เมื่อช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ที่ผ่านมา หากยังจำกันได้ จู่ ๆ ก็มีข่าวดังข่าวใหญ่ชนิดที่เรียกว่าเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ขึ้นมาทำลายความเงียบและความว่างของใครบางคนไปจนหมดสิ้น อุตส่าห์ได้หยุดยาว 5 วัน จากแผนที่วางไว้ว่าจะตื่นนอนซักบ่ายโมง หาข้าวกิน ดูซีรีส์กรี๊ดผู้ชาย แล้วนอนต่อวนไป ก็ต้องเจียดเวลามาตามเผือกว่าคนในข่าวคือใครกัน เพราะในช่วงแรกที่ข่าวถูกโหมขึ้นมา ไม่ปรากฏชื่อคนในข่าว มีเพียงคำใบ้ว่าเป็นนักการเมืองดีกรีรองหัวหน้าพรรคใหญ่ มีพ่อเป็นคนดังระดับโลก และจุดสำคัญก็คือต้นเหตุที่ว่าทำไมคนคนนี้ถึงกลายเป็นข่าวดังขึ้นมา
คำใบ้ที่ว่าทำให้ผู้คนสงสัยและพยายามขุดคุ้ยว่าคนคนนี้คือใครอยู่เพียงวันเดียวเท่านั้น เพราะในวันรุ่งขึ้นก็เริ่มมีการเฉลยให้ได้รู้กันแล้วว่าเขาคือใคร พร้อมมีการแฉพฤติกรรมที่เป็นพิษเป็นภัยต่อสังคม และในวันที่คดีของอดีตนักการเมืองคนหนึ่งกำลังฉาวโฉ่ไปทั่วดินแดนสยามประเทศ ใครจะคิดว่าพอเปิดเข้า Netflix ไปแล้ว จะได้พบกับซีรีส์เรื่องหนึ่งที่ทำให้นึกถึงเนื้อเพลง “เธอมาได้ทันเวลาพอดี อย่างกับรู้ใจ” ช่วงเวลาที่ซีรีส์ปรากฎใน Netflix ช่างจังหวะเป๊ะปังเหมาะเจาะอะไรเบอร์นี้
ทั้งนี้ทั้งนั้น ซีรีส์เรื่องที่ว่าไม่ใช่ซีรีส์ไทย และไม่ใช่ซีรีส์เกาหลีเจ้าประจำที่กินพื้นที่ในคอลัมน์นี้ไปประมาณ 90% ด้วย ทว่าเป็นซีรีส์ตะวันตก ที่มีฉากต่าง ๆ เกิดขึ้นในเมืองผู้ดี อย่างไรก็ดี พอได้อ่านเรื่องย่อแล้วก็เห็นว่ามันช่างเข้ากับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเรา อย่างกับ Netflix จงใจที่จะเอาเรื่องนี้ลงช่วงนี้ (ไม่สิ ตารางลงซีรีส์น่าจะกำหนดขึ้นมานานแล้ว) ด้วยความที่จังหวะมันได้ ใจก็เลยอยากจะเขียนอะไรถึงเรื่องนี้บ้าง เลยจะขอใช้พื้นที่คอลัมน์ตัวเองที่เขียนถึงซีรีส์เป็นประจำทุกวันเสาร์อยู่แล้วละกัน ประเดิมซีรีส์ตะวันตกเรื่องแรกในคอลัมน์ชะนีติดซีรีส์ไปเลย
Anatomy of a Scandal มีชื่อไทยสไตล์ Netflix ว่า ฉาวซ่อนเงื่อน เป็นลิมิเต็ดซีรีส์ Original Netflix จำนวน 6 ตอนจบ จากผู้สร้าง David E. Kelley ผู้มีผลงานซีรีส์ดัง Big Little Lies โดยสร้างจากนวนิยายชื่อเดียวกันของ Sarah Vaughan ซึ่งเล่าเรื่องราวของคดีล่วงละเมิดทางเพศของนักการเมืองดังน้ำดีแห่งรัฐสภาอังกฤษ บอกตรง ๆ ว่าพลาดเรื่องนี้ไปไม่ได้จริง ๆ ดู ๆ ไปก็เหมือนจะแยกไม่ออกแล้วว่ากำลังดูข่าวในทีวีอยู่ หรือกำลังเปิด Netflix ดูซีรีส์อยู่ เพราะเรื่องมันคล้ายและใกล้เคียงกับคดีที่เกิดขึ้นในบ้านเรามากจริง ๆ
