
สัปดาห์นี้ซีรีส์ใหม่ออนแอร์ตอนแรกเยอะมาก เลือกดูไม่ได้เลย แต่ก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่นำเสนอเรื่องราวของสิ่งที่เรียกว่า “มิตรภาพ” และคนที่เราเรียว่า “เพื่อน” สิ่งที่น่าจะก่อปัญหาในชีวิตประจำวันของใครหลายคน
Ms. Monte Cristo ชื่อเรื่องอาจจะดูแปลก ๆ ก็เพราะว่ามันเป็นภาษาฝรั่งเศส ซีรีส์เกาหลีเรื่องนี้ดัดแปลงจากนวนิยายชื่อดังของฝรั่งเศสเรื่อง The Count of Monte Cristo ประพันธ์โดยนักเขียนชาวฝรั่งเศส Alexandre Dumas (père) ตีพิมพ์ในปี 1844 เมื่อบวกลบคูณหารดูแล้ว 177 ปี!!! แม่เจ้า
ถึงแม้จะมีเค้าโครงเรื่องมาจากวรรณกรรมตะวันตก แถมยังเป็นวรรณกรรมที่มีอายุนับร้อยปี แต่เมื่อเกาหลีหยิบมาทำเป็น Ms. Monte Cristo เวอร์ชันซีรีส์เกาหลี รับรองว่าจะไม่ผิดหวัง แค่เปิดเรื่องมาวินาทีแรกก็บีบหัวใจ เกร็งไปทั้งตัว เพราะการที่คนคนหนึ่งสามารถทรยศเพื่อนของตัวเองได้ขนาดนั้น จิตใจต้องทำด้วยอะไร
เรื่องย่อของซีรีส์ (หาอ่านได้ในอินเทอร์เน็ต ไม่ได้สปอยล์แต่ประการใด) เป็นเรื่องราวที่อ้างถึงโลกใบนี้ว่ามันเต็มไปด้วยการแข่งขัน คนแต่ละคนแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเพื่อให้ตัวเองมีตัวตน มีที่ยืน เพื่อให้ตนเองได้ในสิ่งที่ต้องการ บางคนถึงขั้นยอมแลกคนที่ไว้เนื้อเชื่อใจ หักหลังครอบครัวและเพื่อนของตัวเอง จนต้องตั้งคำถามว่าความรัก มิตรภาพ มันมีอยู่จริงบนโลกที่โหดร้ายนี้จริง ๆ น่ะหรือ มีใครที่ศรัทธาและซื่อสัตย์กับคำว่า “มิตรภาพ” อยู่บนโลกนี้ด้วยหรือ
ตอบมาว่า “กล้าทรยศ” เพื่อนตัวเองไหม?
เรื่องราวชีวิตที่พลิกพันของแก๊งเพื่อน 4 คน โดยคนที่มีปัญหาอยู่หนัก ๆ มีแค่ 2 คน อีกคนเป็นคนปั่น และอีกคนเป็นเพื่อนคนกลางที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไร คิดว่าเพื่อนก็คือเพื่อน รักและเชื่อใจทั้ง 3 คน
ทั้งหมดเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นและคบกันเรื่อยมา แต่แล้ววันหนึ่ง ความรักและมิตรภาพของพวกเธอถูกทดสอบ ผู้หญิง 2 คนรักผู้ชายคนเดียวกัน หนึ่งในนั้นก็ทำทุกอย่างเพื่อที่จะแย่งว่าที่สามีของเพื่อนมาให้ได้ ในขณะที่อีกคนก็ก็อิจฉาความสามารถของเพื่อน ก็พยายามทำทุกอย่างที่จะเอาชนะเพื่อน แค่ความอิจฉาริษยานำไปสู่การทรยศ คนคนหนึ่งที่ต้องสูญเสียทุกสิ่งอย่างให้กับเพื่อนที่เธอรักและไว้ใจ เธอหายไป ทุกคนคิดว่าเธอตายไปแล้ว แต่เธอก็กลับมา กลับมาแก้แค้น

จริง ๆ ความคิดความอ่านของผู้หญิงก็ซับซ้อนน่ากลัวมากพออยู่แล้ว จิตใจพวกเธอยากแท้หยั่งถึง (ใช่ค่ะ นี่ก็เป็นผู้หญิง และก็มีเรื่องที่ไม่เข้าใจทั้งตัวเองและผู้หญิงคนอื่นมากมายนับไม่ถ้วนเหมือนกัน) เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ ผู้หญิงบางคนตัดสินใจทำได้มากชนิดที่คาดไม่ถึง ไม่สิ บางคนทำได้โดยไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ ถ้าเธอเห็นว่าตัวเองนี่แหละที่เป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง ถ้าเธออยากได้ เธอก็ต้องได้ ไม่สนวิธีที่จะได้มา
