มาแล้วจ้า ได้ฤกษ์ออนแอร์เสียที กับซีรีส์ที่หลายคนต่างตั้งตารอมาตั้งแต่ช่วงเลือกนักแสดง ตอนที่มีข่าวว่าทาบทามใครมาเป็นพระนางของเรื่อง มีแต่คนลุ้นว่าคนให้ตอบตกลงรับเล่น แล้วพอได้นักแสดงชุดนี้มาจริง ๆ ก็ยิ่งทำให้ตื่นเต้นหนักมาก เห็นหลาย ๆ เพจเล่นนับถอยหลังรอเลยว่าเมื่อไรจะถึงวันออนแอร์
จริง ๆ แล้วแค่นางเอกคนเดียวก็มีพาวเวอร์มากพอที่จะทำให้ซีรีส์เป็นที่พูดถึง คาดหวัง ตั้งตารอ และโด่งดังแล้ว เพราะเป็นนักแสดงระดับแม่เหล็กของวงการ แต่พอมีพระเอกคนนี้ และนักแสดงท่านอื่น ๆ ร่วมด้วยแล้ว โอเค เก็บเรื่องเข้าลิสต์ว่าออนแอร์เมื่อไรต้องเป็นกระแสแน่ เหนือสิ่งอื่นใด เรตติ้งก็สูงมากด้วย ทั้งที่เพิ่งออนแอร์
Now, We Are Breaking Up เป็นเรื่องราวความรักของหนุ่มสาววัยทำงานที่มันมาพร้อมกับคำว่าเลิกรา ซึ่งการเลิกราก็ไม่ได้หมายว่าเลิกรัก เล่าผ่านตัวละครพระนางที่เริ่มต้นความสัมพันธ์กันแบบ one night stand อย่างชิล ๆ ทั้งคู่เป็นคนที่รักอิสระ มีความคิดคล้าย ๆ กันว่ารักสนุกแต่ไม่ผูกพันจะดีกว่า อย่าหาเรื่องให้ตัวเอง เพราะทั้งคู่โตพอที่จะมีวุฒิภาวะ สตรอง ตัดสินใจได้เด็ดขาด และนั่นก็เป็นเพียงการมองโลกและรูปแบบการใช้ชีวิตของพวกเขา
นางเอกได้ขุ่นแม่แห่งวงการ ซงฮเยคโย (ที่คนไทยรู้จักในนามซงเฮเคียว) หัวหน้าทีมดีไซเนอร์ประจำแบรนด์แฟชั่นชื่อดัง เป็นผู้หญิงที่มีแนวคิดไปในทางสัจนิยม สวย ฉลาด เท่ เก่ง มั่น มีเสน่ห์ มีวินัยในตัวเองสูง อุปนิสัยเยือกเย็น มักจะให้ความสำคัญกับตัวเองก่อนเสมอ
เธอไม่เชื่อในเรื่องผู้ชายและความรัก แต่ข้อเสียก็คือจิตใจก็ยังอ่อนไหวไปตามอารมณ์ชั่ววูบได้ง่ายอยู่ดี ซงฮเยคโยในวัย 40 ปี ยังคงความสวยไม่สร่าง แบบสวยมาก ๆ จนมีคอนเทนต์ที่นำภาพเธอจากซีรีส์เรื่องนี้ไปเทียบกับเมื่อ 20 ปีก่อน พบว่าไม่ต่างเลย เวลาทำอะไรแม่ไม่ได้เลยจ้า
ส่วนพระเอก ได้พระเอกรุ่นน้องสุดฮอตอย่าง จางกียง มารับบทเป็นผู้ชายสะพายกล้อง ช่างภาพแฟชั่นฟรีแลนซ์สุดติสที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องฝีมือ ชายหนุ่มที่รักสนุกแต่ไม่ผูกพัน เขาไม่เคยมองว่าเรื่องแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต เพราะมีความคิดว่าทำไมต้องไปรับผิดชอบชีวิตคนอื่นด้วย โดยเขาไม่ได้มีดีแค่ความหล่อเหลา สูงยาวเข่าดี แต่เขายังฉลาด บ้านรวย และเต็มไปด้วยเสน่ห์แพรวพราว น่าค้นหา และมีพลังทำลายล้างสูงมาก