เปิดเรื่องมาไม่ถึง 10 นาที ความฉาวโฉ่ก็ส่งกลิ่นเหม็นแล้ว นักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมชื่อดัง หนึ่งในคณะทำงานฝ่ายรัฐบาล ที่มีภาพลักษณ์เป็นนักการเมืองน้ำดี ฉลาดหลักแหลม มีชีวิตที่สุดแสนจะเพอร์เฟก หน้าที่การงานก็ดี มีเพื่อนสนิทเป็นถึงนายกรัฐมนตรี มีพ่อแม่เป็นชนชั้นอภิสิทธิ์ชนตระกูลใหญ่ เกิดมาในสังคมคนชั้นสูง เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับโลก ส่วนตัวเขาก็แต่งงานกับเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย จนมีลูกด้วยกัน 2 คน สร้างครอบครัวที่สุดแสนจะอบอุ่น เป็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบจนทำให้ใคร ๆ ต้องพากันชื่นชมระคนอิจฉาได้ง่าย ๆ
แต่แล้วจู่ ๆ ทุกอย่างที่สวยงามในชีวิตก็กำลังจะย่อยยับไปต่อหน้าต่อตา เขาตกเป็นข่าวฉาวในกรณีมีสัมพันธ์สวาทกับเพื่อนร่วมงาน ที่มีฐานะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นเวลานานถึง 5 เดือน แถมในภายหลังมันไม่ใช่แค่เรื่องชู้สาวธรรมดาของคน 2 คนอีกต่อไป แต่มันกลายเป็นคดีความ เนื่องจากลูกน้องสาวกล่าวหาว่าเขาข่มขืนเธอ แม้ว่าภรรยาจะแทบล้มทั้งยืนที่รู้ความจริงว่าสามีแอบนอกใจเธอ คบชู้กับคนในที่ทำงาน แต่เธอก็พยายามมองว่ามันเป็นเพียงความผิดพลาดโง่ ๆ ที่เกิดขึ้นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ เธอเชื่อใจเขาและปกป้องเขาตลอดการต่อสู้ในชั้นศาล ยังคงยืนเคียงข้างเขาในวันที่โดนกล้องจากสื่อมวลชนสาดแฟลชใส่ และตกเป็นขี้ปากให้คนอื่นวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ นานา
แต่แล้วเมื่อเรื่องแดงขึ้นมา ด้วยความที่เขาเป็นนักการเมือง มันเลยสะเทือนไปถึงคณะรัฐบาลที่เขาทำงานด้วย แต่เพื่อนที่เป็นนายกรัฐมนตรีก็คอยช่วยเหลืออุ้มชูอยู่ ไม่เพียงเท่านั้น ความลับเลวร้ายสมัยเรียนมหาวิทยาลัยยังค่อย ๆ ถูกคลี่คลายทีละนิด ๆ จนทำให้ผู้เป็นภรรยาซึ่งก็เป็นหนึ่งในผู้ที่มีส่วนรู้เห็นในเหตุการณ์วันนั้น แต่รู้ไม่ครบหมดทุกอย่าง เริ่มรู้สึกว่าสามีของเธออาจไม่ใช่คนที่เธอรู้จักอีกต่อไป เขาอาจจะไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่คิด จนในที่สุด เธอต้องลงมือค้นหาคำตอบเองว่าในคืนวิปโยคคืนนั้น จริง ๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น แล้วเธอจะยังเชื่อใจและปกป้องสามีคนนี้ต่อไปหรือไม่
