ตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่เราอดทนสู้กับวิกฤติโควิด-19 ที่แสนสาหัส จนวันนี้สถานการณ์ในประเทศไทยเริ่มดีขึ้นตามลำดับ พบยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง นี่อาจเป็นสัญญาณที่ดี เรื่องของการถอดหน้ากากอนามัยถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญที่บ่งบอกว่า ประชาชนในพื้นที่นั้น ๆ ดูเหมือนจะได้ชีวิต (เกือบ) ปกติคืนมาแล้ว
หลายประเทศทั่วโลกขณะนี้พยายามที่จะคืนชีวิตปกติให้กับประชาชน จึงตัดสินใจประกาศยกเลิกมาตรการหลายอย่าง เช่น ไม่ต้องฉีดวัคซีน ไม่ต้องกักตัว รวมถึงบางประเทศก็ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า ไม่จำเป็นต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย
ล่าสุดประเทศไทยได้มีการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ครั้งล่าสุด ได้มีมาตรการคลายล็อกในหลาย ๆ ด้าน หนึ่งในมาตรการที่ประชาชนรอคอยนั่นก็คือ ปลดล็อกให้สามารถถอดแมสก์หรือหน้ากากอนามัยได้ สำหรับผู้ที่อยู่ในที่โล่ง ไม่แออัด ไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัย หรือให้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจได้ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 นี้
จากการประชุม ศบค. ได้มีมติปรับพื้นที่โซนสีทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศให้เป็น พื้นที่สีเขียวสีเดียว แต่ให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่แออัด สถานที่ปิดหรือมีการอยู่ใกล้ชิดกับคนจำนวนมาก ควรสวมหน้ากากตลอดเวลา ส่วนผู้ที่อยู่ในที่โล่ง ไม่แออัด ไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัย หรือให้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจได้ แต่การอนุญาตให้ถอดหน้ากากอนามัย ไม่ใช่ใครก็สามารถถอดได้ เพราะอย่างไรก็ตามที่ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ ก็ยังคงมีมาตรการป้องกันอยู่ดี
ดังนั้น ก่อนกลับไปใช้ชีวิตปกติ เราควรรู้เงื่อนไขต่าง ๆ ว่าสถานที่ไหนสามารถถอดหน้ากากอนามัยได้บ้าง เพื่อป้องการการติดเชื้อ และการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
สามารถถอดหน้ากากได้ที่ไหนบ้าง
สามารถถอดหน้ากากได้เมื่ออยู่นอกอาคารที่โล่งแจ้ง และเมื่ออยู่ในอาคารที่เว้นระยะห่างได้ ไม่แออัด และระบายอากาศดี ขณะที่รับประทานอาหาร/เครื่องดื่ม ออกกำลังกาย แสดงมหรสพ ถ่ายทำภาพยนตร์ (เมื่อกิจกรรมนั้นเสร็จสิ้น ควรสวมหน้ากากทันที) เมื่ออยู่คนเดียวก็สามารถถอดหน้ากากได้
ใครควรสวมหน้ากากตลอดเวลา
กลุ่ม 608 (ผู้ที่มีอาการรุนแรงของโรคมากหากติดเชื้อโควิด-19) ที่ไม่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ เมื่ออยู่รวมกับบุคคลอื่น ผู้ติดเชื้อ หรือผู้ที่สัมผัสเสี่ยงสูง ผู้ที่มีความจำเป็นต้องอยู่ร่วมกับบุคคลอื่น พนักงาน ผู้ให้บริการ ในขณะที่ให้บริการ ควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
อยู่ในบ้านเดียวกัน ต้องสวมหน้ากากไหม
หากไม่มีความเสี่ยงก็ไม่จำเป็นต้องสวม แต่เมื่อใดที่เราต้องอยู่ร่วมกับผู้ป่วยโควิด หรือกลุ่ม 608 ที่ไม่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ ควรสวมหน้ากากอนามัย
ฉีดวัคซีนแล้ว ยังต้องสวมหน้ากากไหม
