่มีคนรับใช้คอยดูแลอย่างดีตลอด 24 ชั่วโมง ขาดอย่างเดียวคืออิสรภาพ จนถึงปัจจุบันเวลาก็ล่วงเลยมาถึง 20 ปีแล้ว แต่เธอไม่เคยรู้จักโลกภายนอก เธอเรียนรู้ธรรมชาติของโลกภายนอกผ่านหนังสือ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือความรู้สำหรับเด็ก อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย เศรษฐกิจ การเมือง สังคม และจิตวิทยาจะเป็นหนังสือต้องห้าม

ภาพจาก Facebook : KBS 한국방송

ถ้าถามว่าทำไมหญิงสาวผู้นี้ถึงต้องโดนกักขังด้วย ก็เพราะว่าเธอไม่ใช่คนธรรมดาแบบเรา ๆ แต่เธอเป็นทายาทเชื้อสายธิดาเทพพยากรณ์ ซึ่งมีปรากฏตัวมาตั้งแต่โบราณกาล หากตระกูลมีลูกสาวเด็กน้อยก็จะได้รับพลังวิเศษนี้ติดตัวมาด้วย อย่างไรก็ดี พรสวรรค์ที่มีติดตัวมากลับกลายเป็นคำสาปนี้ทำให้เธอและแม่ต้องถูกกักขังเพื่อไว้ใช้งาน เพราะเพียงแค่เธอได้สัมผัสตัวใครก็จะเห็นอนาคตของคน ๆ นั้น เธอจึงสามารถขัดขวางความโชคร้ายที่จะเกิดขึ้นแก่คนนั้น ๆ ได้ รวมถึงนำพาโชคลาภมาให้พวกเขา ประธานบริษัทยักษ์ใหญ่จึงเห็นพวกเธอเป็นเครื่องรางนำโชคและใช้งานพวกเธอในการแสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองแทบทั้งชีวิต

เพราะเธอเคยได้อ่านเรื่องราวภายนอกจากหนังสือหลายเล่ม แต่ละเล่มก็อ่านนับร้อยครั้ง เธอจึงเกิดสงสัยและปรารถนาชีวิตที่อยู่หลังกำแพงห้องที่เธอเกิดและเติบโตมา วันหนึ่งเธอได้ยินเสียอึกทึกหลังกำแพง เนื่องจากลูกชายของท่านประธานพาเพื่อน ๆ มางานปาร์ตี้ ซึ่งพระเอกก็คือเพื่อนสนิทของลูกชายท่านประธาน (บุคคลนี้คือพระรอง) ก่อนหน้านี้พระเอกคือชายที่แสนจะโชคดี เขาอาจไม่ได้ร่ำรวยเงินทอง แต่เพราะเป็นเด็กเรียนเก่ง ฉลาด จึงได้ทุนการศึกษาจากกลุ่มบริษัทพ่อพระรองมาตั้งแต่ม.ต้นจนถึงมหาวิทยาลัย จบเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง สาขาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดัง และกำลังจะได้ทำงานที่กลุ่มบริษัทนี้ด้วย ชีวิตดูมีอนาคตไกลเลยทีเดียว

เหมือนโชคชะตาจะกำหนดไว้แล้ว มีเพียงพระเอกที่ได้ยินเสียงที่นางเอกพยายามทุบกำแพง เขาจึงเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ส่วนนางเอกก็เห็นหน้าพระเอกผ่านช่องแยกเล็ก ๆ ของประตูหินที่ขวางโลกแห่งอิสรภาพของเธอไว้ เธอเข้าใจว่าเขาคือเจ้าชายในทันที นางเอกคลั่งรักพระเอกมากขนาดที่ทำให้เธอมีพลังวิเศษเพิ่มขึ้นมา เธอหลุดออกจากห้องลับนั่นแล้วตามพระเอกออกไปข้างนอก เมื่อได้ออกมาเห็นโลกที่เธอไม่เคยเห็นแต่รู้ว่ามีผ่านหนังสือ เธอจึงตื่นเต้นสุด ๆ สาวน้อยไร้เดียงสาอ่อนต่อโลกออกมาผจญภัยในโลกแห่งความเป็นจริงที่น่ากลัว