ทำตัวสมกับเป็นเมียที่ถูกนอกใจเลยว่าไหม
เป็นคำปรามาสจากผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นหนึ่งในคณะทำงานที่กำลังวิ่งเต้นแก้ปัญหาเรื่องที่เกิดขึ้นกับนักการเมืองตัวปัญหา อย่างไรก็ดี เขาคนนั้นก็ทำตัวไม่ค่อยมีมารยาทและค่อนข้างหยาบคายเมื่อต้องเข้ามาคุยประเด็นนี้ในบ้านของครอบครัวไวท์เฮาส์ สิ่งที่แย่ที่สุดคือการที่เขาบอกกับภรรยาของคนที่สร้างปัญหาให้เขาตามล้างตามเช็ดว่า “ทำตัวสมกับเป็นเมียที่ถูกนอกใจ” เพียงเพราะเธอกำลังรับไม่ได้ที่ได้รู้เรื่องสามี รู้สึกหงุดหงิด หัวเสีย แล้วเริ่มมีอารมณ์โกรธ เธอจึงเดินหนีเข้าไปตั้งหลักในครัว
เชื่อเถอะว่าผู้หญิงทุกคนบนโลกใบนี้น่ะ ไม่มีใครอยากจะมีสถานะเป็น “เมียหลวง” หรอก ต่อให้เป็นผู้หญิงแกร่งกล้ากร้านโลก ไม่แคร์กับสิ่งใด ๆ แค่ไหน แต่ใจของผู้หญิงทุกคนอยากจะเป็น “เมียเดียว” ของสามี การที่เธอถูกยัดเยียดให้กลายเป็นคนผิดว่า “ก็เพราะทำตัวแบบนี้สามีเลยนอกใจ” แถมยังออกมาจากปากผู้ชายอีกเนี่ย เป็นความต่ำช้าที่สุดแล้ว คิดว่าเธอจะต้องรู้สึกอย่างไรทั้งที่ตัวเองก็ทำหน้าที่ได้ดีมาโดยตลอด เป็นภรรยาที่ดี เป็นแม่ที่ดี แต่โดนสามีนอกใจโดยที่เธอก็ไม่รู้ มันสมควรไหมที่จะไปพูดกับเธอด้วยคำพูดนั้น
บอกตรง ๆ ว่าบทของภรรยาเป็นบทที่น่าสงสารและน่ายกย่องที่สุดในเรื่องแล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่แกร่งมากจริง ๆ โดนสามีนอกใจ โดนดูถูกด้วยคำพูดต่ำ ๆ ต้องเผชิญหน้ากับสื่อมวลชนที่ขอความเห็นเรื่องที่สามีเล่นชู้ในที่ทำงาน ถามคำถามสิ้นคิดว่ารู้สึกอย่างไรที่ถูกนอกใจ แม้กระทั่งคำถามที่ว่า “คุณรู้สึกยังไงที่นอนกับผู้ถูกกล่าวหาคดีข่มขืน” คาดหวังจะให้เธอยิ้มร่าหน้าบานตอบว่าภาคภูมิใจงั้นเหรอ แบบนี้มันเกินไป เกินไปมากจริง ๆ สามีเธอเป็นตัวปัญหาที่ก่อเรื่องขึ้น แต่เธอต้องรับแรงกระแทกทุกอย่าง แถมยังพยายามจะเชื่อใจและปกป้องเขาจนถึงที่สุดอีกต่างหาก
มันจะมีอยู่ฉากหนึ่งที่เธอเผยปมครอบครัวตัวเองออกมาว่าเธอจะไม่ใช้ชีวิตแบบแม่ จะไม่ยอมเป็นภรรยาที่ทนทุกข์ทรมานใช้ชีวิตอย่างขมขื่น นั่นแปลว่าเธอเองก็มาจากครอบครัวที่แตกสลาย เมื่อเจอเรื่องนี้เข้าไป เธอจึงพยายามจะรักษาคำว่า “ครอบครัว” ไว้ให้ดีที่สุด เธอไม่ได้แค่ต้องปกป้องสามีที่นอกใจเธอ แต่เธอต้องปกป้องลูก ๆ อีก 2 คน ทั้งที่ต้องเดินฝ่าฝูงชนที่รู้ว่าเธอเป็นใคร เจอเรื่องอะไรมา จ้องมองอย่างเสียมารยาทแล้วซุบซิบนินทาต่อหน้า เครียดและคิดมากจนรู้สึกหลอนในมโนภาพ เห็นภาพสามีกำลังเล่นบทรักที่เร่าร้อนกับชู้ มันเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายมากสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง
ยังไม่หมดเพียงแค่ไหน เธอต้องใจเด็ดแค่ไหนที่เข้าไปนั่งในศาลเพื่อให้กำลังใจสามีและเพื่อที่จะยืนยันว่าเธอมั่นใจว่าเขาไม่ได้เป็นคนผิดฐานล่วงละเมิดทางเพศ (แต่แน่นอนว่าผิดฐานนอกใจ) นั่งฟังสารพัดคำบรรยายเล่นชู้สุดเร่าร้อน ที่เธอก็รู้พร้อมกับคนอื่นว่าสามีนอกใจ เธอต้องอดทนฟังชู้รักบรรยายบทรักกับสามีเป็นฉาก ๆ แบบต้องประคองสติไม่ให้สติแตกจนลุกขึ้นมาชี้หน้าด่ากราดใครต่อใคร มันยากนะพูดเลย และต่อให้ตรงหน้าจะเป็นผู้หญิงที่เป็นชู้ แต่เธอเองก็หวั่นไหวไม่น้อยเมื่อเห็นใจผู้หญิงด้วยกันว่าการโดนข่มขืนเป็นเรื่องเลวร้ายแค่ไหน ที่ผ่านมาผู้หญิงคนนั้นอาจจะสมยอมเล่นชู้กับสามีเธอ แต่ถ้าครั้งนี้เธอไม่ได้เต็มใจ มันก็เท่ากับว่าสามีเธอข่มขืนผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ
อีกเรื่องที่เธอกำลังเผชิญก็คือ มุมมองความเชื่อใจของเธอที่มีต่อสามี หลังจากทุกเรื่องถาโถมเข้าใส่ เธอก็เริ่มได้เรียนรู้ตัวตนที่แท้จริงของสามีตัวเองว่าจริง ๆ แล้วเธออาจไม่เคยรู้จักเขาเลย ทั้งที่เธอพยายามเชื่อใจและปกป้องเขา แต่ตัวเขาเองนั่นแหละที่ทำให้เธอเริ่มลังเลว่าเธอปกป้องกำลังปกป้องคนผิดอยู่หรือเปล่า เพราะภาพลักษณ์ทุกอย่างที่เขาแสดงให้เธอเห็นนั้นคือการเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่ดี เป็นนักการเมืองที่ดี ทุกอย่างเริ่มทำให้เธอสงสัยไปถึงเรื่องราวในคืนหนึ่งในอดีตที่มันก็ค่อนข้างพร่าเลือนในความทรงจำของเธอ ซึ่งจริง ๆ แล้วความจริงทุกอย่างมันอาจปรากฏตั้งแต่คืนนั้น
เส้นบาง ๆ ระหว่าง “ข่มขืน” กับ “สมยอม”
บอกตรง ๆ ว่าถ้าคุณดูซีรีส์เรื่องนี้จบโดยที่ไม่รู้สึกอะไรกับพฤติกรรมของสามีโฉดที่นอกใจภรรยา แล้วพยายามจะทำให้โลกทั้งโลกอยู่ในมือตัวเอง พลิกลิ้นให้ผิดเป็นถูกถูกเป็นผิดแบบนี้ คุณอาจต้องกลับไปทบทวนกระบวนการรู้ผิดชอบชั่วดีของตัวเองใหม่ก่อน เผื่อว่าจะพอจับจุดได้ว่ามันมีอะไรบ้างที่ไม่ถูกต้องในตัวผู้ชายคนนี้ คนที่เล่นละครโกหกภรรยาสุดที่รัก โกหกลูก โกหกศาล แหกตาคนทั้งประเทศ มันเป็นความรู้สึกที่สะเทือนใจมากจริง ๆ