อีพีแรกเปิดเรื่องมาอย่างแซ่บ ถึงขั้นต้องขึ้นเรต 19+ พระนาง one night stand กันเพราะถูกใจกันในงานแฟชั่นวีค แต่ความสุดทางของนางเอก คือ การจากคู่นอนไปอย่างสวย ๆ ชื่อแซ่ก็ไม่ยอมบอก ที่ปังกว่านั้นคืออะไรรู้ไหม แม้แต่หน้าคนที่นอนด้วยก็จำไม่ได้ เจอกันอีกทียังไม่รู้เลยว่าเคยไปนอนด้วยกันมา (ไม่รู้ว่าเพราะเมาหรือเพราะมืดกันแน่)
ในเรื่องของการเล่าอาชีพการงานของตัวละครก็ทำไว้ค่อนข้างดี มีการพูดถึงวงการดีไซเนอร์ แฟชั่น การลอกผลงาน ของก๊อปที่ราคาถูกกว่า การจ้างนางแบบเรื่องเยอะ วงการช่างภาพ ศิลปะ จิตวิญญาณของภาพถ่าย เรื่องของแพชชันที่ราคาสู้เงินไม่ได้ เรื่องของเงินเดือนที่เข้ากระเป๋าเหมือนเงินทอน แต่ออกทีทำเอาหน้ามืด ซื้อของเน้นผ่อน 3 เดือน (ฮ่า ๆ) ไม่รู้ว่าเส้นเรื่องจะยังคงเปอร์เซ็นต์ในการนำเสนอแบบนี้ต่อไปหรือเปล่า เพราะหลัง ๆ อาจไปเล่นดราม่าความสัมพันธ์พระนางที่หนักหน่วงกว่าเดิม และคนอื่นคงอยากดูพัฒนาการความรักพระนางมากกว่า
ภารกิจพิเศษ คือการเป็นเงาของเพื่อน
สำหรับเรานะ ประเด็นนี้น่าอึดอัดกว่าดราม่าความรักของคู่พระนางอีก มันเป็นความรู้สึกแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หวานอมขมกลืนสุด ๆ ยิ่งถ้าต้องอยู่ในสถานะแบบนี้กับคนที่เป็นเพื่อนสนิทด้วยแล้ว มันยิ่งลำบากใจ เพราะมันก็มีคำว่าเพื่อนนั่นแหละที่ค้ำคออยู่ จะบอกว่ามีความสุขกับสิ่งต่าง ๆ ที่มีขึ้นมาได้เพราะการที่ครอบครัวของเพื่อนสนับสนุนอยู่มันก็พูดได้ไม่เต็มปาก มีความสุขแต่ไปแบบไม่สุด เพราะสุดท้ายในใจลึก ๆ มันก็รู้สึกได้ถึงความไม่ยุติธรรม หรือบางทีมันอาจเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ควรจะคาดหวังมิตรภาพ