กลับมาที่ตัวละครที่ขัดแย้งกัน 3 ตัว คนหนึ่งถูกเพื่อน 2 คนโจมตี เพื่อนคนแรกคิดจะแย่งคนรักของเธอไป ทำทุกอย่างเพื่อล้มการแต่งงาน และจะเอาว่าที่สามีของเธอไปให้ได้ ส่วนอีกคนก็ทำทุกอย่างเพื่อถีบตัวเองขึ้นไปสู่จุดที่เหนือกว่า อิจฉาที่เพื่อนเก่งกว่า รวยกว่า ชีวิตดีกว่าทุกอย่าง คำว่ามิตรภาพไม่อาจทำลายความริษยาที่อยู่ในกมลสันดานของ 2 คนนั้นได้
คือมนุษย์ปุถุชนแบบเรา ๆ น่ะมันยังละยังปลงกิเลสตัณหาไม่ได้หรอก ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น รักโลภโกรธหลง ยังครอบครองจิตใจอยู่ทุกวัน แต่คำถามคือควบคุมมันได้ไหม แล้วกล้าพอไหมที่จะปล่อยมันออกมาทำร้ายคนที่เขารักและไว้ใจ โดยเฉพาะกับคนที่เรียกว่า “เพื่อน” ซีรีส์เรื่องนี้จะทำให้รู้สึกอึดอัดถึงความสัมพันธ์จอมปลอมที่ผู้หญิงคนหนึ่งคิดมาตลอดว่าเป็นความจริง ทำไมเพื่อนถึงทำกับเธอได้ขนาดนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยมีความจริงใจให้กันเหรอ โกรธเกลียดอะไรขนาดนี้
จนต้องย้อนกลับมามองว่าความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อน เคยถูกทดสอบด้วยอะไรแบบนี้ไหม ถ้าวันหนึ่งเรากลายเป็นนางเอก เราจะทำอย่างไรกับเพื่อนที่หักหลังเรา หรือถ้าวันหนึ่ง เราอาจกลายเป็นตัวร้าย เรากล้าพอไหมที่จะหักหลังเพื่อนของตัวเอง
พ่อแม่ที่ “บงการ” ชีวิตลูก
เห็นมาในซีรีส์หลายต่อหลายเรื่อง ทั้งไทยทั้งเกา ว่าลูกที่ถูกพ่อแม่บงการชีวิต สุดท้ายก็ไม่แคล้วกลายเป็นคนมีปัญหา ปมในใจเป็นที่มาให้ทำทุกอย่างที่ตัวเองอยากได้ และต้องได้ ถ้าเรื่องเล็กน้อยอย่างบังคับกินข้าวก็ว่าไม่น่าทำแล้ว การบังคับแต่งงาน บังคับว่าต้องดีเด่นกว่าคนอื่น บังคับให้ทำในสิ่งที่ลูกไม่อยากทำ บังคับ กดดัน ควบคุม บงการทุกอย่าง ก็ไม่แปลกที่จะกลายเป็นคนมีปัญหา จนอาจก่อเรื่องกับคนอื่นหากตัวเองรู้สึกไม่พอใจ

พ่อแม่ประเภทนี้ปกติเรื่องอื่นจะตามใจ ขี้สปอยล์ในบางเรื่อง แต่ก็จะมีบางเรื่องที่หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ยอม ต้องบังคับลูกให้เดินไปในทางที่ตัวเองอยากให้เป็น จากการบังคับให้ลูกทำในสิ่งที่ไม่เต็มใจ บางพวกเกิดเป็นพฤติกรรมต่อต้านยิ่งบังคับแรงก็ยิ่งต่อต้านแรง และอีกพวกจะเป็นพฤติกรรมที่โทษตัวเองที่ไม่สามารถทำใจให้ยอมรับในสิ่งที่พ่อแม่อยากให้ทำ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมไหนก็น่ากลัวทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องปกติที่ควรเกิดขึ้น หรือจริง ๆ ไม่ควรเกิดขึ้นตั้งแต่การที่พ่อแม่บงการชีวิตแล้วด้วยซ้ำก็เป็นได้
คำถามคือ นั่นคือความรักให้ลูก หวังดีกับลูก หรือเพียงสิ่งที่ตัวเองต้องการ การเห็นลูกได้ทำในสิ่งสิ่งนั้น ก็แค่สนองความต้องการของตัวเอง รักลูกหรือรักตัวเองกันแน่ล่ะ?