หากอยู่ในอาคาร สถานที่แออัด แล้วมีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก ควรสวมหน้ากากแม้ฉีดวัคซีนแล้ว และควรสวมหน้ากากเนื่องจากอยู่ในพื้นที่ปิดและต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น เช่น โดยสารเครื่องบิน รถไฟ หรือขนส่งสาธารณะ ในกรณีออกกำลังกาย สามารถถอดได้ หากเว้นระยะห่างจากคนอื่น หรืออยู่ในที่มีการระบายอากาศที่ดี
อยู่ในร้านอาหาร ถอดหน้ากากได้ไหม
ถอดได้ ระหว่างกินอาหาร และควรลดการพูดคุย เมื่อกินเสร็จแล้ว ให้สวมหน้ากากทันที ควรใช้เวลาในร้านอาหารเท่าที่จำเป็น ในกรณีอยู่ร่วมกับผู้อื่นที่ไม่มีความเสี่ยง ไม่ต้องสวมหน้ากาก สามารถร่วมโต๊ะได้ ควรใช้ช้อนกลางส่วนตัว หรือช้อนกลาง และพนักงานที่ให้บริการให้สวมหน้ากากตลอดเวลา
อยู่ในรถยนต์ส่วนตัว ถอดหน้ากากได้ไหม
สามารถถอดได้ เมื่ออยู่คนเดียวหรืออยู่กับคนที่พักอาศัยในบ้านเดียวกัน
ไปดูคอนเสิร์ต หรืองานอีเวนต์ต่าง ๆ ถอดหน้ากากได้ไหม
ผู้เข้าร่วมงาน ควรสวมหน้ากาก ทั้งงานที่จัดนอกอาคาร และในอาคาร ส่วนนักร้อง นักแสดง สามารถถอดหน้ากาก ขณะทำการแสดงได้ และควรเว้นระยะห่างจากผู้อื่น เมื่อทำการแสดงเสร็จ ควรสวมหน้ากากทันที ในการจัดงานนั้นควรจัดในสถานที่ให้มีการระบายอากาศที่ดี Staff Backstage ควรสวมหน้ากากตลอดเวลา ขณะปฏิบัติงาน
ในพื้นที่สาธารณะสามารถถอดได้ไหม
ทุกครั้งเมื่อต้องไปห้างสรรพสินค้าควรสวมหน้ากาก เว้นเเต่กรณีที่สามารถเว้นระยะห่างได้ หรือระหว่างกินอาหาร สามารถถอดหน้ากากได้เมื่อไปตลาดแต่ควรสวมหน้ากากเมื่ออยู่ในบริเวณที่ผู้คนแออัด หรือมีการระบายอากาศที่ไม่ดี ส่วนพ่อค้าแม่ค้า ให้สวมหน้ากากในขณะที่ให้บริการ ส่วนการไปท่องเที่ยวในสถานที่สาธารณะเช่น ชายหาด ชายทะเล สามารถถอดหน้ากากได้ตามความสมัครใจ และควรเว้นระยะห่างจากคนอื่น
ประเทศไทยเราพร้อม “ถอดหน้ากากอนามัย” จริงหรือ
สำหรับไทยที่ผ่านมาประชาชนติดโควิดกันก็เยอะจากตัวเลขที่ทำให้เราต้องขนลุกกันทุกวัน ท่ามกลางการฉีดวัคซีนกันมากขึ้น ถึงแม้ว่าวันนี้ยอดการติดเชื้อของประชาชนจะลดจำนวนลงแล้วก็ตาม จนทำให้ภาครัฐประกาศให้การสวมหน้ากากอนามัยกลางแจ้งเป็นทางเลือก สวมก็ได้ถอดก็ได้ให้ประชาชนตัดสินใจได้เอง ไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้เกิดการติดเชื้อเพิ่มขึ้น เพราะท่ามกลางข่าว “ฝีดาษลิง” ที่ซ้ำซ้อนเข้ามาอีก ก็ยังคงเชื่อว่าคนไทยยังต้องระมัดระวังตัว สวมหน้ากากมาสองปีจนกลายเป็นอวัยวะที่ 34 (ถัดจากโทรศัพท์มือถือ) คงยากจะถอดกันง่าย ๆ ประเด็นจึงอยู่ที่ความไว้ใจที่รัฐมีต่อประชาชนมากกว่า
หากเราถอดหน้ากากอนามัยแล้วจริง ๆ ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ตามประกาศของ ศบค. จะไม่มีการระบาดเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก และหากสถานการณ์ไม่ได้เป็นไปตามคาดการณ์ไว้ ภาครัฐเองจะรับมือกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไร ประชาชนเราก็ยังคงต้องระวังกันต่อไป
โลกยังคงต่อสู้กับการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง เพราะสายพันธุ์ใหม่ที่พร้อมเกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา และเมื่อถึงเวลาที่การระบาดเริ่มแย่ลง มาตราการต่าง ๆ ของประเทศอาจกลับมาเข้มข้นอีกครั้ง เราก็ได้แต่หวังว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้นจะลดลงและกลับมาปกติให้เร็วที่สุด เพื่อที่เราจะได้กลับมาใช้ชีวิตกันได้อย่างปกติ และพร้อมกลับมาใช้ชีวิตกันได้อย่างไม่ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยอีกต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก : กระทรวงสาธารณสุข