ภาพจาก Facebook : KBS 한국방송

พระเอกพานางเอกมาส่งคืน เพราะเขารู้สึกว่าเธอแปลกประหลาดเกินมนุษย์มนาธรรมดาที่จะกลับบ้านได้เอง แต่เขากลับต้องมาพบกับโชคชะตาอันเลวร้ายหลังจากได้พบกับเธอตั้งแต่วันนั้น เขาถูกประธานสั่งเก็บเพราะกลัวว่าความลับเรื่องเครื่องรางนำโชคจะแตกและจะถูกแย่งตัวธิดาเทพพยากรณ์ไป เขาสูญเสียแม่ ซึ่งเป็นครอบครัวที่เขามีอยู่เพียงคนเดียว และตัวเขาเองก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด แต่โชคดีที่รอดมาได้ เขาจำต้องเปลี่ยนตัวตนใหม่ โดยอาศัยตัวตนคนอื่นเพื่อมีชีวิตให้อยู่รอด และย้ายมาใช้ชีวิตใหม่ขายปลาอยู่ที่ตลาดปลา เวลาผ่านไป 2 ปี นางเอกหนีออกมาได้สำเร็จอีกครั้ง ครั้งนี้เขาและเธอได้เข้ามาอยู่ในโลกเดียวกันเพื่อทำลายคำสาปและเอาชนะชะตากรรมอันโหดร้ายของพวกเขา

เมื่อคนเรายังหวังพึ่งพาโชคชะตามากกว่าความสามารถตัวเอง

ต้องบอกว่ามันคือจุดเริ่มต้นของเรื่องเลยก็ว่าได้ ประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ที่อ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองชีวิตของนางเอกและแม่นางเอกไว้กับตัวเอง เพื่อหวังจะใช้ประโยชน์ในทางธุรกิจและสร้างอำนาจที่แข็งแกร่งให้กับตัวเอง เรื่องค่อย ๆ เฉลยมาทีละนิด ๆ ว่าท่านประธานคนนี้ไปได้ตัวแม่นางเอก (ระหว่างที่เธอกำลังท้องนางเอกอยู่) มาได้ยังไง ตัวเขาใช้งานจากพลังพิเศษจากแม่ของนางเอกในการมองเห็นอนาคต ขวางโชคร้าย และพยากรณ์เพื่อนำไปสู่โชคดี จนตัวเองก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้ และฟูมฟักให้นางเอกเป็นเครื่องรางประจำตัวของลูกชาย

จริง ๆ เขาแค่รอเวลาที่ลูกชายเริ่มเข้ามาหยิบจับช่วยงานในบริษัทให้มากขึ้น ได้รั้งตำแหน่งใหญ่ ๆ สำคัญ ๆ ในบริษัทให้ได้ก่อน ถึงจะเปิดตัวนางเอกเพื่อให้ช่วยเหลือด้านผลประโยชน์ต่าง ๆ แต่เพราะมีเรื่องที่นางเอกหนีหลุดไปได้และได้ไปเจอกับพระเอกเข้าแล้ว แถมนางเอกก็ได้ถอดถุงมือจับมือพระเอกแล้วด้วย เขาจึงต้องรีบเปิดตัวนางเอกกับลูกชาย แล้วจัดการเก็บพระเอกซะ เพราะกลัวจะถูกแย่งเครื่องรางนำโชคนี้ไปถ้ามีใครรู้ความลับนี้เข้า ตั้งแต่นั้นมา พระรองก็เลยมีโอกาสได้รับคำพยากรณ์จากนางเอก เครื่องรางประจำตัวของตัวเองเวลาที่ต้องไปติดต่อธุรกิจ

ภาพจาก Facebook : KBS 한국방송

แต่มีสิ่งหนึ่งที่แตกต่างออกไปจากเดิม พระรองไม่ได้ใจร้ายเหมือนพ่อของตัวเอง เขาไม่เห็นด้วยที่พ่อกักขังคน 2 คนให้หมดสิ้นอิสรภาพเอาไว้ในห้องลับที่มีบริเวณจำกัด โดยเฉพาะกับนางเอกที่เขาเองก็ตกหลุมรักเธอเข้าให้แล้วเหมือนกัน เขาเองยังเคยทำตามคำขอของนางเอกที่ว่าอยากออกไปข้างนอก พานางเอกออกไปเที่ยวข้างนอกด้วยตัวเอง และที่สำคัญ เขาคือคนรุ่นใหม่ที่เชื่อในความสามารถของตัวเองมากกว่าที่จะเชื่อในโชคชะตาและการทำนาย เขาใช้งานนางเอกจากการสัมผัสเพื่อมองเห็นอนาคตก็จริง แต่เขาใช้คำพยากรณ์นั้นเป็นเพียงแค่ “แนวทาง” เท่านั้น ผลลัพธ์ด้านบวกทางธุรกิจที่เกิดขึ้น เขายืนยันว่าเขาเป็นคนทำให้มันเกิดขึ้นด้วยความสามารถของเขาเอง

