เมื่อกระแสความสนใจเรื่องการใช้รถพลังงานไฟฟ้า (รถEV) เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าจะคุ้มค่ากว่าการใช้รถยนต์ทั่วไปที่ต้องเติมน้ำมันมากน้อยเพียงใด วันนี้ Tonkit360 มีข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้ใช้รถมาฝากกัน
ปกติแล้วผู้ใช้รถยนต์ทั่วไป คุ้นเคยกับการคำนวณอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงออกมาเป็นกิโลเมตรต่อลิตร (km/L) หรือลิตรต่อ 100 กิโลเมตร (L/100 km) ทว่าหากเป็นรถพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ระบบชาร์จไฟแทนการเติมน้ำมัน รู้หรือไม่ว่าจะมีต้องคำนวณออกมาในรูปแบบใด
การกินไฟของรถพลังไฟฟ้า (รถ EV) มีการคำนวณออกมาเป็นกิโลเมตรต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง (km/kWh) ซึ่งอาจจะนำมาเปรียบเทียบการกินน้ำมันของรถยนต์ได้ลำบาก แต่มีการคำนวณคร่าว ๆ ถึงรถ EV ที่มีอยู่ในโชว์รูมทุกวันนี้ ในการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง ค่าไฟฟ้าจะอยู่ที่ราว ๆ 150-200 บาท และรถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 250-400 กิโลเมตร

หากคิดจากการใช้รถเครื่องยนต์สันดาปในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นดีเซล หรือเบนซิน ปกติระยะทาง 400 กิโลเมตร จะต้องใช้เงินเติมน้ำมันราว ๆ 500-800 บาท หมายความว่า รถ EV จะประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณได้ราว ๆ 3 เท่าตัวเลยทีเดียว
สอดคล้องกับข้อมูลจาก parkers.co.uk ของอังกฤษ ที่มีการคำนวณออกมาในรูปแบบของ ระยะทางที่รถวิ่งได้ ต่อ จำนวนเงิน 1 ปอนด์ ปรากฎว่า Kia e-Niro (EV First Edition) เป็นรถพลังไฟฟ้าที่มีอัตราความคุ้มค่าสูงสุด โดยเงินค่าไฟ 1 ปอนด์ วิ่งได้ 53.27 กิโลเมตร ส่วนรถเครื่องยนต์สันดาป(ไม่นับไฮบริด) ที่ประหยัดที่สุด คือ Honda Civic 1.6 ดีเซลเทอร์โบ เงินค่าน้ำมัน 1 ปอนด์ วิ่งได้ 17.38 กิโลเมตร

ส่วนราคาขายของรถยนต์ 2 รุ่นดังกล่าวถือว่าต่างกันเพียงเล็กน้อย โดยรถพลังงานไฟฟ้า Kia e-Niro ในโชว์รูมประเทศอังกฤษขายอยู่คันละ 32,995 ปอนด์ (ราว 1,280,000 บาท) ส่วน Honda Civic 1.6 ดีเซลเทอร์โบ ราคาขายที่อังกฤษ คันละ 23,115 ปอนด์ (ราว 901,000 บาท)
5 อันดับรถ EV ที่ประหยัดคุ้มค่าที่สุด (ข้อมูลปี 2020)
- Kia e-Niro First Edition
- Renault Zoe
- Tesla Model 3
- Volkswagen e-Golf
- BMW i3
5 อันดับรถเครื่องยนต์สันดาปที่ประหยัดคุ้มค่าที่สุด (ข้อมูลปี 2020)
- Honda Civic Saloon 1.6i DTEC (ดีเซล)
- Ford Focus 1.5 EcoBlue (ดีเซล)
- Honda Jazz S 1.3 i-VTEC (เบนซิน)
- Dacia Logan MCV Blue dCi 95 (ดีเซล)
- Kia Ceed 1.6 CRDi (ดีเซล)
ข้อมูล : parkers.co.uk / autocar.co.uk