คุณเจอรสชาติไหนในกล่องช็อกโกแลตปี 2020

อีก 8 สัปดาห์ เรากำลังจะผ่านพ้นปี 2020 ปีที่เรียกได้ว่าหนักที่สุดสำหรับผู้คนทั่วโลก ทุกเพศ ทุกวัย ทุกชนชั้น ปีที่เริ่มต้นด้วยเหตุการณ์ที่หลายคนคาดไม่ถึงว่าต้องเจอกับการแพร่ระบาดของไวรัส ชนิดที่ทำให้การแข่งขันโอลิมปิกที่ญี่ปุ่นต้องเลื่อนออกไป ปีที่เศรษฐกิจทั่วโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย ทำให้เกิดการประท้วงเกือบทุกประเทศ ไม่นับรวมการระบาดของไวรัสที่กระทบต่อการศึกษา เป็นปีที่หลายคนบอกว่าไม่อยากจะบันทึกอะไรไว้เลยตลอด 12 เดือน

เชื่อว่าตอนนี้ความหวังของทุกคนไปอยู่ที่การค้นพบวัคซีนเพื่อป้องกันโรคในปีหน้า พร้อมกับการรอคอยให้เศรษฐกิจฟื้นคืน ขณะที่คนทำงานหลายคนก็หวังว่าภาวะการจ้างงานจะดีขึ้น รัฐบาลหลายประเทศอยากจะหายใจให้โล่งขึ้นเพราะเงินที่ต้องเอาไปอุดหนุนเศรษฐกิจชักจะเริ่มลดจำนวนลงเรื่อย ๆ

แล้วมันจะดีขึ้นจริงหรือ? แล้วมันจะเป็นอย่างที่หวังหรือ? คำตอบคือ “ไม่มีใครคาดเดาได้” เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้างระหว่างทาง ซึ่งความรู้สึกแบบนี้ทำให้ผู้เขียนนึกถึงภาพยนตร์เรื่อง Forrest Gump กับประโยคที่แม่ของ Forrest บอกแก่เขาว่า “Life was like a box of chocolate. You never know what you’re gonna get.” (ชีวิตก็เหมือนการเปิดกล่องช็อกโกแลต เธอไม่มีทางรู้เลยว่าจะมีอะไรอยู่ในกล่องบ้าง)

เป็น Quote จากภาพยนตร์ที่น่าจะทำให้เราได้เห็นความจริงไม่น้อยนะคะ อย่างผู้เขียนเองเมื่อปลายปี 2562 ต่อต้นปี 2563 บริษัทต้องเริ่มธุรกิจส่วนใหม่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับสื่อดิจิทัล เป็นการทำงานที่ต้องใช้ประสบการณ์การเป็นสื่อมาเกือบทั้งชีวิตมาลงแรงและเริ่มต้น ขณะที่ธุรกิจเดิมในฐานะผู้ผลิตรายการก็กำลังไปได้ดีกับลูกค้าเจ้าใหม่ แต่ทุกอย่างกลับมาชะงักงัน เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19

เมื่อทั้งโลกต้องเผชิญหน้ากับช่วงเวลาสุญญากาศ ทุกอย่างหยุดนิ่งไม่มีการถ่ายทำ ลูกค้าที่กำลังทำข้อตกลงขอเลื่อนเวลาการดำเนินการ ในขณะที่บริษัทมีรายจ่ายทุกเดือน เชื่อว่าภาวะแบบนี้เกิดผลกระทบหมดทั้งธุรกิจรายย่อยหรือรายใหญ่ มันเหมือนการเปิดกล่องช็อกโกแลต มาแล้วต้องมาเจอดาร์กช็อกโกแลตที่ขมปี๋ ช่วงเวลาแบบนี้สติของผู้ประกอบการ และ การหันกลับมาบริหารการเงินภายในองค์กร คือสิ่งสำคัญที่สุด ใครที่ตั้งสติได้เร็ว และยังพอยืนอยู่ได้แม้ว่าจะกระทบกับงาน ทางรอดก็ยังพอมี

สำหรับผู้เขียนแล้วเป็นสี่เดือนที่ต้องกล้ำกลืนกับดาร์กช็อกโกแลต แต่เชื่อไหมว่ารสขมที่กินเข้าไปตลอดสี่เดือนนั้นกลายเป็นรสหวาน ทำให้เรามองเห็นทางใหม่ ๆ มากขึ้น สิ่งที่เริ่มต้นเอาไว้ในอดีต สามารถเอามาต่อยอดได้ คุณภาพงานที่เราเคยทำเอาไว้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ทำให้ลูกค้ายังคงกลับมาหาเรา ถึงเวลานี้กล่องช็อกโกแลต ที่ทั้งกล่องเต็มไปด้วยดาร์กช็อกโกแลตหมดไปแล้ว ผู้เขียนได้เปิดกล่องใหม่อีกกล่องเรียบร้อย ในกล่องนั้นมีหลายรสคละเคล้ากันไป และทำให้รู้ว่าในปีหน้าและปีต่อ ๆ ไป บริษัทจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ

ถึงตอนนี้เวลาที่มีใครมาถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง” คำตอบแรกอาจบอกว่า “เหนื่อยมาก” แต่คำตอบต่อมาคือ “แม้จะเหนื่อยมากแต่ก็เป็นปีที่ได้เริ่มทำสิ่งใหม่ ได้เห็นศักยภาพของตนเองในการสู้กับอุปสรรคได้เห็นว่าการทำธุรกิจเมื่อถึงเวลาครบรอบ 10 ปี ต้องมีการเปลี่ยนแปลง และได้เห็นว่าการรักษาคุณภาพ มาตรฐานในการทำงาน รวมไปถึงทำในสิ่งที่เรามีความรู้จริง ๆ จะทำให้เราอยู่รอด”

หวังว่าปีหน้าพวกเราจะได้พบว่าช็อกโกแลตในกล่องใหม่ ที่จะมีแต่รสชาติอันทำให้ทุกคนยิ้มได้ ขอแค่เพียงคุณต้องระวังไม่ทำให้กล่องช็อกโกแลตของคุณตกลงพื้นเท่านั้นเอง

แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