สัปดาห์นี้มาเอาใจสุภาพสตรีสายอยากเป็นหญิงสาวสองพันปี หรืออยากจะเป็นอมตะ เพราะซีรีส์เป็นเรื่องราวของ “ผู้เด็กที่จีบรุ่นพี่” เขิน เขินหนักมากราวกับโดนจีบเอง ลองมองดูข้างกายหน่อยเป็นไร ว่ามีรุ่นน้องมาป้วนเปี้ยนรอบตัวอยู่หรือเปล่า
She Would Never Know เป็นซีรีส์แนวออฟฟิศ ที่ดัดแปลงมาจากนิยายออนไลน์ชื่อเดียวกัน และล่าสุดเพิ่งลงเป็นการ์ตูนในเว็บตูน เรื่องราวของชายหนุ่มรุ่นน้องที่ตกหลุมรักรุ่นพี่สาวที่ทำงานด้วยกัน โดยหนุ่มรุ่นน้องเป็นผู้ช่วยที่ทำงานเก่งมาก จึงเป็นเหมือนคู่หูที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับทีม ส่วนหนุ่มรุ่นน้องนี้แอบชอบสาวรุ่นพี่มาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน หนุ่มน้อยของเราถึงกับลั่นวาจากับรุ่นพี่สาวว่า “แล้วพบกันที่บริษัทครับ”
แต่เรื่องความรัก คนเรามักจะมีกฎเหล็กบางข้อสำหรับตัวเอง รุ่นพี่สาวก็มีกฎเหมือนกันว่า “เธอจะไม่ยุ่งกับคนที่อายุน้อยกว่า” จริง ๆ ทั้งคู่อายุห่างกันแค่ปีเดียว แต่วัฒนธรรมเกาหลีเขาถือความอาวุโสมาก เกิดก่อนแค่เดือนเดียวยังต้องถือว่าเป็นพี่ (แล้วค่อยปรับตามความสนิทสนมทีหลัง)
ซูฮกให้กับความใจแข็งของนาง ทำงานร่วมกันมาพักใหญ่ แถมยังใกล้ชิดกันมากจนคนอื่นยังมองว่าแอบกุ๊กกิ๊กกัน แต่นางไม่ได้รู้สึกอะไรกับผู้ช่วยรุ่นน้องคนนี้เลย ส่วนหนึ่งน่าจะมาจาก นางมีแฟนแล้ว! ซึ่งก็เป็นแฟนที่แอบคบในบริษัทนั่นแหละ แอบคบกันมาเกือบครบ 2 ปี แต่ไม่มีพิรุธให้ใครสงสัยเลย รุ่นน้องจึงคิดแค่ว่าจะเอาชนะใจรุ่นพี่ให้ได้ สุดท้ายก็ไปรู้เข้าโดยบังเอิญว่า 2 คนนี้แอบคบกัน
เหมือนฟ้าผ่ากลางอก รุ่นพี่ที่ดีกับเขามาโดยตลอด (ถึงจะขีดเส้นไว้ชัดเจน) มีแฟนแล้ว แถมผู้ชายคนนั้นก็ไม่ใช่คนที่เขาจะไปเป็นคู่แข่งได้ ด้วยคุณวุฒิและวัยวุฒิ เลยได้แค่แอบมอง แอบเจ็บอยู่ห่าง ๆ เวลาที่เห็นเขาทั้งคู่มีความสุขกันท่ามกลางความปกติทุกประการ เหี่ยวเฉาสิ้นหวังจนคิดจะตัดใจ แต่รักข้างเดียวของรุ่นน้องก็มาถึงจุดเปลี่ยนที่พอจะมีความหวัง เพราะเขาไปรู้โดยบังเอิญว่าแฟนหนุ่มของรุ่นพี่ที่เขาแอบชอบ กำลังจะแต่งงานในอีก 3 เดือน เจ้าสาวเป็นคนอื่น แน่นอนว่ารุ่นพี่ของเขาถูกแทงข้างหลัง คบซ้อนโดยไม่รู้ตัว
ปฏิบัติการทวงคืนรุ่นพี่จึงเกิดขึ้น เขาไม่สามารถทนเห็นคนที่ตัวเองชอบดูเป็นคนโง่อีกต่อไป เลยเปิดโปงแฟนหนุ่มของรุ่นพี่ ถึงจะทำให้เธอไม่พอใจ แต่ก็ยืนกรานว่าเธอจำเป็นต้องรู้ เพราะถ้าเขาแต่งงานกันเรียบร้อย สถานะเธอจะกลายเป็น “เมียน้อย” ไปโดยปริยาย ที่สำคัญ เขาอาจหาญถือวิสาสะ เอื้อมมือไปเช็ดลิปสติกที่ริมฝีปากของรุ่นพี่ ลิปสติกสีที่เธอทาเป็นประจำเวลาแอบนัดเจอกับแฟน แล้วบอกเธอว่า “รุ่นพี่ครับ อย่าทาลิปสติกสีนี้อีกนะครับ”
