คอนเต้ โคตรกุนซือ

ชีวิตที่ติดลูกหนังมานาน ๆ เข้าก็จะเห็นวัฏจักรนักฟุตบอลที่เราเคยดูสมัยโลดแล่นอยู่ในสนาม แล้วผันตัวมาเป็นกุนซือผู้โด่งดังอย่าง เป๊ป กวาดิโอล่า, โรเบอร์โต้ มันชินี่ หรือแม้กระทั่งคนที่อยากหยิบยกขึ้นมาชมเชยในวันนี้นั่นก็คือ อันโตนิโอ คอนเต้ ซึ่งเพิ่งพา อินเตอร์ มิลาน คว้าแชมป์กัลโช่ เซเรียอาล่าสุด

คอนเต้ สมัยหนุ่มเป็นมิดฟิลด์ตัวกลั่นของ ยูเวนตุส ในยุคที่มี มาเชลโล่ ลิปปี้ คุมทัพอยู่ รุ่งโรจน์ถึงขนาดคว้าถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เขาทำให้แดนกลาง “ม้าลาย” สมดุล เป็นพระรองให้ ซีเนอร์ดิน ซีดาน ฉายความโดดเด่น

หลังจากเลิกเล่นแล้วยังประสบความสำเร็จในการคุมทีมอย่างยิ่งยวด เริ่มจากปลุกความยิ่งใหญ่ของ “ยูเว่” ให้กลับมาในช่วง 2011-2014 ที่เขาพาครองบัลลังก์เซเรียอา ถึง 3 ปีซ้อน จนได้รับเกียรติให้รับตำแหน่งกุนซือทีมชาติอิตาลี

คอนเต้ เถลิงเก้าอี้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในฟุตบอลยูโร 2016 จากนั้นเขาตัดสินใจมาโชว์ฝีมือในพรีเมียร์ลีกกับเชลซี ระหว่างปี 2016-2018 และประสบความสำเร็จในการพา “สิงโตน้ำเงินคราม” คว้าถ้วยลีกสูงสุดในประเทศอังกฤษ

มาถึงยุคปัจจุบันกับ อินเตอร์ มิลาน เป็นอีกครั้งที่ คอนเต้ พาทีมคว้าแชมป์ดิวิชั่นสูงสุดในประเทศได้ ถือเป็นทีมที่ 3 ของเขาแล้ว นอกจากนั้นยังเป็นหยุดยุครุ่งเรืองของยูเวนตุส ที่ครองมา 9 ปีซ้อนลงได้แบบไม่มีใครอยากเชื่อ เพราะทีม “ม้าลาย” เองยังมีขุนพลเก่งๆคับคั่งอย่าง โรนัลโด้, โบนุชชี่ หรือ ดิบาล่า

อินเตอร์เองเป็นเพียงม้านอกสายตา ก่อนที่ คอนเต้ จะมารับงานเมื่อ 2 ปีที่แล้วอยู่ที่จุดไหน? ยังเป็นรองทั้ง ยูเวนตุส นาโปลี โรม่า หรือแม้กระทั่งทีมร่วมเมืองอย่าง เอซี มิลาน เสียด้วยซ้ำ

มาวันนี้ด้วยการเปลี่ยนแปลงทีมของกุนซือวัย 51 พวกเขากลายเป็นสโมสรที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อด้วยระบบการเล่นแบบ 3-5-2 ที่เยอรมันเคยใช้ประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลกปี 1990 ถูกปัดฝุ่นขึ้นมาใช้งานได้อย่างไม่เคอะเขิน

ด้วยความที่ คอนเต้ เป็นคนที่ชอบระบบกองหลัง 3 คนอยู่แล้ว แต่สมัยคุมเชลซี เขาใช้ระบบ 3-4-3 พอมายุคนี้บิดนิดเดียวให้เข้ากับนักเตะที่มีอยู่ เปลี่ยนเป็น 3-5-2 ฟอร์เมชั่นที่ไม่มีใครเขาใช้กันนานแล้ว กลับมาอย่างได้ผล

จะเห็นว่าโลกนี้ไม่มีอะไรล้าสมัย ถ้านำมาใช้ถูกจังหวะและเวลา!

ด้วยปราการหลัง 3 คนที่สุดแข็งแกร่งอย่าง มิลาน สคริเนีย, สเตฟาน เด ฟราย, อเลซานโดร บาสโตนี่ โดยมีวิงแบ็คที่เป็นอาวุธในการเปิดเกมรุกอย่าง อัฟราม ฮาคิมี่ และ แอชลี่ย์ ยัง กองกลางที่ลงตัวโดยมีตัวที่วิ่งไม่มีหยุดอย่าง นิโคโล่ บาเรลล่า และตัวจบสกอร์อย่าง “พี่ตู้เย็น” ลูกากู

การปลุกวิญญาณ “งูใหญ่” กลับมาครั้งนี้ ต้องยกเครดิตให้ คอนเต้ ล้วน ๆ เขาไม่ได้มีเงินทองมากมายก่ายกองในการทุ่มซื้อนักเตะ ไม่ได้มีขุนพลประเภทเกรดเอ หลายคนเป็นซากปรักหักพังที่คนไม่ใช้แล้วด้วยซ้ำ ยกตัวอย่าง แอชลี่ ยัง, อาร์ตูโร่ วิดาล, อเล็กซิส ซานเชส, มาร์เซโล่ โบรโซวิช หรือแม้กระทั่ง โรเมลู ลูกากู ดาวซัลโวสูงสุดของสโมสร ก็ถูกโละมาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เช่นกัน สรุปว่าฝีมือจริง

อย่างไรก็ดี คอนเต้ ยังต้องเผชิญความท้าทายที่รออยู่ในช่วงปิดฤดูกาล ว่าสโมสรจะมีความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด กลุ่ม “ซูหนิง” เจ้าของจะถอดใจขายให้คนอื่นหรือไม่ ตัวเขาเองจะมีงบซื้อนักเตะมากน้อยแค่ไหน หรืออาจมีภาระต้องโละ “ส่วนเกิน” ที่ไม่จำเป็นในทีมลง เพื่อลดภาระค่าเหนื่อยอันสูงลิ่ว

“งูใหญ่” ตัวนี้อาจต้องลีนขุมกำลังตัวเองลงอย่างหนัก นักเตะตัวเสริมอย่าง อิวาน เปริซิช, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ, อเล็กซิส ซานเชส และ คริสเตียน เอริคเซ่น มีแววต้องถูกปล่อยออกไปเพื่อความอยู่รอด

แต่สุดท้ายใครไปก็ไปเถอะขอเพียงยอดโค้ชผู้นี้ยังไม่ไปไหน แฟน ๆ คงพออุ่นใจได้ว่าความสำเร็จจะอยู่ไม่ไกล “เนรัซซูรี่” ทีมนี้.