บูลลี่ เรื่องรุนแรงและร้ายแรง
ข่าวหนึ่งที่ค่อนข้างดังมากเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว นักวอลเลย์บอลทีมชาติเกาหลีใต้ ก่อเรื่อง (ไว้ในอดีต) มีอดีตเพื่อนร่วมทีมในวัยเด็กที่เคยเป็นเหยื่อการบูลลี่ของ 2 คนนี้ออกมาแฉว่าเคยถูกพี่น้องฝาแฝดคู่นี้รังแก บูลลี่ ทำร้ายร่างกาย สอบสวนไปมาไม่ได้เป็นเพียงเรื่องที่ใส่ร้ายกันด้วย พวกเธอเคยทำจริง ๆ
กลายเป็นเรื่องใหญ่ของวงการกีฬาเกาหลีใต้ (อีกครั้ง) ใหญ่ขนาดไหน ก็ถึงขั้นแบน 2 คนนี้ออกจากการแข่งขันกะทันหัน ทั้งที่ 2 คนนี้เป็นหัวหอกของทีม การแบนลงเล่นพร้อมกัน 2 คน มีปัญหากับทีมแน่นอน และถ้าตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยใหญ่โต ก็มีความเป็นไปได้เหมือนกันที่ต่อไปคอวอลเลย์จะไม่เห็น 2 คนนี้ในทีมชาติเกาหลีอีก

จากที่อ่านในข่าว มีคนมาคอมเมนต์ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องปกติในสังคมเกาหลีใต้ โดยเฉพาะการบูลลี่เพื่อนในวัยมัธยม เด็กหลายคนทนไม่ได้ถึงขั้นฆ่าตัวตาย หลายคนย้ายโรงเรียนหนี แต่ก็มีแผลใหญ่ในใจไปตลอดชีวิต ถ้าเป็นแบบนี้ การบูลลี่ที่ไม่ใช่เรื่องปกติ ถูกทำให้กลายเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ในสังคมแบบนั้นน่ะเหรอ
ตัดภาพกลับมาที่บ้านเรา ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีการบูลลี่กัน เพียงแต่มันอาจไม่ได้รับความสนใจ พบเจอได้ทุกหัวระแหงแบบเกาหลีใต้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสังคมเกาหลีใต้ถือความอาวุโสเคร่งครัดมาก การมีเรื่องกับคนที่อาวุโสกว่า คนที่เด็กกว่าถูกมองลบทันทีทั้งที่ยังไม่สืบสวน และยิ่งมีพฤติกรรมก้าวร้าวต่อผู้อาวุโสด้วยแล้ว ดับได้แบบไม่ต้องผุดต้องเกิด แต่สังคมบ้านเรา ถือความอาวุโสก็จริง แต่เด็กมีปากมีเสียงมากกว่า ปัญหาบูลลี่ในบ้านเราเลยดูจางจนคนไม่ค่อยสนใจ
แต่ก็นับว่าทุกวันนี้เราหันมาให้ความสำคัญกับภาวะจิตใจของเหยื่อผู้ถูกกระทำกันมากขึ้น มีการทวงคืนความยุติธรรม ติดแฮชแท็ก save นู่นนั่นนี่ มีช่วงหนึ่งที่ save ทุกอย่าง ข้าวของเครื่องใช้ สิ่งไม่มีชีวิต ก็ขำ ๆ กันไป แม้ว่าจะยังมีวัฒนธรรมการกล่าวโทษว่าเป็นความผิดเหยื่ออยู่บ้างก็ตาม ก็ค่อย ๆ ปรับ ค่อย ๆ ให้ความรู้กันไป “คนบูลลี่สนุก แต่คนโดนอยากตาย” คำพูดเด็ดจากนักวอลเลย์บอลเกาหลี คำพูดที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวคราวนี้
เอาเข้าจริง ซีรีส์พล็อตแบบนี้มันเป็นสูตรสำเร็จที่เดาทางได้ไม่ยาก แล้วตอนจบก็มีไม่กี่แบบ แต่ที่น่าลุ้นก็คือ มันจะมีซีซัน 2 หรือไม่ เพราะเรื่องของความแค้น ถ้าจะทำ เล่ายังไงก็ไม่จบ อย่างล่าสุด Penthouse ซีรีส์ที่คนทั้งหลายยกย่องว่าเป็นซีรีส์ประสาทแ_กแห่งปี ยังทำซีซัน 2 ออกมาฉายแล้ว ระยะเวลาห่างกันไม่ถึง 3 เดือน (เป็นภาค 2 ที่รวดเร็วทันใจมาก) แต่คนก็ยังติดและรอดูเป็นกระแสที่คอซีรีส์ต่างพูดถึงในช่วงที่ผ่านมา แรงได้ใจแบบน้ำเน่ายังอาย แม้ว่าต้องกำกระปุกยาพาราไปด้วยก็ยอม ?