จริง ๆ ชีวิตนี้เคยเกือบจะตกอยู่ในสภาพคล้าย ๆ แบบนี้เหมือนกัน ถ้ามองในเรื่องของวัตถุ การได้มาในสิ่งที่เราอยากได้อยากมี ชีวิตไม่ลำบาก มันก็โอเค แต่จะต้องเป็นคนที่พยายามไม่คิดอะไรให้ได้จริง ๆ ถึงจะรอด ไม่อย่างนั้นมันจะมีแว่บหนึ่งที่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเพื่อน แล้วเริ่มมีคำถามกับชีวิตตัวเองว่าทำไม ทำไม และทำไม บางคนเป็นช่วงสั้น ๆ แล้วหาย เพราะมองว่านั่นคือเพื่อนที่เราไม่ควรจะรู้สึกอะไรแบบนี้ แล้วเราก็ตกลงรับภารกิจนี้เอง
แต่สำหรับบางคน มันเป็นความรู้สึกที่ยิ่งพยายามไม่คิด มันก็ยิ่งกัดกินหัวใจ เราก็เพื่อนนะ เป็นคนคนหนึ่งเหมือนกันนะ ทำไมจะต้องทำกับเราขนาดนี้ รู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมสุด ๆ และรู้สึกถึงการถูกเหยียบย่ำทำร้ายจิตใจอยู่กลาย ๆ ประมาณนี้
หลังจากที่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางเอกกับเพื่อนเป็นยังไง พ่อของเพื่อนนางเอกเป็นยังไง และตัวเพื่อนนางเอกเป็นยังไง ขอสารภาพว่าเสียน้ำตาให้กับความสัมพันธ์แบบนี้ ถ้าเป็นเรื่องจริง คนอย่างนางเอกคงจะมีเรื่องขัดแย้งในหัวที่ตีกันไปหมด สบายได้ทุกวันนี้ก็เพราะยอมเป็นเงาให้กับเพื่อน แต่เพื่อนก็สร้างแต่ปัญหาให้ตามแก้ ไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน พ่อก็พยายามดันให้ได้สูง ๆ ทั้งที่เหมือนจะทำอะไรไม่เป็น ต้องทำแทนทุกอย่างแต่ใส่เครดิตเพื่อน มีอะไรก็ต้องเสียสละถ้าเพื่อนจะเอา ไม่พอใจก็ะเล่นบทรุนแรงใส่ ถ้าเพื่อนธรรมดาคงจะเคลียร์กันอีกแบบ แต่นี่ไม่ใช่
ไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่อนนางเอกจะร้ายกว่านี้ไหมเพราะผู้ชาย แต่เท่าที่ดูคาแรคเตอร์เพื่อนนางเอกคนนี้มีมาเพื่อเอาฮาด้วยส่วนหนึ่ง และก็เพื่อที่จะทำให้คนดูรู้ว่านางเอกเป็นคนเก่ง แกร่ง เข้มแข็งขนาดไหน ที่นางเจอมาไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องงาน ปัญหาจากคนอื่น แต่คือการเป็นไก่รองบ่อนเพื่อนสนิทของตัวเอง เป็นเงาที่ทำอะไรแล้วถ้าได้ดีก็เป็นเครดิตเพื่อน เพื่อนได้ความดีความชอบไป แต่ถ้าไม่ได้ดีตัวเองผิดและรับผิดชอบอยู่คนเดียว แล้วยังต้องตามดูแลเรื่องอื่น ๆ อีก จะพูดจะบ่นก็ไม่ได้ เพราะตัวเองก็ได้ประโยชน์จริง ๆ