เนื้อเรื่องหลัก ๆ ของซีรีส์เรื่องนี้เกิดขึ้นในศาลอังกฤษ ซึ่งใช้ระบบลูกขุนตัดสิน เป็นการต่อสู้คดีระหว่างนักการเมืองภาพลักษณ์ดีที่ถูกอดีตชู้รักแจ้งข้อกล่าวหาแล้วฟ้องศาลว่าเขาข่มขืนเธอ จะปรากฏฉากที่ผู้รู้กฎหมาย 2 ฝ่ายไล่ต้อนพยานกันอย่างดุเดือด ทั้งโจทก์และจำเลยร่วมอยู่ในเหตุการณ์เดียวกัน แต่พูดให้การต่อศาลไม่เหมือนกัน คนหนึ่งพยายามระบุว่าต่อให้ตัวเองจะเคยมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับหัวหน้าแบบที่สมยอมและเต็มใจก็จริง แต่สิ่งที่เธอโดนกระทำในครั้งนี้มันแตกต่างออกไป มันคือการข่มขืน เพราะเธอไม่ได้สมยอมที่จะมีอะไรกับเขา
ในขณะเดียวกัน อีกฝ่ายกลับพูดโต้แย้งเรื่องที่ฝ่ายหญิงพูดแบบหนังคนละม้วน เขาพยายามชี้ให้เห็นว่าเขาผิดจริงเรื่องที่นอกใจภรรยาไปมีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับผู้ใต้บังคับบัญชา แต่เขาจะต้องไม่ผิดในข้อกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศ เขาพร้อมสาบานเลยว่าเขาไม่เคยกระทำความรุนแรงแบบนั้นกับผู้หญิงคนไหน นอกจากจะทำให้คนในศาลเชื่อแบบที่เขาพูดแล้ว เขาก็ต้องการให้ภรรยาเชื่อเขาในแบบนั้นด้วยเช่นกัน เขารู้ว่าเขาผิดเรื่องที่นอกใจ แต่เวลานี้สำนึกผิดแล้ว และกำลังพยายามจะปรับตัวเสียใหม่ ขอให้เธอให้เธอให้โอกาสและเชื่อใจเขาอย่างถึงที่สุด
กลับมาที่เส้นกั้นบาง ๆ ของการ “ข่มขืน” และ “สมยอมร่วมรัก” ในฐานะคนดูที่ต้องฟังและวิเคราะห์ในสิ่งที่ทั้ง 2 ฝ่ายพูดออกมา มันคือสิ่งที่คนดูต้องค่อย ๆ พิจารณาอย่างมีวิจารณญาณ ตัวซีรีส์ทำออกมาได้ดีในเรื่องที่คดีนี้ มันต้องต่อสู้กันด้วย “คำกล่าวอ้าง” ของแต่ละฝ่าย ไม่มีพยานในเหตุการณ์ ไม่มีภาพหลักฐานที่ชัดเจนเป็นที่ประจักษ์ชนิดที่ว่าแก้ตัวไม่ได้จนต้องยอมจำนนต่อหลักฐาน ที่สำคัญคือ ฝ่ายหญิงจะเสียเปรียบจนมีโอกาสแพ้คดีสูงมาก เพราะดันเคยมีความสัมพันธ์แบบยินยอมพร้อมใจกันจริง ๆ และก็เกิดบอกเทำให้ฝ่ายหญิงรู้สึกไม่พอใจ มันเลยแยกยากว่าเธอถูกข่มขืนจริง ๆ หรือเธอสมยอม แต่บอกว่าโดนข่มขืนเพื่อให้ร้ายอีกฝ่ายเพราะความแค้นหรือเปล่า
ส่วนอีกฝ่ายก็ยืนยันหนักแน่นชัดเจนว่าเหตุการณ์ในตอนนั้นเขาไม่ได้ทำอะไรรุนแรง และการมีเพศสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นความต้องการของคน 2 คน แถมยังบอกว่าฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายเริ่มก่อน พูดโต้แย้งสิ่งที่โจทก์เคยให้การไว้ทุกอย่าง ถ้าเธอบอกว่าเธอพยายามปฏิเสธเขาที่จะไม่ร่วมเพศ เขาจะบอกว่าเธอไม่ได้พูดห้ามหรือแสดงปฏิกิริยาต่อต้านอะไร ในเมื่อมันเป็นเพียงลมปากที่ใครก็พูดได้ โอกาสที่ใครสักคนจะโกหกมันก็ทำได้ไม่ยากเลย อาศัยแค่ความเนียนนิดหน่อย แต่ในเมื่อฝ่ายหญิงมีประเด็นที่ทำตัวเองไม่ค่อยน่าเชื่อถืออยู่แล้ว ก็ยิ่งเข้าทางอีกฝ่าย
