อยู่ร่วมกันด้วยความเคารพ มีสุขในทุกความสัมพันธ์

การอยู่ในสังคม ไม่ว่าจะเป็นสังคมเล็ก ๆ ใกล้ชิดแบบครอบครัว หรือเป็นสังคมใหญ่ เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน ล้วนมีความสัมพันธ์เกิดขึ้นด้วยกันทั้งนั้น คนนั้นเกี่ยวกับคนนี้ คนนี้เกี่ยวกับคนโน้น ในเมื่อต้องอยู่ร่วมกันด้วยความสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ สิ่งที่สำคัญในการอยู่ร่วมกันก็คือ การเคารพซึ่งกันและกัน

การเคารพในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการกราบไหว้บูชา หรือแสดงอาการนับถือแต่อย่างใด การเคารพคือการไม่ล่วงเกิน ไม่ล่วงละเมิดต่อคนอื่น แน่นอนว่าการกระทำที่ไม่เคารพซึ่งกันและกันเป็นเหตุแห่งความไม่พอใจ และบั่นทอนความสัมพันธ์ ลองนึกถึงเวลาที่เราเป็นถูกกระทำบ้าง เราก็คงไม่ชอบใจเหมือนกัน ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบความสัมพันธ์แบบไหน ก็ควรจะเคารพกันในฐานะเพื่อนมนุษย์ อย่าถืออภิสิทธิ์เหนือชีวิตของใคร

ที่สำคัญ ยิ่งสนิท ยิ่งต้องใส่ใจและแคร์ความรู้สึกกันให้มาก บ่อยครั้งเราเข้าใจว่าการกระทำเราบ่งบอกถึงความสนิทสนม เขาคงไม่คิดอะไรมาก แต่เอาเข้าจริง การถูกกระทำจากคนสนิทนั้นเจ็บปวดกว่าการถูกกระทำโดยคนไม่รู้จักอีก เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบพ่อ แม่ ลูก พี่ น้อง เพื่อน เจ้านาย ลูกน้อง หรือคนแปลกหน้าที่บังเอิญเดินชนกัน ก็ต้องเคารพ เกรงใจ และให้เกียรติ ในเรื่องเหล่านี้

เวลา

ทุกคนต่างต้องการเวลาส่วนตัวด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้น หากไม่ใช่เรื่องด่วนคอขาดบาดตาย ก็ไม่ควรจะไปยึดกินเวลาของคนอื่น คนเราต่างมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องไปทำ แล้วก็วางแผนไว้แล้วว่าจะทำอะไร ไม่ใช่นัดไม่เป็นนัด มาไม่ตรงเวลา ให้คนอื่นเขาต้องรอเสียเวลา หรือตามจี้ตามจิกตามทวงงานแบบไม่รู้จักเวล่ำเวลา ทั้งที่ไม่ได้ด่วนมากขนาดนั้น แค่ตัวเองใจร้อน แล้วรู้สึกว่าอยากได้เดี๋ยวนี้ก็ต้องได้เดี๋ยวนี้เท่านั้นเอง ถ้าไม่จำเป็น อย่าเที่ยวไปรบกวนเวลาของคนอื่นเขา

ความเป็นส่วนตัว

นอกจากเวลาส่วนตัวแล้ว ก็มีเรื่องของพื้นที่ส่วนตัวนี่แหละที่คนเรามักไม่ค่อยให้เกียรติกัน บางอย่างที่เขาไม่พูดก็ไม่ได้แปลว่าเขาไม่รู้สึก การทำอะไรที่ “ล้ำเส้น” มันไม่มีมารยาท ถึงจะเป็นความสัมพันธ์แบบครอบครัวหรือคนรักหรือเพื่อน สนิทกันแค่ไหนก็ต้องมีพื้นที่ที่เว้นไว้ส่วนตัวบ้าง มันไม่ได้เป็นความลับ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องรู้ ถ้าเขาอยากให้รู้เขาจะบอกเอง ในเมื่อไม่ได้เกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กับชีวิตตัวเอง ก็ไม่ต้องขวนขวายพยายามจะรู้ให้ได้ขนาดนั้น

รสนิยม

รสนิยมเป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคล เป็นความพอใจของใครของมัน ในเมื่อคนเราชอบหรือพอใจอะไรไม่เหมือนกัน ก็ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะเอาบรรทัดฐานหรือรสนิยมของตัวเองไปตัดสินรสนิยมคนอื่นว่าแย่หรือต่ำประการใด เรื่องความชอบของคนมันนานาจิตตัง หากเราไม่ชอบก็แค่รับรู้แล้วปล่อยผ่าน ไม่ต้องไปกระแนะกระแหน หรือเที่ยวไปเหยียดความชอบของใครเขา พูดง่าย ๆ ก็คือไม่ต้องทำตัวอยากมีส่วนร่วมวิพากษ์วิจารณ์ชีวิตคนอื่นทุกเรื่องก็ได้

ความแตกต่าง

คนเรานั้นต่างจิตต่างใจ ต่างพ่อต่างแม่ เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน เมื่อต้องมาอยู่ร่วมกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้ากันได้ในทันที ต้องมีการปรับตัว ฉะนั้นก็ต้องเคารพในสิ่งที่เราต่างไม่เหมือนกันด้วย ไม่ต้องดูอื่นไกล คนในครอบครัวบางเรื่องยังต้องมานั่งปรับทัศนคติให้ตรงกัน หรือแม้แต่บางทีเราก็ยังทะเลาะกับตัวเองเลย ไม่ว่าจะเชื้อชาติ ศาสนา เพศ หรือวัยไหน ๆ หากต้องเข้าสังคม มันมีวิธีที่จะปรับจูนให้เข้ากัน ให้ลงตัว และอยู่ร่วมกันได้อย่างให้เกียรติซึ่งกันและกันโดยที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน

ความคิดเห็น

เพราะคนเรามีความแตกต่าง ย่อมมีความคิดเห็นไม่เหมือนกันเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะฉะนั้น สิ่งที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบไหนก็ตาม ต้องทำให้ทุกเสียงมีความหมาย อย่าเที่ยวทำให้ใครเขารู้สึกหมดคุณค่าด้วยการไม่เปิดใจ ถึงไม่เห็นด้วยก็ต้องฟังก่อน ฟังให้รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไร มีเหตุผลอะไร แล้วค่อยมาโต้แย้งกันด้วยตรรกะ หลีกเลี่ยงการใช้อารมณ์มานำทุกอย่าง รังแต่จะทำให้บรรยากาศในการอยู่ร่วมกันอึดอัดเปล่า ๆ