ในความเป็นจริง เพื่อนก็คือคนที่ควรจะอยู่ข้าง ๆ กัน เพราะฉะนั้น คงไม่มีใครรู้สึกดีถ้าตัวเองต้องอยู่ต่ำกว่าเพื่อน แล้วเป็นการอยู่ต่ำกว่าที่เป็นผู้ถูกกระทำจริง ๆ ไม่ใช่การคิดเปรียบเทียบไปเองแบบอิจฉาเพื่อน พอเจอแบบนี้เลยมีน้ำตาซึมนิดหน่อย ฮ่า ๆ นี่แหละนะ ถึงได้มีคนบอกว่าคบเพื่อนให้คบที่ศีลเสมอกันหน่อย จะได้ไม่ลำบากใจ (หมายถึงเป็นเพื่อนที่ดีนะ ไม่ใช่เพื่อนแบบคนพาล) เพื่อนที่เป็นบัณฑิต แต่อะไรหลาย ๆ อย่างไม่ได้ต่างจากเรามาก พูดคุยภาษาเดียวกันรู้เรื่อง อยู่ด้วยกันแล้วไม่ได้รู้สึกถึงความแตกต่างแบบไม่สบายใจ ก็น่าจะพอมีอยู่แหละเนอะ
ผู้ชายกับความรัก ก็แค่ฮอร์โมนเล่นตลก
เป็นประเด็นที่รู้สึกว่าลึกซึ้งดีนะ มันเป็นทัศนคติที่นางเอกใช้มองผู้ชายกับความรัก ด้วยความที่นางเคยผิดหวังในผู้ชายและความรักมาก่อน นางเลยไม่เชื่อว่าผู้ชายจะมาพร้อมกับความรัก และไม่เชื่อในเรื่องความรักอีกต่อไป ไม่เชื่อว่ามันเป็นความรู้สึกจากจิตใจ แต่มองว่าเป็นเพราะฮอร์โมนในร่างกายที่ทำงานตามธรรมชาติเวลาที่เจอผู้ชายน่าสนใจหรือดึงดูด การที่ใจเต้นแรง ก็แค่เป็นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่อีกฝ่ายเสนอมา ไม่ใช่ความรู้สึกที่มาจากใจ
โดยความสัมพันธ์แบบ one night stand ที่พระนางแซ่บกันมาตั้งแต่เปิดเรื่อง พวกเขามองว่ามันก็คือการรักษาระยะที่ปลอดภัยรูปแบบหนึ่ง แยกเรื่องเซ็กส์และความรักออกจากกัน เซ็กส์มันเป็นความต้องการในช่วงเวลาหนึ่งที่เป็นความพึงพอใจ ไม่ได้หมายความว่าจำเป็นต้องมีความรักมารวมเสมอไป ตอบสนองกันเพื่อความสนุก ความสุข แลฮอร์โมนที่กำลังพุ่งพล่านในช่วงเวลานั้น ได้ประโยชน์ร่วมกัน พอหมดอารมณ์ที่ต้องการ ทุกอย่างก็จบ แต่…เรื่องมันจะไม่จบเพราะพระเอกดันสนใจนางเอกขึ้นมาจริง ๆ และอยากสานสัมพันธ์ต่อ
เรื่องเซ็กส์ สำหรับคนไทยก็พอจะเข้าใจว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราให้คุณค่ากับความบริสุทธิ์มากกว่าความเป็นคนเสียอีก โดยเฉพาะกับผู้หญิง อารมณ์ประมาณว่าผู้หญิงจะไม่มีคุณค่าทันทีถ้าไม่ได้เก็บความบริสุทธิ์ไว้จนถึงวันแต่งงาน ง่าย เป็นผู้หญิงไม่ดี คือถ้าใครจะมีความคิดแบบนั้นมันก็ต่างกรรมต่างวาระ คุณจะเชื่อแบบนั้นก็ได้ไม่มีใครว่า แต่คุณไม่มีสิทธิ์จะไปตราหน้าหน้าใครว่าเป็นผู้หญิงง่าย เป็นคนไม่ดี ไม่มีคุณค่า แบบนี้ไม่ได้!