คือถ้าดูจากซีรีส์นะ สังเกตดี ๆ จะเห็นว่าพระรองพยายามต่อรองกับพ่อเรื่องนางเอกกับแม่เสมอว่าให้ปล่อย 2 คนนี้ให้มีอิสระเถอะ โดยที่เขาย้ำเสมอว่านางเอกช่วยเขาไว้หลายครั้งก็จริง แต่ที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้เพราะเขาใช้ความสามารถของเขาเอง มันอาจจะได้ผลดีมาก ๆ บ้าง หรือผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดบ้าง แต่เขาก็จัดการให้ทุกอย่างมันไม่กลายเป็นปัญหาใหญ่โตได้ทุกครั้ง ในขณะที่พ่อของเขาต้องการจะใช้งาน 2 แม่ลูกเพื่อผลประโยชน์ท่าเดียว เพราะต้องการลิขิตโชคชะตาเองมากกว่า

ภาพจาก Facebook : KBS 한국방송

ถ้าให้พูดตรง ๆ นะ สิ่งที่เกิดขึ้นในซีรีส์ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก ทุกวันนี้ชีวิตใครหลายคนก็เฝ้าถามหาโชคชะตาเหมือนกัน หวังนู่นหวังนี่จากโชคหล่นทับ แต่กลับไม่ใช้ความสามารถของตัวเองอย่างเต็มที่เพื่อแสวงหาในสิ่งที่ต้องการ สิ่งที่พ่อพระรองพูดมันก็เป็นเรื่องจริง ว่าถ้าคนอื่น ๆ รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตแบบนางเอกกับแม่อยู่บนโลกใบนี้ ทุกคนก็อาจจะพยายามแย่งชิงนางเอกกับแม่ไปแล้วทำกักขังไว้แบบนี้เหมือนกัน ในเมื่อใคร ๆ ก็ต้องการโชคดีกันทั้งนั้น สุดท้ายแล้วชีวิตของนางเอกที่เกิดมาพร้อมพรวิเศษนี้มันก็คือคำสาปดี ๆ นี่เอง

ฉันอิจฉาเพราะว่าพวกมันลอยไปไกลได้

ไม่ต้องบอกก็น่าจะเดาได้ว่าใครที่เป็นคนพูดประโยคข้างต้น นางเอกเป็นคนที่ถูกกักขังมาตั้งแต่เกิดจนอายุได้ 20 ปี จะเห็นเลยว่าซีรีส์พยายามใส่รายละเอียดความไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลกให้กับนางเอกไว้ทั้งหมด เธอเป็นคนที่ฉลาดได้เพราะการอ่านหนังสือเยอะ แต่เธอไม่เคยมีประสบการณ์ใด ๆ เกี่ยวกับโลกภายนอกเลย เมื่อเธอหนีออกมาได้ในครั้งแรก เธอจึงรู้สึกตื่นเต้นและสนุกสนานไปกับทุกสิ่งอย่างเสียเหลือเกิน ซึ่งซอฮยอนออนนี่ก็ถ่ายทอดคาแรคเตอร์นี้ออกมาได้ดีมาก ๆ มีความน่ารักสดใส ตะมุตะมิ ตามสไตล์สาวน้อยที่ก้าวออกมาจากโลกเล็ก ๆ ของตัวเองมาสู่โลกใบใหญ่ที่เคยรู้แค่ทฤษฎี จึงไม่รู้ว่าในทางปฏิบัติโลกใบนี้มันโหดร้ายและน่ากลัวมากแค่ไหน