แม่เจ้า!!! ถ้าเป็นฉันคงล้มทั้งยืนใส่อ้อมกอดหนุ่มรุ่นน้องนั่นแหละ ไม่สิ หวั่นไหวใจอ่อนตั้งแต่แรกแล้ว เพราะรุ่นน้องคนนี้ก็โปรไฟล์ดีเลิศ เบ้าหน้าหล่อ สูง 191 เซนติเมตร บ้านรวย (ข้อนี้ชอบมาก) จริงใจเวอร์ แถมเป็นเด็กรุ่นใหม่ไฟแรงทำงานเก่ง (นางปั้นมาเองกับมือ) เป็นฉันคงบอกว่า แต่งค่ะแต่ง!!! สวมแหวนเลยค่ะ (ฮ่า ๆ) แต่คงมีแอบเคืองตรงที่สั่งไม่ให้ทาลิปสติกเนี่ยแหละ ถ้าพี่ไม่ทาลิป สภาพพี่ไม่ต่างจากศพเดินได้เลยนะคะคุณรุ่นน้อง
คนที่มารับบทรุ่นน้องหนุ่มผู้อบอุ่นเหมือนไมโครเวฟก็ไม่ใช่ใครอื่น “โรอุน” ไอดอลบอยแบนด์ SF9 แห่งค่าย FNC Entertainment เวลาที่พระเอกเรียก “ซอนเบ ๆ (รุ่นพี่)” ช่างกร้าวใจอิช้อยยิ่งนัก แล้วฉันก็แก่กว่าโรอุนด้วยเลยอินหนักมาก รู้สึกเหมือนโดนจีบ 555 ถึงคำว่าซอนเบจะดูห่างเหินกว่าคำว่านูนา (พี่สาว) แต่ในความรู้สึกเรามันดูแก่น้อยกว่า ก็นะทุกอย่างมีข้อยกเว้น ถ้าโรอุนจะเรียกเราว่านูนาเราก็ไม่ติด แต่ช่วยต่อ “นอมู เยปอ” ข้างท้ายด้วย
ปัญหาวุ่น ๆ ถ้าคบกับคนในที่ทำงาน
ย้อนไปในวัยเด็กน้อย ไม่ค่อยจะเข้าใจหรอกว่าทำไมถึงไม่ควรมีความรักหรือคบกับใครในที่ทำงาน เป็นคำพูดที่ได้ยินมาจากผู้ใหญ่บ้าง ละครบ้าง พอโตขึ้นมาวัยทำงานแล้วถึงได้รู้ว่านี่แหละปัญหาใหญ่ ใหญ่พอ ๆ กับการแบ่งพรรคแบ่งพวกในที่ทำงานเลยล่ะ แม้ว่ามันจะเป็นแค่เรื่องของคน 2 คนก็ตามที
รักในที่ทำงาน ถ้าคิดจะปิด มันต้องเก็บเป็นความลับ ถ้าไปกันได้ดีก็แล้วไป แต่ถ้าไม่ดี แค่คิดก็ดูไม่จืดแล้ว มันจะเป็นแผลเป็นในใจที่ติดตัวไปตลอดชีวิต เพราะถ้าเวลาทะเลาะกันหรือเลิกกัน บรรยากาศในการทำงานจะเปลี่ยนไปทันที ถึงเรื่องมันจะเป็นความลับระหว่างเรากับอีกคน แต่คิดว่าคนอื่น ๆ ที่ทำงานด้วยกันทุกวันเขาจับสังเกตไม่ได้เหรอ ถ้าบรรยากาศมันเหมือนถูกแช่แข็งขนาดนั้น พวกเขาอาจจะจับไม่ได้ แต่บรรยากาศมันจะอึดอัดจนรู้สึกได้
เวลาที่คบกับคนในที่ทำงาน เราจะต้องอยู่แบบระแวง ระวังตัว เพราะจะตกเป็นเป้าสายตาตลอดเวลา ถ้าถึงขั้นเลิกราก็ยังต้องทำงานด้วยกันในฐานะเพื่อนร่วมงาน ต้องเจอกันทุกวัน มันมีข้อเสียมากกว่าข้อดี โห เจอแบบนี้เครียดตายเลย เพราะฉะนั้น ถ้าคิดจะมีความสัมพันธ์ลับ ๆ แบบนี้กับคนที่ทำงาน ก็ลองพินิจพิจารณาให้ดี เวลารักกันมันก็ดี แต่เวลามีปัญหา จะรับมันได้หรือเปล่า
สาว ๆ หวงความโสดกันมากขึ้น
ด้วยความที่ตัวเรื่องมันเน้นที่เรื่องของความสัมพันธ์อยู่แล้ว แล้วเรื่องนี้ก็รักสามสี่ห้าเส้า (เส้าเยอะขนาดนี้เศร้าตามเลย) บวกกับสังคมสมัยใหม่ ผู้หญิงมีปากมีเสียงมากกว่าสมัยก่อน ทำงานนอกบ้าน ประสบความสำเร็จ เป็นที่ยอมรับ มีศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์เหมือนผู้ชายทุกประการ (บางคนเก่ง แกร่งกว่าผู้ชายหลาย ๆ คนอีก) นั่นหมายความว่าผู้หญิงสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งผู้ชาย แล้วก็อย่ามองว่าพวกหล่อนหาไม่ได้หรือไม่มีใครเอา หล่อนไม่หา ไม่สนใจใครต่างหาก