คือยังไง มีอารมณ์แล้วจะไล่ไปเตะฟุตบอลงี้เหรอ อย่าลืมสิว่าอารมณ์ทางเพศเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นผลมาจากการทำงานของฮอร์โมนในร่างกายแบบที่นางเอกเรื่องนี้บอกไว้นั่นแหละ มีสอนในวิชาวิทยาศาสตร์ สุขศึกษาก็มีสอน ถึงพูดอย่างนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าดิฉันสนับสนุนให้ one night stand พร่ำเพรื่อนะ ก็ไม่ได้อินกับการ one night stand แต่การที่เราไม่ชอบไม่เห็นด้วยแล้วเราจะบอกว่าเราถูกและอีกฝ่ายผิด เที่ยวไปตราหน้าชี้นิ้วด่าใครได้ ไม่ชอบไม่พอใจก็แค่ไม่ทำ อยากโน้มน้าวใครก็พูดคุยด้วยเหตุผล แต่ไม่ต้องถึงขั้นยุ่งกับชีวิตคนอื่นที่เขาอาจจะชอบแบบนั้น
อีกอย่างที่น่าสนใจ คือ การที่พระเอกนางเอกต่างก็โสดทั้งคู่ มีอิสระ ถ้าเขาไม่ได้ผิดศีลธรรมข้อ 3 แบบไปแย่งสามีภรรยาใครมา หรือนอกใจสามีภรรยาตัวเอง ส่วนตัวมองว่า one night stand ของพระนางไม่ได้ผิดศีลธรรมอะไร เขาก็แค่พอใจกัน มีอารมณ์ ก็เลยไปจบที่เตียง จัดการอารมณ์เสร็จก็แยกย้าย แค่นั้น พวกเขาก็คิดแบบนี้แหละ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องคาดหวังหรือผิดหวังอะไร ก็คือจะไม่เอาความรู้สึกเข้าไปเสี่ยง เพื่อให้ชีวิตมั่นคงปลอดภัย การมีความรักมันยากกว่าการมีเซ็กส์ มันมีอะไรหลาย ๆ อย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่มันง่ายเกินไป คนเลยไม่จริงจังกับความสัมพันธ์
ใครจะเชื่อเรื่องผู้ชายกับความรักก็เชื่อไป แต่สำหรับซีรีส์เรื่องนี้ แม่บอกแล้วว่าแม่ไม่เชื่อ ประสบการณ์ถูกทิ้งครั้งเดียวก็เกินพอ ก็ดูกันต่อไปว่าพระเอกจะเอาชนะทัศนคติและแผลเก่าของนางเอกยังไง แล้วนางเอกจะยังใจแข็งยึดมั่นในความคิดเดิมของตัวเองได้ต่อไปไหม สุดท้ายจะแพ้ให้คนอย่างพระเอกหรือเปล่า ถ้าพวกเขาเกิดรักกันขึ้นมาจริง ๆ ก็คงต้องเรียนรู้เรื่องยาก ๆ ด้วยกันไป
มีอย่างเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยน คือไม่มีอะไรอยู่ตลอดไป
คิดว่าความหมายเดียวกันกับ “ความไม่แน่นอนคือความแน่นอน” นั่นแหละนะ อธิบายถึงความไม่เที่ยงของสรรพสิ่งทั้งหลาย ซึ่งการยังยึดติดอยู่กับอะไรต่ออะไรทั้งที่ในความเป็นจริงไม่มีมันอีกแล้ว ก็อาจจะกลายเป็นการกระทำที่โง่เขลา
ชอบความที่ซีรีส์เรื่องนี้เอาสัจธรรมข้อนี้มาเล่นให้มันเป็นสากล โดยใช้ “แฟชั่น” และ “ความเยาว์” เป็นสิ่งที่เอ่ยถึงแทน ในอีพีแรก เราจะเจอกับคำพูดมากมายสารพัดที่โยงเข้ามาถึงความจริงที่ว่าโลกนี้ล้วนไม่มีอะไรแน่นอนทั้งสิ้น ทั้งคำพูดที่บอกว่าดีไซเนอร์อยากจะให้ผลงานของตัวเองกลายเป็นผลงานคลาสสิกอันเป็นที่รัก แต่สุดท้ายเทรนด์ก็มาไวไปไวเสมอ หรือแม้แต่คำพูดชวนจุกของตัวละครที่สื่อเป็นนัยว่าคนเราก็แก่ลงทุกวัน ตรงกันข้ามกับภายนอก เพราะหมดเงินไปตั้งเท่าไรกับร้านเสริมสวยและสถาบันความงาม ผิวอาจจะเด้ง หน้าอาจจะเด็ก แต่กระดูกคงเปราะหมดแล้ว