ตรงจุดนี่หลายคนดูแล้วอาจจะรู้สึกว่าคาแรคเตอร์ของนางเอกดูเกิน ๆ ไปหน่อย หลายฉากเลยที่เรื่องพานางเอกของเราไปสู่จุดที่ดูติงต๊อง บ้องแบ๊วเกินไป หรือบางฉากก็ยังกะคนป่าทั้งที่ตัวเองก็ฉลาด แต่ก็นะ มันก็เข้าใจได้อยู่ว่าเธอไม่เคยเจอโลกภายนอกเลยมาตั้งแต่เกิดยันอายุขนาดนั้น พอได้ออกมาเห็นมันก็ย่อมมีความว้าว ทำอะไรแปลก ๆ โง่ ๆ เพราะไม่เคยทำมาก่อน เงอะ ๆ งะ ๆ ขนาดที่พระเอกยังเข้าใจผิดว่าคนอะไรจะเคยทำอะไรเองเป็นครั้งแรกขนาดนั้น เข้าใจว่านางเอกเป็นแค่ลูกคุณหนูที่ถูกเลี้ยงแบบไข่ในหินมาทั้งชีวิตเท่านั้น ก็เลยหนีออกมาเพราะอยากเที่ยวสนุก อยากลองลำบากอะไรทำนองนั้น ทั้งที่บนโลกนี้มีคนลำบากตั้งมากมายที่ต้องดิ้นรนจริง ๆ

ภาพจาก Facebook : KBS 한국방송

ถ้าพระเอกรูเบื้องหลังนางเอกที่เกิดและเติบโตในห้องลับมาร่วม 20 ปี เขาจะต้องมองเธอต่างออกไปจากเดิม ถ้าคนคนหนึ่งจะอิจฉาได้แม้กระทั่งฟองสบู่ ลูกโป่ง เครื่องบินกระดาษ หรืออิจฉาแม้กระทั่งสปอร์จากเกสรดอกไม้ แปลว่าเธอไม่เคยได้รู้จักอิสรภาพมาก่อน ความสุขสบายที่ได้อยู่ในห้องลับหรูหรา มีอาหารดี ๆ กิน มีของใช้สวย ๆ งาม ๆ ใช้ มีคนรับใช้คอยดูแลปรนนิบัติตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องดิ้นรนทำอะไรเอง มันอาจจะไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงที่คนเราต้องการก็ได้ ถ้าจะถูกจำกัดชีวิตให้ไม่มีอิสระขนาดนั้น แค่กักตัวเพราะโควิด ออกไปไหนไม่ได้เดือนเดียวก็แทบจะบ้ากันแล้ว ถ้าต้องแลกความสบายนั้นกับการที่ไม่สามารถออกไปเห็นเดือนเห็นตะวันได้เลยอีกตลอดชีวิต ขอไม่แลกนะ

นั่นสิ คนเราจะต้องการความสุขแบบขาดอิสรภาพจริง ๆ เหรอ มีความสะดวกสบายทุกอย่าง แต่ไม่ได้ทำอะไรที่ตัวเองอยากทำ ไม่ได้ไปในที่ที่อยากจะไป ไม่ได้รับแม้แต่โอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตในแบบที่คนอื่นได้เป็น มันจะทำให้มีความสุขได้จริง ๆ เหรอ ถ้าต้องถูกขังอยู่แบบนั้น ความรู้ที่ได้จากการอ่านหนังสือน่ะ เราจะไม่มีวันเข้าใจมันเต็มร้อยหรอก ถ้าไม่เคยได้มีประสบการณ์จริง ๆ กับมัน!

“ขอโทษ” คำง่าย ๆ ที่พูดยาก

นอกจากเส้นเรื่องหลักที่เกี่ยวกับโชคร้ายของพระเอก นางเอกที่มาอยู่กับพระเอกและกำลังจะช่วยดลบันดาลให้เขาได้กลายเป็นคนที่โชคดี (อย่างเต็มใจ) และฝ่ายของพระรองที่ต้องกันนางเอกออกจากพ่อและเกมธุรกิจให้ได้ จนเกิดเป็นเส้นเรื่องรักสามเส้าขึ้นมาอีกปม พวกเขายังเกี่ยวข้องกับชาวตลาดที่แต่ละคนก็หาความปกติไม่ค่อยจะได้ด้วย แต่ก็เข้าใจได้ว่าแก๊งชาวตลาดที่มีไว้สร้างสีสันและเสริมพล็อตรอมคอม ถึงอย่างนั้นแต่ละประเด็นที่เกิดขึ้นกับชาวตลาดก็ไม่ได้ไร้ที่มาที่ไป และไม่สมเหตุสมผลอะไร มันมีจุดที่สร้างความประทับใจได้อยู่

