ช่วงนี้กองหน้าตัวสำรองของ “หงส์แดง” อย่าง ดิว็อก โอริกี้ ลงมาทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการยิง 2 ลูกจาก 4 เกมล่าสุด แม้ก่อนหน้านี้เขาเหมือนจะกลายเป็นบุคคลที่โลกลืมไปแล้ว
หลังการจบสกอร์ในนัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ สเปอร์ส ไปได้ 2-0 เมื่อปี 2019 หัวหอกทีมชาติเบลเยียมผู้นี้ฟอร์มเหมือนจะแผ่วลงมาก โอกาสการลงสนามในถิ่นแอนฟิลด์จึงน้อยลงไป ประกอบกับการที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ไปดึงตัว ดิโอโก้ โชต้า และ ทาคูมิ มินามิโนะ เข้ามา ทำให้ โอริกี้ กลายเป็นกองหน้าอันดับ 6 ในทีมไปอย่างช่วยไม่ได้
ทว่าจากผลงานล่าสุด เขาพิสูจน์ให้เห็นว่ายังมีความสามารถและบทบาทการเป็น “ซูเปอร์ซับ” ของเขากลับมามีทีเด็ดทีขาดเหมือนเดิม โดยเฉพาะเกมกับ วูล์ฟ ที่เขาลงมาซัดในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ พลิกสถานกาณ์ให้ทีมเก็บสามแต้ม เล่นเอากุนซือเยอรมันให้สัมภาษณ์หลังเกมชมเชยเป็นการใหญ่
ลีลาการเล่นแบบนี้พาลให้นึกถึงยอดตัวสำรองที่เป็นตำนานแห่งถิ่นแอนฟิลด์อย่าง เดวิด แฟร์คลัฟ “ไอ้ลูกเป็ดขี้เหร่” หัวหอกขี้ก้างของทีมในยุค 70 จนถึงต้น 80 ถูกเปลี่ยนตัวลงมาทีไรปิดสกอร์พลิกเกมได้อยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฟุตบอลถ้วยยุโรป แต่พอให้เล่นตัวจริงก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน 555
ถึงเวลานี้เมื่อ “เทพกี้” โชว์ให้เห็นว่าเขายังมีคุณค่า ก็น่าใจหายเหมือนกันหาก คล็อปป์ จะยอมปล่อยตัวเขาไปจริง ๆเมื่อสิ้นสุดซีซั่น ด้วยความยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย เพราะสัญญาที่ผูกพันกับสโมสรหมดลง
ว่าไปแล้วในช่วงสิ้นสุดฤดูกาลนี้จะมีผู้เล่นในทีม “หงส์แดง” ชุดปัจจุบันกำลังจะหมดสัญญาถึง 4 คน 2 รายแรกคือผู้รักษาประตูอย่าง อาเดรียน กับ ลอริส คาริอุส คนที่สองเป็นกองกลางอย่างรอง เจมส์ มิลเนอร์ ในวัย 35 ปี และสุดท้าย ดิว็อค โอริกี้ อายุ 26 ปี ซึ่งถึงตอนนี้ทั้งสี่ ยังไม่มีข่าวเรื่องการได้รับการยื่นสัญญาฉบับใหม่ให้
น่าคิดจริง ๆ ว่าสุดท้ายแล้วจะถูกลอยแพทั้งหมดเลยหรือไม่ หรือจะมีใครพลิกโผในช่วงโค้งสุดท้าย
ในรายของ “เทพกี้” นั้นน่าสนใจมากสุด เนื่องจากอายุอานามกำลังเข้าสู่ช่วงพีคของอาชีพนักฟุตบอล ด้วยความที่ลิเวอร์พูล ดึงเข้าสู่ทีมตั้งแต่อายุแค่ 20 ปี ตอนนั้นยังอยู่ในยุคของ แบรนดอน ร็อดเจอร์ส ช่วงปี 2015 แถมยังยิงประตูได้เมื่อมีโอกาสลงสนาม ฤดูกาลนี้เขากดไป 5 เม็ดแล้วจากผลงานทุกถ้วย ขนาดไม่ค่อยได้เล่น
ผมว่าถึงตอนนี้ คล็อปป์ เกิดเปลี่ยนใจคงไม่มีใครว่า ดีกว่าไปหาศูนย์หน้าคนใหม่ ซึ่งต้องเอาแบบทนนั่งสำรองได้ด้วย สเปคแบบโอริกี้ นี่ก็หาไม่ง่ายเหมือนกันนะ ถ้าต่อสัญญา “เทพกี้” แล้วเก็บเงินที่จะใช้ซื้อกองหน้ามาแทน ไปทุ่มซื้อตัวใหญ่ ๆ เจ๋ง ๆ มาลงในตำแหน่งอื่นที่ขาดจะดีกว่ามั้ย
วัดกันแล้วเขายังดูอันตรายในการจบสกอร์และก่อกวนกองหลังได้มากกว่า มินามิโนะ ถ้าเทียบกัน ณ นาทีนี้ แถมยังมีสัญชาตญาณในการปิดสกอร์และมีวิญญาณศูนย์หน้ามากที่สุดแล้วในขุนพล “หงส์แดง” ชุดนี้ เก็บเอาไว้เป็น “ซูเปอร์ซับ” หรือยอดตัวสำรองดีกว่ามั้ย
สุดท้ายคงต้องลุ้นให้ “เทพกี้” จับพลัดจับพลูกระซวกตาข่ายเยอะ ๆ ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง เพื่อวัดใจฝ่ายบริหารให้ยอมเปลี่ยนใจ
ผมว่าถ้าดีไปกว่านั้นคือจบสกอร์ในเกมสำคัญ ๆ หรือนัดชิงบอลถ้วยอีกครั้ง นอกจากยินดีให้อยู่ต่อแล้ว จะยอมอวยยศให้เป็น “คิง โอริกี้” แบบไม่กระดากปากเลยทีเดียว.