กลับมาที่เรื่องของความรัก อันที่จริงเรา ๆ ก็น่าจะรู้ดีเหมือนกันว่ามีรักได้ก็มีเลิกได้ เป็นเรื่องที่สุดแสนจะธรรมดา ใครที่ได้เจอรักแท้ รักดี ๆ รักยั่งยืน รักมั่นคง คงรู้สึกดียิ่งกว่าอะไรเสียอีก ทว่ามันไม่ใช่ทุกคนไงที่เจอความรักดี ๆ แบบนั้น การจัดการกับความผิดหวังในความรัก เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องที่ก็ยากเอาการกว่าจะผ่านมาได้ อกหักมาครั้งหนึ่ง ความเจ็บปวดไม่เคยปรานีเลย มีแต่จะยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ ทั้งที่ความจริงเจ็บนานหรือเจ็บแป๊บเดียว มันอาจจะอยู่ที่ตัวเราเองด้วย ถ้าเราทำใจเรานาน เราก็แค่ต้องอยู่กับมันนาน แต่เวลาและความอดทนจะทำให้เราผ่านไปได้ในที่สุด
ตั้งแต่ที่ต้องก้าวข้ามเรื่องต่าง ๆ อย่างไม่ยึดติดอยู่เสมอ นางเอกก็เลยมีวิธีใช้ชีวิตแบบใหม่ คือการอยู่กับปัจจุบันและมีความสุขกับช่วงเวลาปัจจุบัน ซึ่งมันอาจจะเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบที่จะไม่มีวันหวนคืนมาอีก แต่ถ้าต้องการก็รีบคว้ามันไว้จะได้ไม่เสียใจหรือเสียดายที่ช้าเกินไป การจมปลักหรือเพ้อฝันเป็นเรื่องไร้สาระ ได้ของจริงต่างหากคือความสุข
อย่างซีรีส์เรื่องนี้บอกเลยว่าตอนนี้เดาทางไม่ออกว่าเรื่องมันจะไปจบที่ตรงไหน เพราะดูจากปมที่ผูกไว้แล้ว น่าจะสร้างดราม่าขึ้นมาอีกเป็นระยะ ๆ แต่เราจะเห็นว่าทุกครั้งที่นางเอกรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรม นางจะมาสร้างความยุติธรรมของนางเอง นางจะยอมรับความจริงเร็วมากว่าอะไร ๆ อยู่กับนางได้ไม่นาน ไม่ค่อยเสียเวลากับอะไรนาน ๆ มูฟออนไวไม่ยึดติด เพื่อที่จะได้ไปต่อ นางจะคิดว่าแค่ต้องกลับมาทำเพื่อตัวเอง นางถึงไต่เต้าขึ้นมาได้ขนาดนี้ ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไป แต่ศรัทธาในตัวเองและความรักตัวเองไม่เคยเปลี่ยน ใคร ๆ อาจจะไม่รักเรา แต่มีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่รักตัวเอง
เรามองว่าซีรีส์เรื่องนี้ สื่อเรื่องราวที่มันเป็นนามธรรมมาก ๆ ออกมาให้เป็นรูปธรรมได้อย่างดีมาก ๆ มองเห็นได้ชัดเจน มันทำให้เข้าใจได้ง่าย ไม่ต้องคิดเยอะเวลาที่ทุกอย่างเป็นรูปธรรม (แต่คนอาจไม่คิดลึกไปที่ความนามธรรมที่อยู่เบื้องหลัง ชื่นชมแค่สิ่งที่ฉาบฉวย ผิวเผิน) ดูหนังดูละคร ดูเพื่อความบันเทิงก็จริง แต่ถ้าเขาใส่อะไรที่มันมากกว่าความบันเทิงแฝงมาด้วย เราก็รู้จักเก็บมา จำแล้วนำไปใช้ก็คงไม่ใช่เรื่องแย่ ชีวิตคนเราก็มีเรื่องราววนอยู่เท่านี้แหละ ?