ภาพจาก Facebook : KBS 한국방송

ที่ชอบมากที่สุดเห็นจะเป็นตอนที่พระเอกนางเอกไปปูซานเพื่อเอาลูกหมาไปคืนให้กับย่าของเด็กในตลาด เด็กคนนี้ป่วย มีอาการผิดปกติแบบออทิสติก แสดงความบกพร่องทางพัฒนาการ แสดงความบกพร่องของการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและการสื่อสาร ย่าส่งลูกหมาขึ้นมาโซลให้หลาน ทั้งที่รู้ว่าลูกหมาไม่ได้อยากมา มันอยากอยู่ที่ที่มันเคยอยู่มากกว่า มันอยากกลับบ้าน แต่ที่ส่งมาก็เพราะต้องการให้ลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลานลงไปหาเพื่อเอาหมาไปคืน เพราะบ้านนี้เคยมีความบาดหมางเกิดขึ้น เหตุเกิดจากย่า ซึ่งรับบทเป็นแม่ผัวที่ใจร้ายใส่ลูกสะใภ้นั่นเอง

ย่าอยากเจอหลาน อยากเจอลูกชายและลูกสะใภ้ แต่ด้วยความเป็นคนแก่ ถือตัว ทิฐิสูง ไม่ยอมขอโทษทั้งที่ตัวเองก็รู้ว่าตัวเองผิดที่ไปพูดจาร้าย ๆ ใส่ลูกสะใภ้ก่อน แสดงให้เห็นเลยว่าคำขอโทษเป็นคำพูดง่าย ๆ ที่พูดออกมาได้ยากเหลือเกินสำหรับใครบางคน ทั้งที่ในใจรู้สึกผิดเต็มแก่ แต่ปากก็ไม่ยอมพูดขอโทษอยู่ดี แถมยังหวังจะให้คนอื่นเข้าใจได้เองจากการกระทำที่ออกจะห่าม ๆ ที่ทำเพื่อแสดงความขอโทษอีก คือเอาเข้าจริงใครจะไปขยันตีความสัญลักษณ์จากการกระทำขนาดนั้น แค่พูดออกมามันก็จบแล้ว

ชีวิตคนเรามันสั้นมากนะ อีกทั้งเราไม่รู้เลยว่าคนที่เรารัก ที่วันนี้เรายังเห็นเขาใช้ชีวิตอยู่ดีกินดี มันอาจจะเป็นวันสุดท้ายในชีวิตเขาก็ได้ วันพรุ่งนี้อาจไม่มีสำหรับพวกเขาแล้ว หรือแม้แต่ตัวเราเองก็ตาม ก่อนถึงวันสุดท้ายไม่เคยมีสัญญาณเตือนใด ๆ มันก็จะเป็นแค่วันธรรมดา ๆ เหมือนกับทุก ๆ วัน แต่พอเกิดเรื่องไม่พึงปรารถนาขึ้นนี่สิ หลังจากนั้นไปเราเองนี่แหละที่จะเสียใจ ถ้าใจดีต่อกันได้ก็รีบทำเถอะ อยากบอกรักก็รีบบอก รู้สึกผิด อยากขอโทษก็พูดเลย ทำดีต่อกันให้มาก ๆ ตอนที่ทั้งเราและเขายังอยู่ด้วยกัน อย่ารอให้ใครคนใดคนหนึ่งจากไป วันนั้นอาจจะใกล้ตัวมากกว่าที่คิด

ภาพจาก Facebook : KBS 한국방송

Jinxed at First สัปดาห์ล่าสุดนี้เรื่องเดินมาถึงตอนที่ 6 แล้ว เรื่องเดินเรียบ ๆ ไม่หวือหวามากแต่เดินเรื่องเร็ว สนุกชวนติดตาม อะไรหลาย ๆ อย่างกลมกล่อมดี เคมีพระนางคือดี น่ารัก ความละมุนตะมุตะมิของซอฮยอนออนนี่ที่แม้ว่าอายุจริงจะเข้าเลขสามไปแล้ว ก็ยังหน้าเด็กและสดใสมาก ๆ กับคาแรคเตอร์สาวน้อยวัย 20 คือสวยจึ้งมาก สวยแบบตะโกน พอมาเจอกับนาอินอูพระเอกรุ่นน้องที่เป็นสายฮาหน้านิ่ง ก็คือลงตัวมาก ๆ นับวันเจ้าตัวยิ่งได้รับโอกาสดี ๆ ในวงการ อนาคตไกลสุด ๆ ฟากพระรองก็หล่อและแสนดีทำคนดูปวดใจในการเลือกทีมอีกแล้ว สรุปง่าย ๆ ก็คือดูเถอะสนุก คืนวันพุธ-พฤหัสฯ เจอกันที่ iQIYI 🧚🏻‍♀