แต่ตัวเรื่องมันจะค่อย ๆ คลี่คลายออกมาเองว่าใครกันแน่ที่โกหก แถมยังมีเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นกับพยานอีกคนที่มีส่วนร่วมอยู่ในเหตุการณ์ในศาลด้วย ซึ่งจะเฉลยให้คนดูรู้ทันทีว่าคนที่โกหกคือใคร แล้วเมื่อนั้นเองที่เราจะรู้สึกเดือดดาลกับความเป็นอภิสิทธิ์ชนและความไม่เป็นธรรมที่เหยื่อที่ถูกละเมิดทางเพศได้รับ ตีแผ่วิธีการเอาตัวรอดของคนที่มั่นหน้าว่าตัวเองมี DNA เป็นผู้ชนะมาตั้งแต่เกิด เพราะมาจากตระกูลใหญ่ เป็นชนชั้นสูง พ่อแม่ใหญ่โต บวกกับความฉลาดและเจ้าเล่ห์ กล้าที่โกหกคนทั้งโลก จะทำอะไรก็ได้ที่พลิกโลก ไม่ใช่เรื่องยาก
มิตรภาพที่ตัดกันไม่ขาด
ชาวเน็ตหลาย ๆ คนน่าจะเคยเห็นพวกข้อความไวรัลที่เกี่ยวกับการคบเพื่อน ประมาณว่า “ฉันเลิกคบเพื่อนคนนี้ไม่ได้หรอก เพราะมันรู้ความลับของฉันเยอะเกินไป” ใจความง่าย ๆ ของข้อความนี้ก็คือ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็เลิกคบเพื่อนคนนี้ไม่ได้ ต่อให้มันไปทำระยำตำบอนอะไรมาฉันก็ต้องช่วย ทำไมน่ะเหรอ เพราะมันรู้ความลับของฉันเยอะ มันเก็บความลับฉันไว้มาก ถ้าไม่ช่วยมัน เทให้มันรับกรรมคนเดียว มันก็อาจจะแค้นแล้วแฉเรื่องของฉัน จนทำให้ย่อยยับได้เหมือนกัน
เวลาที่เห็นข้อความนั้นในเป็นมีมทั่ว ๆ ไป หลายคนมองไปในทิศทางที่ตลกขบขัน มองว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งของคนที่เป็นเพื่อนกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุข เก็บความลับของกันและกันไว้ แต่สิ่งที่คุณจะเห็นจากซีรีส์เรื่องนี้ จะพิสูจน์ความเป็นจริงของข้อความดังกล่าว ว่าถ้าความลับที่ต่างฝ่ายต่างเก็บให้กันมันเป็นความลับที่เลวร้ายเกินกว่าความลับทั่ว ๆ ไป เลวร้ายเกินจะให้อภัย มิตรภาพมันตัดกันไม่ขาดจริง ๆ เพราะถ้าไม่พยายามช่วยกันไว้ ได้แฉกันเองจนลากกันไปลงนรกทั้งคู่แน่ ๆ
อย่างที่บอกว่าฝ่ายสามีมีเพื่อนสนิทเป็นนายกรัฐมนตรี ซี้กันมาตั้งแต่สมัยเรียน มีกลุ่มที่ทั้งคู่เข้าร่วมด้วยกันเพื่อสังสรรค์ในช่วงวัยรุ่น ซีรีส์จะเฉลยว่าทำไมนายกรัฐมนตรีถึงไม่กล้ากำจัดปลาเน่าตัวเดียวในข้องทิ้ง ทั้งที่เวลานี้ปลาเน่ากำลังส่งกลิ่นเหม็นและกำลังจะทำให้ตัวเขาเดือดร้อนไปด้วย ยังคงสนับสนุนและให้ความอุ้มชู ช่วยเหลือให้พ้นจากข้อกล่าวหาไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม แต่หลัง ๆ มาที่เรื่องมันเหมือนจะเละเทะขึ้น ท่านนายกฯ ก็เริ่มลังเลแล้วว่าจะให้ความช่วยเหลือต่อไปดีหรือไม่ และก็ตามนั้น เขาโดนทวงหนี้ที่ติดไว้ แล้วเริ่มมีการข่มขู่กันว่าจะแฉ หากไม่ช่วยให้ตลอดรอดฝั่ง
