ช่วงนี้ไม่มีอะไรเรียกเสียงฮือฮาได้ดีไปกว่าการที่ ฟีฟ่า หรือสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติโยนหินถามทางสำหรับการเปลี่ยนแปลงให้ศึกฟุตบอลโลกจัดการแข่งขันถี่ขึ้นจาก 4 ปีครั้ง เหลือเพียงทุก 2 ปี ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านผู้อ่านคิดเห็นกันอย่างไร
แน่นอนภาพรวมย่อมมีทั้งเสียงสนับสนุนและต่อต้าน องค์กรที่ค้านหนักสุดไม่น่าแปลกใจว่าจะเป็น ยูฟ่า หรือสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป เพราะพวกเขาปลุกปั้นทัวร์นาเมนต์ยูโร ให้ยิ่งใหญ่และน่าสนใจขึ้นมาได้มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครั้งล่าสุด ซึ่งเพิ่งจบลงไปด้วยคู่ชิงหยุดโลกระหว่าง อิตาลี และ อังกฤษ การตัดสินใจของฟีฟ่าอาจส่งผลกระทบต่อพวกเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ถ้าย้อนกลับไปพิจารณาให้ดี คู่ชิงชนะเลิศเวิลด์คัพ ในช่วง 4 หนหลัง หรือ 16 ปีล่าสุด มีทีมจากทวีปอื่นที่มิใช่ยุโรปเข้าชิงชนะเลิศเพียงทีมเดียวเท่านั้นก็คือ อาร์เจนตินา นั่นแสดงให้เห็นถึงช่องว่างที่เริ่มเกิดขึ้นระหว่างทีมในยุโรปกับทวีปอื่น ๆ อย่าง อเมริกาใต้ แอฟริกา หรืออเมริกากลาง ซึ่งไม่ได้สร้างเซอร์ไพรส์ได้มากเหมือนยุค 90 ที่โลกได้รู้จักกับ คาเมอรูน
ระยะยาวเป็นสัญญาณเตือนว่า ฟุตบอลโลก อาจไม่มันส์เหมือนสมัยก่อนอีกต่อไปแล้ว
นั่นอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ฟีฟ่าอดรนทนไม่ได้ หาทางผลักดันนโยบายใหม่นี้ขึ้นมา ซึ่งหากสมัยก่อนคงมีแต่คนต่อต้าน แต่พอมายุคนี้ยุคที่โลกใบนี้หมุนเร็วเหลือเกิน บางคนมองว่า 4 ปีนั้นมันนานเกินไปจริง ๆ จนทำให้ฟุตบอลโลกอาจจะถูกลืมเลือนได้
นโยบายขององค์กรใหญ่สุดในโลกลูกหนังซึ่งมี อาร์แซน เวนเกอร์ อดีตกุนซืออาร์เซนอล สวมหัวโขนเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคอยู่ในปัจจุบันคือ พยายามให้ฟุตบอลชิงชิงแชมป์ของทุกทวีป รวมทั้ง เวิลด์คัพจัดขึ้นให้ได้ทุก ๆ 2 ปี โดยจะพยายามลดเกมในรอบคัดเลือกลงไป
ถ้ามองด้วยความสนุกสนานก็น่าสนใจ เพราะนั่นเป็นการปลุกกระแสฟุตบอลทีมชาติให้กลับคืนมาอีกครั้ง เพราะระยะหลังนั้นคนแทบจะเทความสนใจไปที่บอลสโมสรเพียงอย่างเดียว แต่นั่นจะเท่ากับว่า มันจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงกันทั้งระบบ
เราจะมีฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่าง ศึกยูโร สลับกับบอลโลกทุกปี อาทิ เวิลด์คัพ 2026 ยูโร 2027 แล้วต่อด้วย เวิลด์คัพ 2028 นั่นหมายความว่านักฟุตบอลระดับชาติจะต้องไปเก็บตัวเล่นรอบสุดท้ายทุก ๆ ปี มองดูแล้วแทบไม่มีทางเป็นไปได้
แม้จะมีการลดแมตช์อุ่นเครื่องทีมชาติหรือรอบคัดเลือกฟุตบอลยูโรลงไป หรือแม้กระทั่งการใช้ฟุตบอลชิงแชมป์ของแต่ละทวีปเป็นหลักใหญ่ในการควอลิฟายด์หาทีมไปบอลโลกเลย นักเตะระดับซูเปอร์สตาร์จะไหวหรือไม่ แล้วสโมสรต้นสังกัดของพวกเขาจะคิดอย่างไร
อีกทางคือ ฟีฟ่า ไม่ต้องสนใจรายการอื่น จัดฟุตบอลโลกมันทุก 2 ปี โดยปล่อยให้ ยูฟ่าจัดแบบ 4 ปีเหมือนเดิม ใช้การคัดเลือกด้วยระบบที่รวบรัดตัดตอน แบบนี้ไอเดียของเวนเกอร์อาจเกิดขึ้นจริงได้ง่ายกว่า
ทั้งนี้และทั้งนั้นแนวคิดนี้คงต้องผ่านการกลั่นกรองและเห็นชอบจากสมาชิกของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติจากทั่วโลกซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ สุดท้ายเราอาจไม่ทันได้เห็นในชาตินี้ก็เป็นได้.