แน่นอนว่าความโสด ความอยู่คนเดียวมันก็เหงาแหละ แต่ผู้หญิงสมัยนี้มีเวลาจมกับความเหงาได้ไม่นาน หานู่นนั่นนี่ทำก็หายเหงาแล้ว (แค่ทำงานเวลาพักยังไม่พอ จะเอาเวลาไหนไปเหงา) พบปะเพื่อนฝูงที่โสด ๆ เหมือนกัน ชีวิตก็มีความสุขดี ไม่ได้รู้สึกว่าขาดอะไร ใช้เวลาอยู่กับผู้ชายในซีรีส์แล้วมโนว่าตัวเองเป็นนางเอกก็ไม่ได้แย่อะไร บางคน (หนึ่งในนั้นคือเราเอง) มีคติประจำใจว่า “ไม่มีผู้ชายไม่ตาย แต่ไม่มีเงินน่ะ ตายแน่”
ไม่ใช่แค่พวกหล่อนมีความสุขดี (ถ้าไม่นับตอนเหงา) ประสบการณ์ความรักที่ผ่านมา ประสบการณ์ความรักที่เห็นจากคนรอบข้าง และประสบการณ์การรู้จักนิสัยผู้ชาย มันไม่ได้จูงใจให้อยากมีแฟนมาอยู่ข้างกายเท่าไร คือถ้าคิดจะมีชีวิตก็ต้องดีกว่าตอนไม่มีอะเข้าใจไหม แล้วตอนไม่มีมันก็ดีในระดับหนึ่งแล้ว มาตรฐานก็สูงเป็นธรรมดา
งั้นหนุ่ม ๆ ที่จะจีบผู้หญิงบางคนก็ไม่ต้องแปลกใจ ถ้าเธอจะปฏิเสธคุณทั้งที่เธอยังไม่มีใคร แล้วก็ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้จักกัน คุณไม่ได้แย่หรือผิดอะไร เพียงแต่พวกเธอหวงความโสด หวงสถานะที่จะมีความสัมพันธ์แบบนี้จริง ๆ กับใคร และสำหรับผู้หญิงบางคน เธอหลงใหลการหวีดผู้ชายนับสิบนับร้อยในมโนของเธอมากกว่า มีความสุขกว่า เจ็บนิดหน่อยถ้าพวกเขาเปิดตัวแฟนจริง ๆ แต่ก็ไม่เป็นไร มีสำรองไว้เยอะ จะติ่งใครก็ได้ (ฮ่า ๆ)
จะคบใครรักใครก็เช็กประวัติดี ๆ นิดนึง
สมัยนี้เราทำความรู้จักกับใครบางคนได้ง่าย ง่ายเกินไป โซเชียลมีเดียเอย แอปฯ หาเพื่อนเอย แอปฯ หาคู่เอย มันทำให้เราคุยกับคนอีกซีกโลกได้ทั้งที่ยังไม่เจอหน้า จะกลายเป็นว่าพอเจอจริง ๆ กลับไม่ตรงปกซะงั้น มันก็เป็นเรื่องขำไม่ออกเหมือนกันนะเอาดี ๆ
หรือการหลอกลวงต่าง ๆ นานา อย่างที่เห็นออกข่าวทุกวี่วัน หลอกแต่งงานบ้าง หลอกคบเพื่อเอาเงินบ้าง หลอกแม้กระทั่งหน้าที่ใช้ขึ้นรูปโปรไฟล์ หลอกแม้กระทั่งชื่อ คือมันเอื้อให้คนถูกหลอกได้ง่ายเกินไป ก็จำเป็นต้องระมัดระวังตัวเองให้มาก เสียใจไม่พอ ยังจะเสียหน้า เสียทรัพย์อีก บางกรณีก็ไม่ได้ดูน่าสงสารเลยด้วย น่าสมเพชมากกว่าที่ตาบอดเพราะความรัก (กับใครก็ยังไม่รู้)
เอาดี ๆ แม้แต่คนรู้จักเองก็ยังไว้ใจไม่ได้เลย ก็เหมือนในซีรีส์เรื่องนี้แหละ คบกันมาตั้ง 2 ปี คบกันมาก่อนด้วย แต่อยู่ดี ๆ จะแอบไปแต่งงานเฉย ต่อให้แต่งเพราะความจำเป็น แต่ไม่คิดจะบอกกันหน่อยเหรอ จะให้เป็นคนโง่ที่รู้จากปากคนอื่นงั้นเหรอ พูดแล้วหงุดหงิดชะมัด เดี๋ยวจะเหมือนรุ่นพี่นางเอกของเรา เกือบจะตกที่นั่งเป็นเมียน้อยโดยไม่รู้ตัวซะแล้ว 😉