มันเป็นมิตรภาพที่เชื่อมโยงกันไว้รูปแบบหนึ่ง ตลกดีนะ ถ้าเราจะไม่กล้าเทใครทิ้งเพราะกลัวว่าผลลัพธ์ที่ย้อนกลับมาอาจจะไม่คุ้ม มันเป็นการยื่นผลประโยชน์ที่มีร่วมกันด้วยความลับเพื่อผูกกันไว้ จนในวันที่มันถูกท้าทาย เพื่อนกำลังจะลากเราลงเหวไปด้วยถ้าเรายังไม่ปล่อยมือมัน แต่ถ้าเราปล่อยมือมันปุ๊บ มันอาจจะรีบคว้าอะไรที่เราไว้แล้วกระชากเต็มแรงให้ลงสู่ก้นเหวไปพร้อมกัน ในเมื่อมันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว มันต้องไม่พังคนเดียว
ถึงอย่างนั้น ซีรีส์เรื่องนี้ก็ไม่ได้มีแค่ความสัมพันธ์ที่ผูกกันไว้ด้วยโทษหรือผลประโยชน์ให้เห็นเท่านั้น แต่เพื่อนแท้ที่คบกันด้วยหัวใจจริง ๆ มันก็มี ความสัมพันธ์แบบที่เป็นทั้ง safe zone และ comfort zone ให้กัน มิตรภาพที่ไม่ปล่อยมือเหมือนกัน แต่ไม่ใช่เพราะกลัวว่ามันจะแฉความลับที่ชั่วร้าย หากเป็นความเป็นเพื่อนที่รักกันด้วยใจจริง เพื่อนที่กอดคอร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกันด้วยความเต็มใจ ไม่ว่าจะไปในทางดีหรือร้ายก็ตาม
นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์แบบผิวเผินที่เข้าหากันด้วยการหวังประโยชน์ชัดเจน ยอมรับคนนี้เป็นเพื่อนเพราะมีประโยชน์ให้สูบ ในขณะที่ตัวเองไม่เคยทำอะไรให้อีกฝ่ายเลยสักอย่าง ดีแต่จ้องจะเอาฝ่ายเดียว ไม่เคยเป็นผู้ให้ แล้วก็ไม่แคร์ด้วยว่าอีกฝ่ายจะมองออกหรือรู้ว่าเข้าเพราะผลประโยชน์ ตราบใดที่ฉันยังได้ในสิ่งที่ต้องการมันก็เพียงพอแล้ว เรื่องอื่นโนสนโนแคร์ อยากคิดอะไรก็คิดไปสิ
ขอบอกเลยว่าไม่เสียดายเลยที่ในสัปดาห์นี้พลาดการดูซีรีส์เกาหลีที่ตั้งหน้าตั้งตารอไป 1 เรื่อง แล้วหันมาเริ่มลองเปิดใจให้ซีรีส์ฝั่งตะวันตก แม้ว่ามันจะต้องปรับตัวอยู่บ้าง เพราะปกติไม่เคยอยากลองดู (ยกเว้นว่าจะเป็นแนวที่ชอบจริง ๆ) เพราะรู้สึกเข้าไม่ถึง มันมีความแตกต่างทางวัฒนธรรมบางอย่างที่รู้สึกว่าดูซีรีส์เกาหลี ซึ่งเป็นวัฒนธรรมเอเชียเหมือนกันมันสบายใจกว่า แต่สำหรับเรื่องราวใน Anatomy of a Scandal หรือ ฉาวซ่อนเงื่อน นี้ มันเกิดขึ้นได้กับทุกสังคม ทุกวัฒนธรรม และ…ทุกคน รู้เรื่องไว้บ้างเพื่อเป็นประสบการณ์ก็ไม่เสียหาย ♂